ชั้นล่างของมหาวิหาร ของ มหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี

การตกแต่งทั่วไป

ทางเข้าชั้นล่างทางด้านข้าง

หลวงพ่อเอเลียเป็นผู้ออกแบบชั้นล่างของมหาวิหารเป็นห้องใต้ดิน (crypt) โดยให้เพดานโค้งสัน (ribbed vault) ท่านมีประสบการณ์การก่อสร้างจากสร้างที่ฝังศพขนาดใหญ่ในภูเขาเมื่อไปจำพรรษาอยู่ที่ซีเรีย

ทางเข้าชั้นล่างอยู่ทางด้านข้างภายใต้ซุ้มประตูแบบสถาปัตยกรรมกอทิกที่สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 มีประตูไม้สองประตูโดยฝีมือช่างไม้จากอุมเบรียจากคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทางด้านหนึ่งเป็นคูหาสวดมนต์ของพระคาร์ดินัล อัลบอร์โนซ (Egidio Albornoz) ผู้มีหน้าที่ทางกฎหมายของนครรัฐวาติกันระหว่างปี ค.ศ. 1350 ถึงปี ค.ศ. 1367 ที่อุทิศให้นักบุญแคเธอรินแห่งอะเล็กซานเดรีย งานจิตรกรรมฝาผนังภายในคูหาเป็นฉากชีวิตของนักบุญแคเธอรีน 8 ฉากวาดระหว่างปี ค.ศ. 1368 จนถึงปี ค.ศ. 1369 โดยอันเดรอัส พิกตอร์ เดอ โบโนเนีย (Andreas pictor de Bononia) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “อันเดรีย” ซึ่งอาจจะเป็นคนคนเดียวกับอันเดรีย เดอ บาร์โทลี (Andrea de’ Bartoli) ผู้เป็นจิตรกรประจำราชสำนักของอัลบอร์โนซ แต่ไม่ใช่อันเดรีย ดา บาโลนยา (Andrea da Bologna) ที่มักจะอ้างอิงกันผิด ๆ รูปนักบุญในคูหาวาดโดยพาเซ ดิ บาร์โทโล ด'อาซิซิ (ค.ศ. 1344 - ค.ศ. 1368)

ทางด้านซ้ายเป็นคูหาสวดมนต์นักบุญเซบาสเตียนซึ่งวาดโดยจอร์เจ็ตตี (Giorgetti) และฉากชีวิตของนักบุญโดย จี. มาร์เทลลี (G. Martelli) ทางด้านขวามีอนุสรณ์สองอนุสรณ์ๆ หนึ่งเป็นของจิโอวานนี เดอ เซอร์ชิ (Giovanni de' Cerchi) และอีกด้านหนึ่งเป็นของจอห์นแห่งบรีน (John of Brienne) พระมหากษัตริย์เยรูซาเลมและเป็นจักรพรรดิสำเร็จราชการกรุงคอนสแตนติโนเปิล

สองข้างทางเดินกลางเป็นคูหาสวดมนต์ภายในซุ้มครึ่งวงกลม ตัวทางเดินกลางตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าที่สุดในมหาวิหารโดยจิตรกรที่เรียกกันว่า “ไมสโตร ดิซานฟรานเชสโก” (Maestro di San Francesco) เป็น 5 ฉากจาก “พระทรมานของพระเยซู” (Passion of Christ) ทางด้านขวา ทางด้านซ้ายเป็น 5 ฉากจาก “ชีวประวัติของนักบุญฟรังซิส” (Life of St. Francis) การจัดวางภาพสองชุดนี้ด้วยกันเช่นนี้เป็นการจงใจของคณะฟรังซิสกันเพื่อเป็นการแนะว่านักบุญฟรังซิสเปรียบเหมือนการมาครั้งที่สองของพระเยซู

