รับราชการในวุยก๊ก ของ หันค่าย

ช่วงปลายปี ค.ศ. 220[22] โจผีบุตรชายและทายาทของโจโฉแย่งชิงบัลลังก์จากพระเจ้าเหี้ยนเต้ โค่นล้มราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและก่อตั้งรัฐวุยก๊กโดยตนขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ หลังขึ้นครองราชย์ โจผีตั้งให้หันค่ายมีบรรดาศักดิ์เป็นอี๋เฉิงถิงโหว (宜城亭侯)[23][21]

ในปี ค.ศ. 226 โจผีเลื่อนตำแหน่งให้หันค่ายเป็นเสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) เปลี่ยนบรรดาศักดิ์จาก "อี๋เฉิงถิงโหว" เป็น "หนานเซียงถิงโหว" (南鄉亭侯) และพระราชทานศักดินา 200 ครัวเรือน[24]

ในช่วงเวลานั้น เนื่องจากโจผีเพิ่มกำหนดให้ลกเอี๋ยงเป็นนครหลวงของวุยก๊ก จึงยังมีราชพิธี ธรรมเนียม พิธีกรรม และเรื่องที่เกี่ยวกับระเบียบวิธีที่ยังไม่เรียบร้อยดี นอกจากนี้ศาลบรรพชนของตระกูลโจยังคงอยู่ที่เงียบกุ๋น (鄴 เย่; อยู่ในนครหานตาน มณฑลเหอเป่ย์ในปัจจุบัน) นครหลวงของราชรัฐเดิมของวุยก๊กในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก หลังจากหันค่ายเข้ารับตำแหน่งเสนาธิบดีพิธีการแล้ว จึงเขียนฎีกาเสนอให้ราชสำนักสร้างศาลบรรพชนแห่งใหม่ในลกเอี๋ยง และย้ายป้ายวิญญาณบรรพชนจากเงียบกุ๋นมายังลกเอี๋ยง เพื่อให้จักรพรรดิและข้าราชบริหารสามารถทำพิธีเซ่นไหว้บรรพชนได้อย่างเหมาะสม ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่หันค่ายดำรงตำแหน่งเสนาบดีพิธีการ หันค่ายได้คิดค้นรูปแบบราชพิธี ธรรมเนียม พิธีกรรม และระเบียบวิธีีสำหรับรัฐวุยก๊ก และยกเลิกแนวปฏิบัติเก่าจากยุคราชวงศ์ฮั่น หันค่ายลาออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 234 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ[25][21] และได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์ในฐานะที่ปรึกษาราชวัง (太中大夫 ไท่จงต้าฟู)

ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 238[lower-alpha 2] ในรัชสมัยของโจยอยทายาทของโจผี[27] ราชสำนักออกพระราชโองการว่า "ที่ปรึกษาราชวังหันค่ายเปี่ยมด้วยคุณธรรมและประพฤติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แม้ว่าท่านจะอายุเกิน 80 ปีแล้ว ก็ยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมความชอบธรรมและหลักศีลธรรม นี่คือความหมายของการที่ยิ่งอาวุโสมากขึ้น ยิ่งมีคุณธรรมและยิ่งซื่อสัตย์มากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงขอแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู)"[28][21]