เมนูนำทาง
อุทกภัยในประเทศไทย_พ.ศ._2554 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีแม่น้ำสามสายหลัก คือ แม่น้ำโขง มูล และชี ซึ่งทุกสายเกิดเหตุน้ำท่วมในปีนี้ เฉพาะในจังหวัดขอนแก่นเพียงจังหวัดเดียว น้ำท่วมพื้นที่เกือบ 350,000 ไร่ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ซึ่งปกติจัดสรรงบประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี ได้เพิ่มงบพิเศษอีก 50 ล้านบาทในปีนี้ และจนถึงขณะนี้ได้ใช้ไปแล้วกว่า 80 ล้านบาท[146]
จังหวัดที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมได้แก่
อิทธิพลจากพายุโซนร้อนนกเตนทำให้เขตเทศบาลนครนครราชสีมาและพื้นที่ใกล้เคียงมีฝนตกลงมาอย่างหนักเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 จนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ทั่วเมือง ระดับน้ำสูงเฉลี่ยประมาณ 30-40 เซนติเมตร เนื่องจากท่อระบายน้ำภายในเขตเทศบาลเกิดอุดดัน แต่หลังทางเทศบาลนครนครราชสีมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกทำการกำจัดเศษปฏิกูลที่อุดตันท่อน้ำแล้ว ระดับน้ำลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรโครงการหมู่บ้านไฮซ์แลน 2 และโครงการหมู่บ้านจามจุรี ภายในชุมชนบ้านหนองตะลุมปุ๊ก หมู่ที่ 10 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา น้ำจากอ่างกักเก็บน้ำกลางชุมชนได้เอ่อเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนนับ 10 หลังคาเรือน เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเกินความจุกักเก็บ ระดับน้ำเฉลี่ยประมาณ 30 เซนติเมตร แต่ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและลดลงบ้างหลังทางองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวศาลานำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เร่งระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ[147]
วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาประกาศให้จังหวัดนครราชสีมา เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากเหตุอุทกภัย 18 อำเภอในเบื้องต้น จังหวัดนครราชสีมา ได้รับรายงานว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นในพื้นที่รวม 79 ตำบล 721 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือนร้อนกว่า 19,000 หลังคาเรือน ใน 18 อำเภอของจังหวัด พื้นที่การเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าว ถูกน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมนับหมื่นไร่ ถนนมากกว่า 70 สายถูกตัดขาด[148]
จังหวัดมหาสารคามได้รับผลกระทบน้ำท่วมใน 4 อำเภอ คือ อำเภอเมืองมหาสารคาม เชียงยืน กันทรวิชัย และอำเภอโกสุมพิสัย น้ำชีที่ท่วมขังไร่นา ส่งผลให้หญ้าที่ใช้เลี้ยงสัตว์ขาดแคลน ทางปศุสัตว์ได้สำรองหญ้าแห้งไว้จำนวน 40 ตัน เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้กับเกษตรกร[149]
วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปริมาณน้ำจากจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ไหลเข้าสมทบในพื้นที่จังหวัดยโสธร ทำให้น้ำในแม่น้ำชีเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในตำบลเขื่องคำและขุมเงิน อำเภอเมืองยโสธร เสียหายกว่า 1 หมื่นไร่ ถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ล่าสุดน้ำได้ไหลเข้าท่วมโรงเรียนบ้านคุยตับเต่า สูงกว่า 50 เซนติเมตร ทางโรงเรียนสั่งปิดการเรียนชั่วคราว 10 วัน[150]
วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554 พิทยา กุดหอม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากร่องมรสุมที่พัดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ฝนตกลงในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ปริมาณน้ำจากลำน้ำยังเพิ่มสูงขึ้น ท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 5 อำเภอ 31 ตำบล 301 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 75,200 คน 18,246 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยจังหวัดร้อยเอ็ดได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น สมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด มอบหมายให้สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ดนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนรวม 5,000 กว่าชุด และได้จัดสรรงบประมาณลงไปในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว นอกจากนี้ได้มีการจัดหาเครื่องสูบน้ำ 30 กว่าเครื่องและเรือท้องแบน 6 ลำ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย[151]