ภาพที่วาดล้อมรอบด้วยกรอบสีน้ำเงินสดตกแต่งด้วยดาวทอง ภาพทางด้านล่างของกำแพงจางไปจนเกือบจะไม่เหลือรอยนอกจากทางกำแพงด้านขวาที่ยังเหลือภาพ“แม่พระและพระกุมารกับนักบุญ” โดยชิมาบูเย ภาพเขียนบนผนังใช้วิธีวาดโดยใช้สีฝุ่นผสมบนปูนแห้ง วาดเสร็จระหว่างปี ค.ศ. 1260 ถึงปี ค.ศ. 1263 ถือกันว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่ดีที่สุดในแคว้นทัสกานีก่อนชิมาบูเย เมื่อมีผู้คนมาสักการะนักบุญฟรานซิสกันมากขึ้นทางโบสถ์จึงต้องสร้างคูหาสวดมนต์สำหรับครอบครัวสำคัญๆ ระหว่างปี ค.ศ. 1270 ถึงปี ค.ศ. 1350 สองข้างทางเดินกลางซึ่งทำให้ต้องทำลายจิตรกรรมฝาผนังไปมาก

คูหาสวดมนต์นักบุญมาร์แต็งแห่งตูร์

  • มาร์แต็งแห่งตูร์สละชีวิตทางทหาร วาดโดยซิโมเน มาร์ทินี
  • ภาพภายในคูหานักบุญมาร์แต็ง
  • ภาพภายในคูหานักบุญมาร์แต็ง
  • นักดนตรีเป่าขลุ่ยสองอัน วาดโดยซิโมเน มาร์ทินี
  • หลุยส์แห่งตูลูส (Louis of Toulouse) เอลิซาเบธ
    แห่งเทอริงเกีย (Elisabeth of Thuringia) นักบุญแคล
    (St. Clare) และ พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส บนบานภาพพับโดยซิโมเน มาร์ทินี

คูหาสวดมนต์แรกทางซ้ายอุทิศให้นักบุญมาร์แต็งแห่งตูร์ สร้างโดยคาร์ดินาลดา มอนเตฟอเร (Cardinal da Montefiore) ตกแต่งระหว่างปี ค.ศ. 1317 ถึงปี ค.ศ. 1319 เป็นจิตรกรรมฝาผนัง 10 ฉากของชีวิตนักบุญมาร์ติน วาดโดยซิโมเน มาร์ตินิ และมีบานภาพพับที่มีภาพของนักบุญหลายองค์ งานภายในคูหาสวดมนต์นักบุญมาร์ตินเป็นงานที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของซิโมเน มาร์ทินีและเป็นงานจิตรกรรมที่ดีเด่นที่สุดของคริสต์ศตวรรษที่ 14 สิ่งที่น่าเสียดายคือสีขาวตะกั่วของมาร์ทินีหม่นลงไปตามกาลเวลา

คูหาสวดมนต์อีกคูหาหนึ่งทางซ้ายอุทิศให้กับนักบุญปีเตอร์แห่งอัลคันทารา (St. Peter of Alcantara)

คูหาสวดมนต์อื่น ๆ

“Maesta” กับ นักบุญฟรานซิส โดยชิมาบูเย “Madonna dei Tramonti” by เปียโตร ลอเร็นเซ็ตติ (Pietro Lorenzetti)แท่นบูชาพระสันตะปาปาและการตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังทั้งบริเวณ

คูหาสวดมนต์ทางขวาอุทิศให้:

