ประวัติช่วงต้น ของ หันค่าย

หันค่ายเป็นชาวอำเภอตู่หยาง (堵陽縣 ตู่หยางเซี่ยน) เมืองลำหยง (南陽郡 หนานหยางจฺวิ้น) ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอฟางเฉิง มณฑลเหอหนาน[4] บรรพบุรุษของหันค่ายคือหาน ซิ่น (韓信) หรือหานหวางซิ่น (韓王信)[5] เป็นหนึ่งในผู้ปกครองของยุคสิบแปดรัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านจากราชวงศ์จิ๋นเป็นราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ปู่ของหันค่ายคือหาน ชู่ (韓術) และบิดาของหันค่ายคือหาน ฉุน (韓純) รับราชการเป็นเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองฮอตั๋ง (河東郡 เหอตงจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครยฺวิ่นเฉิง มณฑลชายซีในปัจจุบัน) และเมืองลำกุ๋น (南郡 หนานจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครจิงโจว มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) ตามลำดับในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก[6]

เมื่อหันค่ายอายุยังเยาว์ เฉิน เม่า (陳茂) ชายผู้มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในอำเภอตู่หยางได้ใส่ร้ายบิดาและพี่ชายของหันค่ายในข้อหาอุกฉกรรจ์ เป็นผลทำให้บิดาและพี่ชายของหันค่ายถูกจับและถูกประหารชีวิต[7] หันค่ายยังคงนิ่งเงียบต่อความอยุติธรรมที่ครอบครัวของตนได้รับ ขณะเดียวกันก็วางแผนอย่างลับ ๆ ที่จะแก้แค้นเฉิน เม่า หันค่ายหางานทำสะสมรายได้ และใช้เงินจ้างมือสังหารเพื่อช่วยในการแก้แค้น พวกเขาสะกดรอยตามเฉินเม่าและสังหารเสีย ตัดศีรษะเฉิน เม่าไปวางเซ่นหลุมศพของบิดาหันค่าย[8] หันค่ายกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงหลังจากเหตุการณ์นี้[9]

หันค่ายได้รับการเสนอชื่อเป็นเซี่ยวเหลียน (ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับราชการพลเรือน) และได้รับเสนองานในสำนักของเสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง) แต่หันค่ายปฏิเสธ เมื่อความวุ่นวายทั่วแผ่นดินจีนในทศวรรษ 180[10] หันค่ายปลอมตัวตนและไปอาศัยอยู่ในชนบทของอำเภอโลเอี๋ยง (魯陽縣 หลู่หยางเซี่ยน; ปัจจุบันคืออำเภอหลู่ชาน มณฑลเหอหนาน)[11] เวลานั้นหันค่ายได้ยินว่าชาวบ้านกำลังวางแผนจะกลายเป็นโจรเพราะชีวิตยากลำบากเกินไป หันค่ายจึงใช้ทรัพย์สินส่วนตัวจัดงานเลี้ยงให้กับเหล่าผู้นำชาวบ้านและโน้มน้าวให้พวกเขายกเลิกแผนที่จะกลายเป็นโจร[12][8]

ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 189 ถึง ค.ศ. 192[13] เมื่อขุนศึกอ้วนสุดครองเมืองลำหยง อ้วนสุดได้ชื่อเสียงของหันค่ายจึงเรียกหันค่ายมารับใช้ตน หันค่ายปฏิเสธและไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่เนินเขาใกล้อำเภอชานตู (山都縣 ชานตูเซี่ยน; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) เพื่อหลีกเลี่ยงอ้วนสุด[14] เมื่อเล่าเปียวเจ้ามณฑลเกงจิ๋ว (ครอบคลุมพื้นที่ของมณฑลหูเป่ย์และมณฑลหูหนานในปัจจุบัน) พยายามจะเชิญหันค่ายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา หันค่ายก็หนีลงใต้ไปยังอำเภอช่านหลิง (孱陵縣 ช่านหลังเซี่ยน; ทางตะวันตกของอำเภอกงอาน มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) เพื่อหลบหลีกเล่าเปียว ภายหลังหันค่ายเป็นผู้บุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของผู้คนในท้องถิ่น เล่าเปียวรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หันค่ายกลัวว่าเล่าเปียวจะดำเนินการรุนแรงกับตนจึงตกลงอย่างไม่เต็มใจที่จะรับใช้เล่าเปียว เล่าเปียวตั้งให้หันค่ายเป็นนายอำเภอ (長 จ่าง) ของอำเภอยี่เซง (宜城縣 อี๋เฉิงเซี่ยน; อยู่ในนครเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน)[15]