เมนูนำทาง
มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 2,314 kJ (553 kcal) |
30.19 g | |
น้ำตาล | 5.91 g |
ใยอาหาร | 3.3 g |
43.85 g | |
18.22 g | |
วิตามิน | |
ไทอามีน (บี1) | (37%) .42 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (5%) .06 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (7%) 1.06 มก. |
(17%) .86 มก. | |
วิตามินบี6 | (32%) .42 มก. |
โฟเลต (บี9) | (6%) 25 μg |
วิตามินซี | (1%) .5 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (4%) 37 มก. |
เหล็ก | (51%) 6.68 มก. |
แมกนีเซียม | (82%) 292 มก. |
ฟอสฟอรัส | (85%) 593 มก. |
โพแทสเซียม | (14%) 660 มก. |
สังกะสี | (61%) 5.78 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐอเมริกาสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA Nutrient Database |
ปัจจุบันมะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพราะเติบโตได้อย่างเหมาะสมในสภาพอากาศที่ชื้น และอบอุ่น ทั้งในเอเชีย และอเมริกาใต้ นิยมใช้เนื้อภายในเมล็ดเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของอินเดีย เวียดนาม และบราซิล ทั้งสามประเทศนี้ มีอัตราการส่งออกถึง 90% ของผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทั่วโลก
ส่วนผลมะม่วงหิมพานต์นั้นเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ แต่มีรสเปรี้ยว รับประทานได้ทั้งห่ามและสุก ทางภาคใต้ของไทย นิยมนำผลห่ามแกงส้ม แกงเลียง ส่วนผลสุก รับประทานกับเกลือเป็นของกินเล่น บางครั้งออกรสฝาดเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสามารถนำไปหมักเป็นไวน์ น้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ ผลมะม่วงหิมพานต์มีส่วนประกอบของแทนนินมาก และเน่าเสียเร็วมาก ด้วยเหตุนี้ โดยทั่วไปจึงมักจะทิ้งผลเทียม หลังจากเก็บเมล็ดออก
ส่วน urushiol นั้น จะต้องนำออกจากเปลือกเมล็ดสีเขียวเข้มก่อนที่จะรับประทานเนื้อสีขาวนวลข้างใน ยางจากเปลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ในอินเดีย ควาญช้างนำมาใช้เพื่อคุมช้างให้เชื่อง
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว โรยเกลือ เป็นอาหารว่างเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นับเป็นส่วนประกอบอาหารหลายชนิดในเอเชีย อาจบดให้ป่น เป็นเนยเมล็ดมะม่วงสำหรับใช้ทาขนมปังแบบเดียวกับเนยถั่วก็ได้ เมล็ดมะม่วงนี้มีน้ำมันพืชสูงมาก มีการนำไปใช้ในเนยถั่วอื่น ๆ บางชนิด เพื่อเพิ่มน้ำมันพิเศษ เมล็ดมะม่วงบรรจุหีบห่อที่พบในสหรัฐอเมริกา ปริมาณ 30 กรัม มีพลังงาน 180 แคลอรี (750 กิโลจูล) โดยมีไขมัน 70% เม็ดมะม่วงหิมพานต์สดได้จากการกะเทาะเปลือกของผลแก่ออก นำมาแช่น้ำปูนใสเพื่อป้องกันไม่ให้ดำ นำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่นใส่ในแกงไตปลา แกงส้ม นำไปอบแล้วผัดกับน้ำตาลปี๊บเคี่ยว กินเป็นของหวาน เช่นหัวครกฉาบ[1]
ของเหลวที่มีอยู่ในเปลือก ที่หุ้มเนื้อข้างใน เรียกว่า Cashew Nut Shell Liquid (CNSL) มีประโยชน์หลายประการในด้านอุตสาหกรรม ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในราวทศวรรษ 1930 ของเหลวชนิด CNSL นี้ถูกนำไปผ่านกระบวนการคล้ายการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม โดยได้ผลผลิตเบื้องต้นสองอย่าง นั่นคือ ของแข็งบดละเอียด ใช้หุ้มเบรก และของเหลวสีอำพัน ที่ใช้เพื่อสร้างตัวทำให้แข็งแบบฟีนอลคามีน (phenalkamine) และตัวปรับปรุงคุณภาพเรซิน สารฟีนอลคามีนนั้นเดิมใช้ในการเคลือบอีพอกซีสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ปูพื้นและเกี่ยวกับการเดินเรือ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่มีไฮโดรโฟบิกเข้มข้น และสามารถมีปฏิกิริยาเคมีได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ
เมนูนำทาง
มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์ใกล้เคียง
มะม่วง มะม่วงหิมพานต์ มะม่วงกวน มะม่วงหัวแมงวัน มะม่วงป่า มะม่วงจิ้งหรีด มะม่วงขี้ไต้ มะม่วงชัน มะม่วย มะม่วงกะเลิงแหล่งที่มา
WikiPedia: มะม่วงหิมพานต์ http://ndb.nal.usda.gov/ndb/search/list