  • นักบุญหลุยส์แห่งตูลูส (St. Louis of Toulouse) และนักบุญสตีเฟนแห่งฮังการี (St. Stephen of Hungary) จิตรกรรมฝาผนังเป็นฝีมือของโดโน โดนี (Dono Doni) สร้างเมื่อ ค.ศ. 1575 และหน้าต่างประดับกระจกสีโดย ซิโมเน มาร์ทินี
  • นักบุญแอนโทนีแห่งปาดัว (St. Anthony of Padua) จิตรกรรมฝาผนัง เป็นฝีมือของเชซาเร เซอร์เม (Cesare Sermei) สร้างเมื่อ ค.ศ. 1610
  • นักบุญมารีย์ชาวมักดาลา (St. Mary Magdalene) คูหาสวดมนต์นี้สร้างโดยเตโอบัลโด ปอนตาโน (Teobaldo Pontano) บิชอปแห่งอัสซีซีระหว่างปี ค.ศ. 1296 ถึงปี ค.ศ. 1329 เป็นคูหาที่มีงานสำคัญของเวิร์คช็อปของจอตโต ดี บอนโดเน หรือจอตโตอาจจะวาดด้วยตนเองราวปี ค.ศ. 1320 ซึ่งวาซารีสันนิษฐานผิดว่าเป็นงานของพูชิโอ ชาแพนนา (Puccio Capanna) บนกำแพงเป็นฉากจาก “ชีวิตของแมรี แม็กดาเลน” (Life of Mary Magdalene) เหนือภาพเหมือนของทีโอบาลโด ปอนตาโน ขณะที่รอบเพดานโค้งตกแต่งด้วยรูปพระเยซู พระแม่มารี แมรี แม็กดาเลน และนักบุญลาซารัสผู้เป็นพี่ชายของแมรี แม็กดาเลน

เหนือทางเดินกลางเป็นเพดานโค้งประทุน สุดทางเป็นมุขครึ่งวงกลมที่ตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยจิตรกรรมฝาผนัง ภาพเขียนทางขวาเป็นชีวิตของพระเยซูเมื่อยังทรงพระเยาว์ซึ่งบางส่วนเป็นงานของจอตโตและเวิร์คช็อพ และฉาก “การประสูติของพระเยซู” (Nativity) โดยช่างที่ไม่ทราบชื่อที่เรียกกันว่า “มาสเตอร์แห่งนิโคโล” (Maestro di San Nicola) ชั้นล่างสุดเป็นจิตรกรรมฝาผนัง 3 รูปของนักบุญฟรานซิสช่วยเด็กสองคนที่ตายไปแล้วบนฉากหลังที่เป็นทิวทัศน์ หน้าคนในภาพแสดงเริ่มแสดงออกถึงอารมณ์ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ทางศิลปะของยุคนั้น

บนผนังทางเดินกลางชิมาบูวาดงานที่สำคัญที่สุด “แม่พระครองบัลลังก์และนักบุญฟรังซิส” (Our Lady enthroned and Saint Francis) ปี ค.ศ. 1280 ซึ่งว่ากันว่าเป็นภาพที่เหมือนนักบุญฟรังซิสตัวจริงมากที่สุด ลักษณะภาพเป็นแบบศิลปะกอทิกซึ่งต่างกันมากจากงานของจอตโตตรงที่มีชีวิตจิตใจมากกว่า

ทางขวาของทางเดินกลางเป็นคูหาสวดมนต์เซนต์นิโคลัสแห่งบารี (Chapel of St. Nicolas of Bari) ผู้จ้างอาจจะเป็นนโปลิโอเน ออร์ซินิ (Napoleone Orsini) ผู้เป็นผู้แทนของพระสันตะปาปา เป็นจิตรกรรมฝาผนัง 10 ภาพโดยช่างที่ไม่ทราบชื่อที่เรียกกันว่า “มาสเตอร์แห่งนิโคโล” ระหว่างปี ค.ศ. 1295 ถึงปี ค.ศ. 1305 เป็นภาพปาฏิหาริย์และการแสดงความกรุณาของนักบุญนิโคลัส ภาพชุดนี้มีอิทธิพลมาจากชุด “ตำนานของนักบุญฟรังซิส” ที่อยู่ชั้นบนของมหาวิหาร ซึ่งวาซารีสันนิษฐานผิดว่าเป็นงานของจอตโต ช่างคนเดียวกันวาดภาพ “แม่พระรับสาร” (Annunciation) ในคูหาสวดมนต์ตรงกันข้าม

