ตัวอย่างผลงานที่สำคัญของศิลปินในกลุ่มเซอร์เรียลลิซึม ของ ลัทธิเหนือจริง

งานจิตรกรรม

  • The Great Masturbator (พ.ศ. 2472, oil on canvas: 110x150.5 cm. Museo Centro Nacional centro de Arte Reina Sofia, Marid) เป็นหนึ่งในงานชิ้นแรก ๆ ของ ซัลบาดอร์ ดาลี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ทางเพศของตัวศิลปินและความรู้สึกสำนึกผิดหรือความกลัวเกี่ยวกับการลงโทษ โดยศีรษะที่ดูอ่อนนุ่มที่อยู่ทางด้านข้างหมายถึงตัวศิลปินเอง ส่วนปากมีตัวตั๊กแตนที่ส่วนท้องของมันกำลังถูกฝูงมดกันกิน ซึ่งสำหรับตัวศิลปิน ถือเป็นสัญลักษณ์ของการคอร์รัปชั่น หรือความไม่ซื่อสัตย์[3]
ภาพ "The Great Masturbator" โดย ซัลบาดอร์ ดาลี
  • Soft Construction with Boiled Beans: Premonition of Civil War (พ.ศ. 2479, The Louise and Walter Arensberg Collection. The Philadelphia Museum of Art, Pennsylvania) เป็นหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงว่าเป็นภาพแห่งการต่อต้านสงคราม โดยเนื้อที่ดูนุ่มนิ่มของร่างกายผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางภาพจะดูแตกต่างจากมือที่ดูคล้ายเขาสัตว์ซึ่งกำลังบีบรัดหน้าอกของหญิงสาวในขณะที่คนอื่น ๆ ที่อยู่บนพื้นดูเหมือนเป็นแค่รากไม้ของต้นองุ่น ในส่วนของด้านหลังเป็นภาพของผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่ดูธรรมดา ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อของสงคราม[4]
  • Sleep (พ.ศ. 2480, oil on canvas, 51x78 cm. Private Collection) ภาพนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของดาลี ศีรษะที่ดูมีเอกลักษณ์เช่นนี้หมายถึงตัวของศิลปินเอง การนอนหลับถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สำคัญสำหรับดาลี เพราะไม่ใช่แค่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้หลงลืมสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจในชีวิต แต่ยังเป็นขอบเขตของจิตใต้สำนึกในความหวาดระแวง ความเพ้อฝัน ซึ่งถูกซ่อนอยู่ในชีวิตจริงด้วย[5]
  • Pieta or Revolution by Night (พ.ศ. 2466, Oil on canvas, 89 x 116 cm. London, Tate Gallery) ผลงานชิ้นเยี่ยมของมัคส์ แอ็นสท์ (Max Ernst) เป็นภาพลึกลับที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกับพื้นฐานความคิดของฟรอยด์ในความซับซ้อนแบบอีดิปัส ซึ่งผู้เป็นบุตรชายได้แข่งขันกับพ่อเพื่อที่จะแย่งความรับจากแม่ รวมถึงความกลัวจากการถูกทำหมันโดยพ่อของตน ภาพของพ่อที่คุกเข่าอุ้มบุตรชายไว้ในท่าที่เป็นได้ทั้งการบวงสรวงและแบบประเพณีอย่างปิเอต้า มีฝักบัวสีขาวหัวสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ของลึงค์ ด้านหลังภาพเป็นฉากเบลอ ๆ ดูเหมือนเงา ไม่เน้นให้มีความชัดเจน นอกจากนี้อาจแสดงถึงตัวแอ็นสท์กับพ่อของเขาและงานทั้งหมดเกี่ยวกับชีวิตลำเค็ญในวัยเยาว์ที่ผูกพันกับพ่อ เขาวาดภาพนี้เพื่อต่อต้านบิดาผู้เคร่งศาสนาโดยนำเสนอภาพบิดาที่กำลังโอบอุ้มตัวเขาซึ่งแข็งเป็นหิน เป็นการเลียนแบบภาพพระแม่อุ้มศพพระเยซูหลังจากถูกนำลงมาจากไม้กางเขน[6]
  • The Two Mysteries (พ.ศ. 2509) ภาพกล้องยาสูบของ เรอเน มากริต แสดงถึงการดีไซน์ที่เรียบง่ายและตรงวัตถุประสงค์ของการสื่อความหมายที่ไม่ใช่เพียงตัววัตถุแต่เป็นการให้ความหมายด้วยภาษาที่เขียนกำกับไว้ใต้ภาพภาษาเป็นสิ่งที่ตีความได้ไม่สิ้นสุด และสั่นคลอนได้ง่าย ภาษาเป็นภาพตัวแทนของวัตถุในการจดจำ จริง ๆ แล้วสิ่งนี้อาจมีความหมายหรือไม่มีความหมาย เราไม่ได้ให้ความหมายกับสิ่งที่มันเป็นแต่เราให้ความหมายกับสิ่งที่เราใช้เรียกมัน ความหมายของวัตถุจึงเป็นสิ่งที่ถูกสร้าง เราให้ค่ากับสิ่งต่าง ๆ เพราะการเสพความหมายของมัน เป็นรูปแบบของมายาคติ[7]

งานประติมากรรม

"The Gift" โดย Man Ray
  • Lobster Telephone (พ.ศ. 2479, Surrealist object; 15x17x30 cm. Tate Gallery, London) การสร้างวัตถุที่ดูเหนือจริงไม่ได้เป็นไอเดียใหม่ที่เกิดขึ้นโดยดาลี แต่ดาลีได้สร้างแบบอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับการทำวัตถุเหล่านี้ให้ถูกยอมรับในฐานะที่เป็นงานศิลปะแบบเหนือจริง โทรศัพท์และกุ้งล็อบสเตอร์พลาสติกที่ใช้แทนหูโทรศัพท์นี้เป็นสิ่งของที่นำมาจัดแสดงที่งาน London Surrealist Exhibition ครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2479 ในส่วนของการโฆษณางาน Exhibition นี้ ดาลีได้บรรยายเกี่ยวกับการค้นหาจิตใต้สำนึกในขณะที่กำลังสวมใส่ชุดนักประดาน้ำซึ่งเกือบจะทำให้เขาหายใจไม่ออกเลยทีเดียว[8]
  • The Gift (พ.ศ. 2464) ผลงานชิ้นสำคัญของแมน เรย์ เป็นรูปทรงของสิ่งของในชีวิตประจำวันอย่างเตารีด แต่ประโยชน์และการใช้สอยของเตารีดถูกโยนทิ้งไป กลายมาเป็นรูปลักษณ์เตารีดที่ดูก้าวร้าว รุนแรง ด้วยการใส่แถวแนวตะปูแหลมลงไป [9]
  • Venus restauree (พ.ศ. 2479) วีนัสซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามและพลังอันไม่มีที่สิ้นสุดของผู้หญิงได้กลายมาเป็นเรื่องของความหมกมุ่นโดยเฉพาะ และแมน เรย์ได้สร้างผลงานเป็น Series ขึ้นมา เพื่อค้นหารูปแบบและภาพลักษณ์ที่ถูกแยกออกเป็นส่วน ๆ ขององค์เทพี โดยผลงานชิ้นนี้ แมน เรย์ได้ผูกเชือกอย่างแน่นหนาเป็นตาข่ายบนปูนปลาสเตอร์ที่ทำเป็นรูปร่างกายส่วนบนของผู้หญิง[10]