ในทาง
คณิตศาสตร์ รากที่ n ของจำนวน x คือจำนวน r ที่ซึ่งเมื่อยกกำลัง n แล้วจะเท่ากับ x นั่นคือตัวแปร n คือจำนวนที่ใส่เข้าไปเป็น
ดีกรีของราก โดยทั่วไปรากของดีกรี n จะเรียกว่ารากที่ n เช่นรากของดีกรีสองเรียกว่า
รากที่สอง รากของดีกรีสามเรียกว่า
รากที่สาม เป็นอาทิตัวอย่างเช่นรากที่ n ของจำนวนหนึ่งอาจมีหลายคำตอบก็ได้และไม่จำเป็นต้องเป็น
จำนวนจริงรากเหล่านี้โดยปกติเขียนแทนด้วยเครื่องหมาย
กรณฑ์ ซึ่งมีลักษณะดังนี้ {\displaystyle {\sqrt {\,\,}}} โดยส่วนบนจะยาวคลุมตัวถูกดำเนินการโดยตลอด (เสมือนเป็น
วงเล็บในตัว) รากที่สองของ x เขียนแทนด้วย x {\displaystyle {\sqrt {x}}} รากที่สามเขียนแทนด้วย x 3 {\displaystyle {\sqrt[{3}]{x}}} รากที่สี่เขียนแทนด้วย x 4 {\displaystyle {\sqrt[{4}]{x}}} เช่นนี้เรื่อยไป เมื่อจำนวนหนึ่งเขียนอยู่ภายใต้กรณฑ์ มันต้องให้ค่าออกมาเพียงค่าเดียวเหมือน
ฟังก์ชัน ดังนั้นรากที่เป็นจำนวนจริงไม่เป็นลบ ซึ่งเรียกว่า
รากที่ n มุขสำคัญ (principal n-th root) จะเป็นจำนวนที่ถูกเลือกมากกว่ารากอื่น จำนวนติดกรณฑ์ที่ไม่ได้แจงค่าหรือหาค่ามิได้ บ่อยครั้งที่ถูกเรียกว่า
เสิร์ด (surd)
[1] หรือ
ราก (radical)
[2] ไปอย่างนั้น ในภาษาไทยนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า
รูต (root)ใน
แคลคูลัส รากต่าง ๆ ถือว่าเป็นกรณีพิเศษของ
ยกกำลังซึ่งมี
เลขชี้กำลังเป็น
เศษส่วนดังนี้รากต่าง ๆ มีความสำคัญโดยเฉพาะกับทฤษฎีของ
อนุกรมอนันต์ ซึ่ง
การทดสอบโดยรากเป็นตัวพิจารณา
รัศมีของการลู่เข้าของ
อนุกรมกำลัง รากที่ n อาจสามารถนิยามสำหรับ
จำนวนเชิงซ้อนและรากเชิงซ้อนของ 1 (
รากปฐมฐาน) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในคณิตศาสตร์ชั้นสูง
ทฤษฎีกาลัวจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาว่า
จำนวนเชิงพีชคณิตสามารถเขียนแทนในรูปของกรณฑ์ได้ นำไปสู่
ทฤษฎีบทอาเบล-รัฟฟินีที่ว่า
พหุนามดีกรีห้าขึ้นไปโดยทั่วไปไม่สามารถหาคำตอบได้โดยใช้รากเพียงอย่างเดียว