ทางเดินกลางและแท่นบูชา

ด้านซ้ายของทางเดินกลางตกแต่งโดยปีเอโตร โลเรนเซตตี (Pietro Lorenzetti) จิตรกรชาวเซียนนา ระหว่างปี ค.ศ. 1315 ถึงปี ค.ศ. 1330 ซึ่งวาซารีสันนิษฐานผิดว่าเป็นงานของจอตโตและพูชิโอ ชาแพนนา จิตรกรรมฝาผนังชิ้นนี้เป็นงานชิ้นเอกของลอเร็นเซ็ตติ เป็นชุดภาพ 6 ภาพเกี่ยวกับ “พระทรมานของพระเยซู” (Passion of Christ) โดยเฉพาะภาพ “การนำร่างของพระเยซูลงจากกางเขน” (Deposition of the Cross) เป็นภาพที่แสดงอารมณ์ของผู้อยู่ในภาพเป็นอย่างมาก การสร้างจิตรกรรมฝาผนังชิ้นนี้แบ่งเป็น 330 ขั้นซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีจึงวาดเสร็จแม้ลอเร็นเซ็ตติจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วย นอกจากนั้นลอเร็นเซ็ตติยังตกแต่งโบสถ์น้อยนักบุญยอห์นแบปทิสต์ (Chapel of St John the Baptist) ข้างๆ ด้วยภาพ “Madonna dei Tramonti”การจัดวางระหว่างพระเยซูเมื่อยังทรงพระเยาว์และ “พระทรมานของพระเยซู” เป็นการเปรียบเทียบความมีความรู้สึกเศร้าใจไปกับความทุกข์ของผู้อื่นระหว่างพระเยซูกับนักบุญฟรังซิส

แท่นบูชาพระสันตะปาปาตรงมุขทำด้วยหินก้อนเดียวจากโคโมเมื่อ ค.ศ. 1230 รอบแท่นบูชาตกแต่งด้วยเพดานโค้งกอธิคที่รับโดยเสาหลายแบบ เสา 12 เสาที่ล้อมรอบแท่นบูชาถูกรื้อออกไปเมื่อ ค.ศ. 1870 ที่นั่งสวดมนต์สร้างด้วยไม้วอลนัตเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1471 โดยอพอลโลนิโอ เพโตรชชิ ดา ริพาทรานโซนิ (Apollonio Petrocchi da Ripatransone) ช่วยโดยทอมัสโซ ดิ อันโตนิโอ ฟิโอเร็นทิโน (Tommaso di Antonio Fiorentino) และอันเดรีย ดา มอนเทฟาลโค (Andrea da Montefalco)

เมื่อจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นอุปมานิทัศน์ของพระเยซูถูกตรึงกางเขนโดยสเตฟานโน ฟิโอเร็นทิโน (Stefano Fiorentino) ถูกทำลายไปเมื่อปี ค. ศ. 1622 ก็ทำภาพใหม่ทับเป็นภาพ “การพิพากษาครั้งสุดท้าย” (Last Judgment) โดย เซซาเร เซอร์เม ดิ ออร์เวียตโต (Cesare Sermei di Orvieto)

ภาพเขียนบนมุขเป็นภาพ “ชัยชนะของนักบุญฟรังซิส” (Triumph of St Francis) และอุปมานิทัศน์สามภาพของ “ความเชื่อฟัง” “ความจน” “ความบริสุทธิ์” เชื่อกันว่าวาดโดย “นายช่างแห่งเวเล” หรือที่เรียกกันว่า “นายช่างแห่งเพดานมหาวิหารเซนต์ฟรานซิส” ผู้เป็นลูกศิษย์ของจอตโตเมื่อปี ค.ศ. 1330 หน้าต่างประดับกระจกสีเชื่อกันว่าทำโดยจิโอวานนี ดิ โบนิโนและเวิร์คช็อพ

ใกล้เคียง

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

แหล่งที่มา

WikiPedia: มหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี http://www.assisionline.com/assisi__162.html http://www.thais.it/speciali/assisi/Giotto/mappa_g... http://www.thais.it/speciali/assisi/Lorenzetti/int... http://www.thais.it/speciali/assisi/SimoneMartini/... http://www.digitaltheology.org/index.php?option=co... http://commons.wikimedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%... http://commons.wikimedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%...