ประวัติศาสตร์ ของ สาธารณรัฐโรมัน

เหรียญเงินโรมันในปี 56 ก่อนคริสตกาล ด้านหน้าเป็นรูปเทพีไดแอนา ด้านหลังเป็นรูปแม่ทัพซุลลา

509 ปีก่อนคริสตกาล ลูกิอุส ตาร์กวินิอุส ซุแปร์บุส กษัตริย์แห่งโรมคนสุดท้าย ได้ถูกรัฐประการโค่นอำนาจลง กรุงโรมได้สถาปนาการปกครองในระบอบสาธารณรัฐขึ้น และในอีก 16 ปีต่อมา กรุงโรมก็ประกาศเป็นพันธมิตรกับสันนิบาตละตินเพื่อต่อต้านอำนาจของกรีก แม้กรุงโรมจะร่วมมือกับพวกละตินในการทำสงครามกับกรีกหลายครั้งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล สันนิบาตละตินซึ่งประกอบด้วย 30 ชนเผ่าที่ใช้ภาษาละตินแข็มแข็งขึ้นและกลายเป็นมหาอำนาจในคาบสมุทรอิตาลี การผงาดขึ้นมาของพวกละตินทำให้รัฐบาลกรุงโรมต้องหวาดระแวงต่อสหายเก่า ระหว่างปี 340-338 ก่อนค.ศ. กรุงโรมได้ทำสงครามกับสันนิบาตละตินและได้รับชัยชนะ รัฐบาลกรุงโรมได้ยุบสันนิบาตละตินทิ้ง

ด้วยการพยายามปกป้องอาณาเขตของตนจากเพื่อนบ้านและศัตรูผู้รุกราน ชาวโรมันได้ขยายอาณาเขตของสาธารณรัฐโรมันไปจนถึงดินแดนของชาวอีทรัสคันทางตอนเหนือ ตลอดจนดินแดนเกาะซิซิลีทางตอนใต้ซึ่งเคยถูกปกครองโดยกรีก กล่าวได้ว่าสาธารณรัฐโรมันในปี 270 ก่อนค.ศ. ได้ครอบครองดินแดนเกือบทุกส่วนของที่เป็นประเทศอิตาลีในปัจจุบัน เมื่อสาธารณรัฐโรมันเกิดความขัดแย้งกับชาวคาร์เธจในประเด็นเรื่องการค้าในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก็เกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ขึ้นเรียกว่า "สงครามพิวนิก" ซึ่งได้กินระยะเวลายาวนานถึง 120 ปีระหว่างปี 264–146 ก่อนค.ศ. ชาวโรมันต้องเผชิญจากการรุกรานโดยกองทัพของฮันนิบาลที่พยายามบุกยึดดินแดนแถบอิตาลีโดยผ่านทางเทือกเขาแอลป์ แต่ต่อมาฮันนิบาลก็ยกทัพกลับแอฟริกาเหนือไป ในขณะเดียวกัน แม่ทัพโรมันนามว่าชิพิโอก็ได้ยกทัพไปตีกรุงคาร์เธจและได้รับชัยชนะ

โรมันพิชิตกรุงคาร์เธจได้ในปี 146 ก่อนคริสตกาล

ในขณะที่โรมันต่อสู้กับคาร์เธจ การค้าที่เติบโตทำให้เกิดชนชั้นใหม่ขึ้นคือพวกพ่อค้าวาณิชย์และผู้รับเหมางานของรัฐ เมื่อพวกนี้มีความมั่งคั้งขึ้นก็กลายเป็นคู่แข่งของสมาชิกวุฒิสภาและบรรดาเจ้าที่ดิน ชนชั้นใหม่นี้ถูกเรียกว่า อัศวิน หรือผู้ขี่ม้า เนื่องจากคนพวกนี้สามารถเข้าทำงานในกองทัพและได้เป็นทหารม้ามากกว่าทหารราบ โดยปกติพวกอัศวินนี้จะไม่สนใจการเมืองยกเว้ยในเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของตนเอง ชัยชนะทางการทหารและการติดต่อค้าขายกับโลกกรีก ทำให้ขุนนาง เจ้าที่ดิน และอัศวินของโรมันมีความเป็นอยู่ที่ร่ำรวยฟุ่มเฟือย ทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยกว้างขึ้น จนในที่สุดก็กลายเป็นความไม่สงบซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพการปกครองโรมัน

ใกล้เคียง

สาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912–1949) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สาธารณสมบัติ สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 สาธารณรัฐเท็กซัส สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี สาธารณรัฐเขมร สาธารณรัฐประชาชนยูเครน