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554 ที่โรงเรียนตรางสวาย ตำบลดองกำเม็ด อำเภอขุขันธ์ น้ำท่วมขังสูง 30 เซนติเมตร เต็มบริเวณหน้าโรงเรียน สนามกีฬาใช้การไม่ได้ โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาฝนตกหนัก นักเรียนหลายคนครอบครัวให้หยุดเรียนเพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ในส่วนเกษตรกรที่มีฝูงปศุสัตว์ น้ำท่วมที่หลายพื้นที่ทำให้ไม่มีที่เลี้ยงวัวควาย จึงได้นำมาผูกเลี้ยงไว้ริมทาง[152]
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ตลอดทั้งน้ำเหนือจากจังหวัดนครราชสีมาและลำน้ำสาขาต่าง ๆ ได้ไหลมาสมทบลงลำน้ำมาศ อำเภอลำปลายมาศ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วและท่วมถนนและสะพานเชื่อมบ้านผักกาดหญ้า เทศบาลตำบลลำปลายมาศกับบ้านแท่นพระ ตำบลหนองคู ยาวกว่า 300 เมตร โดยน้ำได้ไหลบ่าท่วมถนนสูงกว่า 20 เซนติเมตร ส่วนบริเวณสะพานถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้[153]
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ผลจากการระบายจากอ่างเก็บน้ำในจังหวัดสุรินทร์ และอ่างเก็บน้ำลำตะคองทำให้ปริมาณน้ำชีและแม่น้ำมูลหนุนสูงเข้าท่วมจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้ง 2 ด้าน ท่วมนาข้าวกว่า 1 แสนไร่ ส่งผลให้ผลผลิตปีนี้อาจไม่ดีตามที่คาด[154]
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554 ประชาชนชาวสุรินทร์ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม 15,178 ครัวเรือน อำนวย จันทรัฐ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ และฝายชลประทานขนาดกลางในเขตจังหวัดสุรินทร์ทั้ง 18 แห่ง มีบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ส่วนลำน้ำชีพบระดับน้ำล้นตลิ่ง การระบายน้ำทำได้รวดเร็ว เพราะฝายชลประทานไม่ได้ยกระดับเก็บกักน้ำในลำห้วย และมีน้ำท่วมขังในนาข้าวบริเวณที่ลุ่มริมลำน้ำชีน้อย ส่วนแม่น้ำมูล มีน้ำท่วมขังในนาข้าวเล็กน้อย สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่ เกิดอุทกภัยในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลบะ อำเภอท่าตูม นาข้าวเสียหาย 200 ไร่ อำเภอกาบเชิง อำเภอพนมดงรัก นาข้าวและไร่มันสำปะหลัง เสียหาย 10,800 ไร่ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 15,178 ครัวเรือน[155]
สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ปิยะปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดอำนาจเจริญ แจ้งว่า สถานการณ์น้ำในลำน้ำธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญเกิดจากลำน้ำ 3 สาย คือ แม่น้ำโขง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบประมาณ 600 ไร่ ลำน้ำเซบาย มีพื้นที่น้ำท่วมรวม 27,000 ไร่ และลำน้ำเซบก มีพื้นที่น้ำท่วมทั้งหมด 18,480 ไร่ สรุปพื้นที่น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ประมาณ 17,000 ไร่ และโครงการชลประทานอำนาจเจริญได้จัดตั้งเครื่องสูบน้ำ 5 เครื่อง ระบายน้ำจากพื้นที่การเกษตรบริเวณแก้มลิงหนองยาง 5 เครื่อง เพื่อสูบระบายน้ำออกจากแก้มลิงลงสู่ลำเซบาย[156]
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554 สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเมืองขอนแก่น น้ำจากลำน้ำพอง ซึ่งรับน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ที่ระบายน้ำวันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร หลังน้ำในอ่างเกินความจุกักเก็บ ท่วมพื้นที่ 4 หมู่บ้านในพื้นที่ตำบลบึงเนียม ระดับน้ำสูงกว่า 3 เมตร ทำให้ชาวบ้านกว่า 2,000 คน อพยพมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักชั่วคราวผู้ประสบภัยในโรงเรียนกีฬาขอนแก่น[157]
