ตำนาน ของ รุวันแวลิแสยะ

ตามหลักฐานในคัมภีร์มหาวงศ์ พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งจักรวรรดิโมริยะ เลือกที่จะไม่ไปนำเอาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้ามาจากบรรดานาคที่รามคราม (Ramagrama) ตามคัมภีร์ระบุว่าเมื่อครั้นจะเสด็จปรินิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสกล่าวเป็นลางว่าพระอัฐิของพระองค์จะแบ่งออกเป็นแปดโทณะ (dona; หรือ ทะนาน) หนึ่งในนี้จะนำไปบูชาโดยโกลิยะแห่งรามคราม จากนั้นจะมาอยู่เป็นของนาค ก่อนที่จะมาประดิษฐานในดินแดนลังกา พระเจ้าอโศกมหาราชได้รับรู้เรื่องนี้จากพระอรหันต์รูปหนึ่ง ซึ่งระบุว่าการประดิษฐานในดินแดนลังกาในอนาคตจะมีกษัตริย์ทุฏฐคามณีเป็นผู้อัญเชิญไปยังลังกา[4]

ในคัมภีร์ถูปวงศ์ มีการระบุถึงสิ่งมีชีวิตมากมายที่มาเข้าร่วมฉลองการประดิษฐานของพระธาตุในมหาสถูปที่ลังกา เช่น กษัตริย์แห่งนาค มหากาลา (Mahakala) พระธาตุได้อัญเชิญไปประดิษฐานบนสุวรรณอาสน์ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระวิศวกรรม และอัญเชิญลงมาโดยพระอินทร์ พระพรหมได้ถวายฉัตรล่องหนแห่งความเป็นเอกเทศ และกษัตริย์ Dutthagamani ได้ถวายฉัตรของตนเช่นกัน พระอรหันต์ อินทคุตตะ (Indagutta) ได้สร้างสิ่งคลุมรอบจักรวาลไว้ ไม่ให้มารเข้าใกล้ได้ และภิกษุสงฆ์สวดพระสุตตันตปิฎก กษัตริย์ทุฏฐคามณี อัญเชิญพระธาตุในหีบขึ้นเหนือหัวและเดินเข้าไปยังปะรำพิธีเพื่อประดิษฐานบนสุวรรณอาสน์ ทันใดนั้นพระธาตุลอยขึ้นในอากาศและปรากฏเป็นพระพุทธองค์ ซึ่งพร้อมไปด้วยลักษณะของมหาบุรุษทุกประการ พร้อมทั้งแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ไฟและน้ำ ในครั้นนี้มีเทวดาและมนุษย์ 120 ล้านคนที่บรรลุพระอรหันต์ จากนั้นพระธาตุจึงกลับสู่หีบและประดิษฐานบนสุวรรณอาสน์ภายในพระสถูปสืบมา[5]