ประวัติ ของ เกียรติศักดิ์_เสนาเมือง

ซิโก้เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2516 ที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี[2] เป็นบุตรคนสุดท้องจากทั้งหมดสามคน ของสุริยา (บิดา) และริสม (มารดา)[3][4] มีพี่สาวสองคน[5] แต่ภายหลังราวปี พ.ศ. 2525 เขาตามบิดามารดาย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิมที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น[6]จึงถือว่าเขาเป็นชาวจังหวัดขอนแก่นอย่างเต็มตัว

ซิโก้เริ่มศึกษาที่โรงเรียนบ้านหนองแดง อำเภอกุมภวาปี จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากนั้นจึงย้ายมาศึกษาต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนน้ำพองศึกษา อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จนสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 จึงย้ายเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร ในระดับอนุปริญญา สาขาการบัญชี ที่โรงเรียนพาณิชยการกรุงเทพ และจบการศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และจบการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการกีฬา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม[7]

ชีวิตส่วนตัว ซิโก้สมรสกับอัสราภา (สกุลเดิม: วุฒิเวทย์)[8] เมื่อปี พ.ศ. 2545 มีบุตรสาวทั้งหมด 3 คน คือ อธิชา, มุกตาภา และกฤตยา[9][10]

ผู้เล่น

ซิโก้เริ่มแข่งขันฟุตบอลระดับประเทศครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน ไปแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย และต่อมาในปี พ.ศ. 2536 ก็ขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 24 และตามด้วยการแข่งขันฟุตบอลเมอร์ไลออนคัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ เขายิงประตูแรกได้ ขณะเล่นร่วมกับ ทีมชาติไทยชุดบี เมื่อวันที่ 9 กันยายน ซึ่งทำให้ชนะทีมชาติโปแลนด์ 1 ประตูต่อ 0 และประตูสุดท้าย ในทีมชาติไทยชุดใหญ่ โดยเป็นประตูที่ 100 ของเขากับทีมชาติไทย (หากนับเฉพาะนัดที่พบกับทีมชาติ จะอยู่ที่ 85 ประตู) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ขณะแข่งขันคิงส์คัพครั้งที่ 37 ซึ่งชนะสิงคโปร์ 2 ประตูต่อ 0

นอกจากนี้ ซิโก้ยังอยู่ในทีมชาติไทย ชุดที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 17, 18 และ 19 และชุดที่เป็นอันดับ 4 การแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาเอเชียนเกมส์สองสมัยติดต่อกันคือ ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2541 ซึ่งซิโก้ยิงประตูขึ้นนำทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อนที่ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล จะทำประตูโกลเดนโกลให้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย และครั้งที่ 14 ประจำปี พ.ศ. 2545 และสามารถทำแฮตทริก ขณะเล่นให้ทีมชาติไทยมาแล้ว 4 ครั้งคือ ฟุตบอลชายซีเกมส์ครั้งที่ 20 นัดทีมชาติไทยชนะฟิลิปปินส์ 9 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2542, นัดกระชับมิตร ทีมชาติไทยชนะทีมชาติคูเวต 5 ประตูต่อ 4 เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2544, ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ทีมชาติไทยชนะปากีสถาน 6 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 และ ไทเกอร์คัพ 2002 รอบแบ่งกลุ่มนัดแรก (กลุ่มบี) ทีมชาติไทยชนะทีมชาติลาว 5 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2545

อนึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) บันทึกว่าซิโก้เป็นผู้ทำประตูสูงสุด ให้แก่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่ 71 ประตู จากการลงเล่น 134 นัด ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการที่รับรองโดยฟีฟ่า[11] โดยนัดสุดท้ายที่ซิโก้ลงเล่นกับทีมชาติไทยชุดใหญ่คือนัดกระชับมิตรที่พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550 โดยเสมอกันที่ 1-1 ทั้งนี้ เมื่อซิโก้สามารถยิงประตูได้ จะแสดงความดีใจด้วยการกระโดดตีลังกา กระทั่งสื่อมวลชนสายกีฬา ตั้งฉายาให้ว่าเป็น จอมตีลังกา

ซิโก้มีชื่อติดอันดับที่ 10 ของนักเตะที่ยิงประตูสูงสุดในนามทีมชาติ โดยในระหว่างปี 2535–2550 ซิโก้ติดทีมชาติ 131 นัด ยิง 70 ประตู ข้อมูลดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยโดย "เดอะ มิเรอร์" สื่อชั้นนำของประเทศอังกฤษ[12]