น้ำป่าจากเทือกเขาภูพานไหลเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวได้รับความเสียหายจำนวน 4 พันไร่[158] นอกจากนี้ยังทำให้คอสะพานชำรุด วันที่ 21 ตุลาคม สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอกมลาไสยและฆ้องชัย ยังอยู่ในขั้นวิกฤติหนัก เพราะเขื่อนอุบลรัตน์ยังเร่งระบายน้ำเฉลี่ยวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร จนส่งผลให้ระดับน้ำชีสูงขึ้นต่อเนื่อง และล้นพนังกั้นเป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร น้ำสูงกว่าพนังกว่า 1 เมตร โดยเฉพาะที่พนังกั้นบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 21-22 ตำบลธัญญา อำเภอกมลาไสย ถูกกระแสน้ำเซาะจนพนังดินแตกรวม 6 จุด เจ้าหน้าที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้หมด ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในตำบลเจ้าท่า อำเภอกมลาไสย เพิ่มอีก 10 หมู่บ้าน กว่า 1,570 หลังคาเรือน รวมถึงนาข้าวถูกน้ำชีท่วมแล้วอย่างน้อย 100,000 ไร่[159]
26 สิงหาคม พ.ศ. 2554 สถานการณ์น้ำชีล้นตลิ่งยังหนุนสูงต่อเนื่องเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรนับหมื่นไร่ในหลายพื้นที่ ทั้งปริมาณน้ำป่าหลากบนเทือกเขาภูแลนคา ยังส่งผลให้ระดับน้ำล้นสันเขื่อนลำปะทาวไหลเข้าตัวเมืองเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ทั้ง 25 ชุมชน และต้องสั่งปิดโรงเรียนชั่วคราวรวมกว่า 7 แห่งมาตั้งแต่วานนี้[160]
วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เกิดน้ำป่าไหลลงจากภูพานเอ่อเข้าท่วมชุมชนโคกสุวรรณ เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ทั้งที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมมาก่อน นาข้าวจ่มใต้น้ำนับหมื่นไร่ บ้านเรือนนับร้อยหลังคายังถูกน้ำท่วม และระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจนเข้าท่วมบ้านเรือนในตำบลผึ่งแดด อำเภอเมือง[161] มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 40,809 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 47,562 ไร่ บ่อปลา 693 บ่อ ถนนเสียหาย 383 สาย ท่อระบายน้ำ 50 แห่ง ฝายน้ำจำนวน 10 แห่ง ส่วนตลาดอินโดจีน ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ซึ่งน้ำได้ท่วมบริเวณชั้นใต้ดิน มีพ่อค้าแม่ค้าได้รับความเดือดร้อนจำนวน 400 คน[162]
หลายชุมชนในเขตเทศบาลเมืองนครพนมเกิดน้ำท่วมขังสูงประมาณ 40 เซนติเมตร[163] โดยเฉพาะชุมชนหน้าโรงพยาบาลนครพนม น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนหลายสิบหลัง บริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองฯ และโรงพยาบาล น้ำข่วมขังสูงประมาณ 25 ถึง 30 เซนติเมตร[164] หลังเกิดฝนตกหนักทั้งวันด้วยอิทธิพลพายุหมุนนกเตน ส่งผลเกิดน้ำป่าทะลักลงมาจากเทือกเขาภูลังกาจำนวนมากเมื่อตอนใกล้สว่างวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 โดยกระแสน้ำไหลหลากท่วมบ้านเรือนนับ 100 หลัง ตามเส้นทางน้ำผ่าน ขณะที่นาข้าวนับพันไร่ใต้เทือกเขาภูลังกาจมอยู่ใต้น้ำ
น้ำจากแม่น้ำโขงได้เอ่อล้นเข้าไปตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ เข้าท่วมไร่นานับ 1 พันไร่ ทำให้ต้นข้าวนาปีที่ได้ปักดำแล้วเสร็จใหม่ ๆ จมอยู่ใต้น้ำไร่มัน พร้อมทั้งต้นปาล์ม กว่า 100 ไร่จมอยู่ใต้น้ำเช่นเดียวกัน[165] ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำโขง ก็ได้ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันละ 50 ถึง 100 เซนติเมตร
สรุปความเสียหายในจังหวัดอุดรธานี ไร่นาน้ำท่วมเสียหายกว่า 1.4 แสนไร่ ทั้งจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 14 อำเภอ 102 ตำบล 1,110 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 51,327 ครัวเรือน พื้นที่นาข้าวเสียหาย 143,809 ไร่ บ่อปลา 1,257 บ่อ ถนนเสียหาย 582 สาย[166] ถนนโพศรี ถนนศรีสุข ถนนประจักษ์ศิลปาคม และถนนอุดรดุษฎีจมอยู่ในน้ำทั้งสาย และน้ำยังท่วมต่อเนื่องไปถนนนิตโย หน้าตลาดสดหนองบัว และนอกจากนี้น้ำยังท่วมเข้าไปในตลาดสดเทศบาล 1–2 ด้วย โดยเฉพาะถนนโพศรี ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี มีน้ำท่วมสูงประมาณครึ่งเมตร
