ประวัติ ของ หลุยส์_วิตตอง

ก่อตั้งขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

หลุยส์ วิตตอง ก่อตั้งโดย "หลุยส์ วิตตอง" ในปี ค.ศ.1854 ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส[7] โดยปี ค.ศ.1885 บริษัท ได้เปิดร้านสาขาแรกในกรุงลอนดอน จากที่มีการเลียนแบบอย่างต่อเนื่องของหลุยส์ วิตตองแล้ว วิตตองจึงสร้างรูปแบบใหม่ คือผ้าใบดามิเยร์ ในปี ค.ศ.1892 หลุยส์ วิตตอง ได้เสียชีวิต และฝ่ายบริหารของบริษัท ได้ส่งมอบกิจการให้กับลูกชายของเขา[7][5]

ในปี ค.ศ.1896 "จอร์จ วิตตอง" ได้เปิดตัวกระเป๋าผ้าใบรูปแบบใหม่ คือ ผ้าใบมอนอแกรม

โฆษณาสำหรับกระเป๋า หลุยส์ วิตตอง ในปี ค.ศ.1898

ในปี ค.ศ.1913 วิตตองได้เปิดร้านค้าใหม่ในช็องเซลีเซ เป็นร้านค้าสินค้าทางท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น ร้านยังเปิดในนิวยอร์ก มุมไบ วอชิงตัน ดี.ซี. ลอนดอน อะเล็กซานเดรีย และบัวโนสไอเรส

ในปี ค.ศ.1936 จอร์จ วิตตอง ได้เสียชีวิต และลูกชายของเขา "แกสตัน-หลุยส์ วิตตอง" คาดว่าจะได้ควบคุมบริษัทแทนพ่อของเขา[7]

ความร่วมมือ

ในสงครามโลกครั้งที่สอง หลุยส์ วิกตองได้เข้าร่วมมือกับระบอบนาซี ในช่วงเยอรมันยึดครองของฝรั่งเศส หนังสือฝรั่งเศสหลุยส์วิตตอ ฝรั่งเศสซากา ประพันธ์โดยนักข่าวฝรั่งเศส ชื่อ "สเตฟานี บอน วิซินิตี้" และเผยแพร่โดย "ปาริเซียน เอดิชั่นส์ เฟยาร์ด"[8] บอกว่าสมาชิกของครอบครัววิตตอง ช่วยงานรัฐบาลหุ่นเชิดที่นำโดยนายจอมพลฟิลิปป์ เพเตน และเพิ่มความมั่งคั่งให้กับพวกเขา จากการทำธุรกิจกับชาวเยอรมัน ครอบครัววิตตองตั้งโรงงานเพื่อผลิตสิ่งประดิษฐ์อันน่ายกย่องให้กับเพเตน ซึ่งรวมถึงประติมากรรมมากกว่า 2,500 ชิ้น

แคโรไลน์ บาบูลล์ โฆษกของสำนักพิมพ์เฟยาร์ด กล่าวว่า "พวกเขาไม่ได้โต้แย้งอะไรในหนังสือ แต่พวกเขากำลังพยายามที่จะฝังมันโดยแกล้งทำเป็นมันไม่ได้อยู่"[9] การตอบสนองต่อการเปิดตัวของหนังสือเล่มนี้ในปี ค.ศ.2004 โฆษกของ LVMH กล่าวว่า "นี่คือประวัติศาสตร์โบราณ หนังสือเล่มนี้ครอบคลุมช่วงเวลาที่ครอบครัวทำงานและนานก่อนที่มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ LVMH เรามีความหลากหลาย อดทนกับทุกสิ่ง ที่ควรจะเป็นในบริษัทสมัยใหม่"[9] และโฆษกของ LVMH ยังกล่าวเหน็บแนมกับนิตยสาร Le Canard enchaîné ว่า "เราไม่ได้ปฏิเสธข้อเท็จจริง แต่ที่น่าเสียใจที่ผู้เขียนวิซินิตี้ได้พูดเกินจริง เรายังไม่ได้สร้างแรงกดดันใดๆกับใคร ถ้าผู้สื่อข่าวต้องการตรวจสอบด้วยตัวเอง มันก็จะดีกับตัวผม"[9]

1945 ถึง 2000

ร้านหลุยส์วิตตองในลูกาโน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ร้านหลุยส์วิตตองในโทรอนโต ประเทศแคนาดา

ในช่วงเวลานี้หลุยส์วิตตองเริ่มนำเอาหนังมาใช้ในผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ซึ่งมีตั้งแต่กระเป๋าและกระเป๋าถือขนาดเล็กไปจนถึงกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ บริษัทได้ปรับปรุงลายผ้ามอนอแกรมในปี ค.ศ.1959[7] เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลให้กับกระเป๋า เป็นที่เชื่อกันว่าในปี ค.ศ.1920 การปลอมแปลงได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่จะดำเนินต่อไปในศตวรรษที่ 21[5] ในปี 1966 กระเป๋าพาพิลลอนได้เปิดตัว (กระเป๋าทรงกระบอกที่ยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน) โดยปี ค.ศ.1977 มีรายได้ประจำปีไม่เกิน 70 ล้านฟรังก์ (48 ล้านบาท)[10] หนึ่งปีต่อมาได้เปิดร้านครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียวและโอซะกะ ในปี ค.ศ.1981 ริษัทได้ร่วมมือกับ อเมริกาส์คัพ เพื่อสร้างหลุยส์วิตตองคัพ สำหรับการแข่งขันเรือยอชท์ หลังจากที่หลุยส์ วิตตอง ขยายสาขาในเอเชียด้วยการเปิดสาขาในกรุงไทเปในประเทศไต้หวันในปี ค.ศ.1983 และในกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ในปี ค.ศ.1984 ในปี ค.ศ.1985 สายหนังอีพิ ถูกนำมาใช้[7]