ผู้ฝึกสอน

เมื่อปี พ.ศ. 2545 ขณะยังเป็นผู้เล่น ซิโก้ได้ริเริ่มก่อตั้งโครงการ ซิโก้ทิปส์ สัญจร เพื่อเปิดทำการฝึกสอนฟุตบอล แก่เยาวชนทั่วประเทศ ควบคู่กับผลิตรายการ ฝึกสอนทักษะฟุตบอลทางโทรทัศน์ โดยใช้ชื่อเดียวกันว่า ซิโก้ทิปส์ จนถึงปีถัดมา (พ.ศ. 2546) ต่อมาเขาผ่านการอบรม ผู้ฝึกสอนระดับบี (B Licence) ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2549 และเริ่มเป็นผู้ฝึกสอนครั้งแรกในปีเดียวกัน โดยรับตำแหน่งผู้จัดการทีม สโมสรฟุตบอลฮหว่างอัญซาลาย (ฮอง อันห์ ยาลาย) ซึ่งร่วมแข่งขันอยู่กับวี-ลีกของเวียดนาม ขณะที่เขายังเป็นผู้เล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ด้วย

เมื่อซิโก้ประกาศยุติอาชีพนักฟุตบอล ในปลายปี พ.ศ. 2550 เขาผลิตวิดีโอซีดีและหนังสือ ซึ่งถอดความจากรายการซิโก้ทิปส์ โดยในปีเดียวกัน ยังเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ สถาบันฝึกสอนฟุตบอลของกรุงเทพมหานคร และรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ของจุฬาฯ-สินธนา ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาร่วมแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2551 ซึ่งสโมสรดังกล่าวจบฤดูกาลในอันดับที่ 8 จากนั้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ซิโก้ย้ายไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลชลบุรีในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2552 ซึ่งจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับที่ 2 ของลีก และสามารถเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของรายการเอเอฟซีคัพ ทว่าเมื่อจบฤดูกาลนั้น เขาก็ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถนำสโมสรชนะเลิศในลีก

หลังจากนั้น ซิโก้ก็ได้กลับไปรับหน้าที่ผู้จัดการทีม ให้กับสโมสรฮหว่างอัญซาลาย อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยอยู่ในอันดับที่ 7 ของวี-ลีก เมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 เขากลับมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลบีบีซียู ซึ่งร่วมแข่งขันอยู่ในไทยลีกดิวิชั่น 1 ซึ่งจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 3 สโมสรจึงสามารถเลื่อนชั้น ขึ้นไปแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก[13] ทว่าในไทยพรีเมียร์ลีก 2555 บีบีซียูชนะเพียงนัดเดียว จากสิบนัดแรกของฤดูกาล เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 ซิโก้จึงประกาศลาออก แล้วเข้ารับงานหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลบางกอก เอฟซีในไทยลีกดิวิชั่น 1 ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอันดับท้ายๆ ของตารางคะแนน แต่เขาสามารถพาทีมจบฤดูกาลในอันดับที่ 10 ของลีก สโมสรจึงรอดพ้นจากการตกชั้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่งตั้งให้ซิโก้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนที่จะนำทีมชาติไทยชุดดังกล่าวลงแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับทีมชาติจีน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน[14] โดยทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติจีน ด้วยการทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือ 5 ต่อ 1[15] โดยในปลายปีเดียวกัน ซิโก้คุมทีมชาติไทยชุดเดียวกันคว้าเหรียญทองในการแข่งขันฟุตบอลชายกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่กรุงเนปยีดอของประเทศพม่า โดยในการชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยชนะอินโดนีเซีย 1 ประตูต่อ 0[16]

ส่วนการแข่งขันฟุตบอลชาย ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 17 ประจำปี พ.ศ. 2557 ที่นครอินช็อนของเกาหลีใต้ ซิโก้ใช้ผู้เล่นชุดเดิม ชนะ 5 นัดแรก เสียเพียง 3 ประตู แต่อยู่ใน 2 นัดสุดท้าย ซึ่งแพ้ทั้งหมด จึงได้อันดับ 4 ของการแข่งขันดังกล่าว[17] และในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ซิโก้ก็คุมทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก โดยนักเตะแกนหลักมาจากชุดเดิม เข้าแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 และคว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 4 ของทีมชาติไทย ทั้งเป็นการกลับมาชนะเลิศรายการนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี โดยนัดชิงชนะเลิศ สามารถเอาชนะทีมชาติมาเลเซีย ด้วยประตูรวมสองนัด 4 ประตูต่อ 3[18]