ผลกระทบจากพายุนกเตน ทำให้จังหวัดหนองคายน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 40 ปี ย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร กินพื้นที่กว่า 50% คิดมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 10 ล้านบาท[167]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ระดับน้ำในแม่น้ำสงครามสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้นตลิ่งเข้าท่วม 3 หมู่บ้าน พื้นที่ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอพรเจริญ บ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 200 หลัง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมอีกกว่า 3 พันไร่[168]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พายุนกเต็นฝนถล่มจังหวัดสกลนครทั้งจังหวัด ทะเลสาบหนองหานน้ำเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์[169] จ่อเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรหลายพันไร่ เตือนแม่โขงจ่อวิกฤตพื้นที่การเกษตรจังหวัดสกลนคร ได้รับผลกระทบน้ำท่วมแล้ว 9 อำเภอ สำหรับ อำเภอโพนนาแก้ว ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักที่สุด มีพื้นที่การเกษตรจมใต้น้ำหลายหมื่นไร่[170]
ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำสะสมบนเทือกเขาในอำเภอเชียงคาน น้ำได้ไหลจากตำบลเขาแก้วและธาตุ เข้าท่วมบ้านศรีพัฒนา หมู่ 5 และบ้านจอมศรี หมู่ 8 ตำบลนาสี อำเภอเชียงคาน น้ำท่วมนาข้าวกว่า 1,000 ไร่ และบ่อปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงกว่า 100 บ่อ ได้รับความเสียหาย ส่วนกระแสน้ำที่ไหลผ่านตำบลนาสีได้ไหลเข้าท่วม ตลาดสามแยกบ้านธาตุ หมู่ 2 เทศบาลตำบลธาตุ[171]
กระแสน้ำยังเอ่อล้นท่วมทางสายบ้านธาตุ-ปากชม บริเวณกิโลเมตรที่ 5 บ้านผาพอด หมู่ 13 ตำบลธาตุ เส้นทางขาด อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูเรือ ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก ที่บ้านนาข่า ตำบลปากหมัน อำเภอด่านซ้าย แม่น้ำหมันที่ไหลผ่านอำเภอด่านซ้าย[172] และตำบลนาดี นาหอ ปากหมัน นาข่า ไหลบรรจบกับแม่น้ำเหือง ที่บ้านนาข่า ตำบลปากหมัน เกิดน้ำไหลหลาก เอ่อริมตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน บ้านข้าราชการครูโรงเรียนบ้านนาข่า ขยายเป็นวงกว้าง บางหลังน้ำท่วมจนเกือบมิดหลัง และพื้นที่การเกษตรข้าว ข้าวโพด ได้รับความเสียหายกว่า 1,000 ไร่
ตำบลวังปลาป้อม อำเภอนาวัง ซึ่งเป็นจุดแรกที่รับน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย พบว่าปริมาณน้ำได้สูงขึ้นและเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ทำการเกษตรในตำบลวังปลาป้อม ในบริเวณริมลำน้ำพะเนียง เป็นบริเวณกว้างกว่า 200 ไร่ และน้ำในลำน้ำพะเนียงได้เอ่อเข้าท่วมพื้นที่ทำการเกษตรตลอดสองฝากของลำน้ำที่เป็นที่ลุ่ม[173]
เมนูนำทาง
อุทกภัยในประเทศไทย_พ.ศ._2554 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้เคียง
อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2553 อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2555 อุทกภัยและดินถล่มในภาคใต้ของประเทศไทย พ.ศ. 2554 อุทกภัยในประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2561 อุทกภัยในประเทศปากีสถาน พ.ศ. 2553 อุทกภัยในประเทศจีน พ.ศ. 2563 อุทกภัยในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา พ.ศ. 2566 อุทกภัยในรัฐควีนส์แลนด์ พ.ศ. 2553-2554 อุทกภัยและโคลนถล่ม 5 จังหวัดในเขตภาคเหนือตอนล่าง พ.ศ. 2549แหล่งที่มา
WikiPedia: อุทกภัยในประเทศไทย_พ.ศ._2554 http://119.46.91.70/attach/files/%E0%B8%A3%E0%B8%B... http://61.19.100.58/public/Group3/datagroup3/2554/... http://61.19.100.58/public/Group3/datagroup3/2554/... http://www.theage.com.au/national/thailand-floods-... http://asiancorrespondent.com/66695/bangkok-arrang... http://asiancorrespondent.com/67306/thailand-why-w... http://asiancorrespondent.com/67603/tearful-thai-p... http://asiancorrespondent.com/67621/how-much-water... http://asiancorrespondent.com/67677/is-the-thai-go... http://asiancorrespondent.com/68854/bhumipol-dam-w...