เหตุการณ์สุดท้ายในศตวรรษที่ 20 มีการเปิดตัวบรรทัดมินิมอนอแกรม ในปี ค.ศ.1999 และในปี ค.ศ.2000 ได้เปิดร้านแรกในแอฟริกา ที่กรุงมาร์ราคิช ประเทศโมร็อกโก และในที่สุดการประมูลที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี โต๊ะเครื่องแป้ง ที่ได้รับการออกแบบโดยชารอน สโตน ถูกขายพร้อมกับเงินที่ได้รับนั้นไปบริจาคให้กับมูลนิธิวิจัยโรคเอดส์[7]

2001 ถึง 2011 

ร้านหลุยส์วิตตองในใจกลางเมืองฮ่องกง

โดยปี ค.ศ.2001 สตีเฟน สโปรส ร่วมมือกับมาร์ค เจคอบส์ ออกแบบกระเป๋าวิตตองรุ่นจำนวนจำกัด[7] ที่ให้ภาพกราฟฟิตีที่เขียนขึ้นในรูปแบบอักษรย่อ จาคอบส์ยังได้สร้างสร้อยข้อมือที่มีเสน่ห์ ซึ่งเป็นชิ้นแรกของเครื่องประดับจากแอลวี ภายในปีเดียวกัน[7]

ในปี ค.ศ.2002 ได้มีการเปิดตัวคอลเลกชั่นนาฬิกาแทมเบอร์ ในช่วงปีนี้อาคารแอลวี ในโตเกียว ย่านกินซ่าถูกเปิด

หลุยส์วิตตองตั้งอยู่บนถนนที่มีชื่อเสียงในช็องเซลีเซหลุยส์วิตตองในเยคาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซียหลุยส์วิตตองในบริกแกท, ลีดส์, สหราชอาณาจักร

ในปี ค.ศ.2004 หลุยส์ วิตตองได้ฉลองครบรอบ 150 ปี แบรนด์ยังคงเปิดตัวร้านค้าในนิวยอร์ก เซาเปาลู เม็กซิโกซิตี กังกุน และโจฮันเนสเบิร์ก นอกจากนี้ยังได้เปิดร้านค้าทั่วโลก และแห่งแรกในเซี่ยงไฮ้ จนถึงปี ค.ศ.2005 หลุยส์ วิตตอง เปิดร้านแห่งใหม่ในช็องเซลีเซ ในปารีส ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกันชื่อ เอริค คาร์ลสัน และได้เปิดตัวคอลเลกชั่นนาฬิกาอย่าง "สปีดี้"

ในปี ค.ศ.2010 หลุยส์ วิตตอง เปิดร้านที่หรูหราที่สุดในกรุงลอนดอน[11]

ในช่วงต้นปี ค.ศ.2011 หลุยส์ วิตตองได้ว่าจ้าง คิม โจนส์ ในฐานะ "Men Ready-to-Wear Studio และ Style Director" เขากลายเป็นนักออกแบบชั้นนำของเสื้อผ้าบุรุษ ในขณะที่ทำงานภายใต้การกำกับบริษัทของมาร์ค เจคอบส์[12]

เมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.2011 หลุยส์ วิตตอง เปิดตัวเกาะเมสัน  แห่งแรกในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นแห่งแรกที่เปิดให้บริการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

2012 สู่การนำเสนอ

เมื่อวันที่กันยายน ค.ศ.2013 บริษัทได้ว่าจ้างดาร์เรน สปาซีอานี เพื่อเป็นผู้จัดเก็บอุปกรณ์เสริม เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ.2013 บริษัทยืนยันว่า นิโคลัส เกสเคียร์ ได้รับการว่าจ้างให้มาแทนที่มาร์ค เจคอบส์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของคอลเลกชั่นของผู้หญิง[13][14]

เมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ.2014 เอดวร์ด ชไนเดอร์ ได้กลายเป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อประชาสัมพันธ์และข่าวประชาสัมพันธ์ที่หลุยส์ วิตตอง ภายใต้เฟรเดริก วิงค์เลอร์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการด้านการสื่อสารและเหตุการณ์ของหลุยส์ วิตตอง[15]

ใกล้เคียง

หลุยส์ วิตตอง หลุยส์ สก๊อต หลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนที่ 1 แห่งพม่า หลุยส์ เฮสดาร์ซัน หลุยส์ เดอ บรอย หลุยส์แห่งบริเตนใหญ่ หลุยส์ เดอ มงฟอร์ หลุยส์ ปาสเตอร์ หลุยส์ กอสเซ็ตต์ จูเนียร์ หลุยส์ พาร์ทริดจ์

แหล่งที่มา

WikiPedia: หลุยส์_วิตตอง http://fx.sauder.ubc.ca/etc/USDpages.pdf http://www.bloomberg.com/news/2012-05-21/louis-vui... http://www.forbes.com/companies/louis-vuitton/ http://www.insidelux.com/2010/05/29/louis-vuitton-... http://eu.louisvuitton.com/eng-e1/stores http://www.louisvuitton.com http://www.louisvuitton.com/web/flash/index.jsp;js... http://www.louisvuitton.com/web/flash/index.jsp;js... http://r.lvmh-static.com/uploads/2015/04/lvmh_ra20... http://www.wwd.com/accessories-news/leather-goods/...