ในปี พ.ศ. 2558 ซิโก้พาทีมชาติไทยชุดเดิมคว้ารางวัลรองชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 โดยนัดสุดท้ายเสมอเกาหลีใต้ 0 ประตูต่อ 0[19] โดยหลังจบเกมซิโก้ก็ออกมาขอโทษแฟนบอลไทยที่ไม่สามารถคว้าแชมป์คิงส์คัพได้ โดยบอกว่าลูกทีมสู้อย่างเต็มที่ถึงที่สุดแล้ว[20] ต่อมาซิโก้ก็เรียกตัวนักฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชุดใหม่ เข้าแข่งขันฟุตบอลเอเชียเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี 2016 รอบคัดเลือก และผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฐานะอันดับ 2 ที่ดีที่สุด ก่อนจะมอบหมายให้ โชคทวี พรหมรัตน์ อดีตนักฟุตบอล เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดนี้เป็นการชั่วคราว[21] ซิโก้จีงไม่ได้คุมทีมชุด U-23 ที่ลงแข่งขันซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ไทยก็สามารถคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ โดยนัดสุดท้ายไทยชนะพม่า 3 ประตูต่อ 0[22] ก่อนหน้านี้โชคทวีเคยคุมทีมชุด U-23 มาแล้วในการแข่งขันแมตช์ความทรงจำอำลา "โค้ชแต๊ก อรรถพล ปุษปาคม" โดยแข่งกับชุดใหญ่ของซิโก้เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งชุดใหญ่ชนะชุด U-23 4 ประตูต่อ 3[23] ส่วนในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ซิโก้แต่งตั้ง ธีราทร บุญมาทัน จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นกัปตันทีมชุดใหญ่[24] โดยทีมอยู่ในกลุ่ม F ซึ่งปัจจุบันยังเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม มีคะแนนนำอิรักอยู่ 5 คะแนน ชนะ 4 เสมอ 1 ยังไม่แพ้แม้แต่นัดเดียว และในปลายปีเดียวกัน ซิโก้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุด U-23 แทนที่ โชคทวี พรหมรัตน์ ตามเดิม และปลายปีเดียวกัน ซิโก้ก็ได้แต่งตั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ จากบีอีซี-เทโรศาสน เป็นกัปตันทีมชาติไทยชุด U-23[25]

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2559 ซิโก้ได้คุมทีมชุด U-23 ลงแข่งขันนัดกระชับมิตรกับเยเมน ที่โดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม โดยไทยชนะไป 1 ประตูต่อ 0 จากลูกจุดโทษของ ปกรณ์ เปรมภักดิ์[26] และคุมทีมชุดเดียวกันแข่งขันฟุตบอลเอเชียเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี 2016 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่ม B แต่ทำได้เพียงแค่เสมอกับซาอุดิอาระเบีย 1-1 โดยลูกยิงของไทยมาจาก ภิญโญ อินพินิจ[27][28], แพ้ญี่ปุ่น 0-4[29] และเสมอกับเกาหลีเหนือ 2-2 โดยลูกยิงของไทยมาจาก นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ตกรอบแบ่งกลุ่มตามกฎมินิลีก โดยเป็นอันดับที่ 4 ของกลุ่ม[30][31]

และในวันที่ 24 มีนาคม ปีเดียวกัน ซิโก้ได้คุมทีมชุดใหญ่ และพาทีมเสมออิรัก 2-2 ทำให้สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชียได้สำเร็จด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม[32]

และซิโก้ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับทีมชาติไทยอีกครั้ง ในวันที่ 3 – 5 มิถุนายน ปีเดียวกัน ด้วยการพาทีมชุดเดิมคว้ารางวัลชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 44 จากการชนะในการดวลจุดโทษกับซีเรียด้วยสกอร์รวม 9-8 หลังจากใน 90 นาทีเสมอกัน 2-2[33] และชนะจอร์แดน 2-0 นับเป็นการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี หลังจากครั้งล่าสุดคว้าแชมป์ในครั้งที่ 38 เมื่อปี พ.ศ. 2550 และในปลายปีนั้น ซิโก้สามารถพาทีมชาติไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุดเดิมคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ได้ นับเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนแรกที่สามารถพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการนี้ได้ 2 สมัยติดกัน

แต่ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 3 ประกฏว่าซิโก้ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่มาก แข่งไป 7 นัด เสมอเพียงนัดเดียวกับออสเตรเลีย แต่นอกจากนั้นแพ้รวด จนกระทั่งวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 ซิโก้จึงประกาศผ่านอินสตาแกรมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย[34]

งานอื่น ๆ

  • 2543 - ร่วมดำเนินโครงการ ฟุตบอลเพื่อน้อง เพื่อบริจาคอุปกรณ์กีฬา และสื่อการเรียนการสอน แก่นักเรียนในชนบท
  • 2544 - เขียนหนังสือ ล้านกำลังใจให้ใครคนหนึ่ง
  • 2546 - ก่อตั้ง "บริษัท สปอร์ตฮีโร่ จำกัด" ร่วมกับอัสราภา ภรรยา เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบกิจการ จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด รวมทั้งประกอบกิจการผลิต จำหน่าย นายหน้าและตัวแทนสื่อโฆษณาทุกชนิด[35]
  • 2547 - จัดแข่งขันฟุตบอลนักเรียน อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สปอนเซอร์ ซิโก้ ยูธ ทัวร์นาเมนต์ (เป็นประจำทุกปี) เพื่อค้นหานักฟุตบอลเยาวชน ที่มีความสามารถโดดเด่นให้แก่วงการฟุตบอล
  • 2549 - เขียนหนังสือ เสนาเมือง ชีวิตตีลังกา (ฉบับภาษาไทย) และ KIATISUK (ฉบับภาษาเวียดนาม)

ใกล้เคียง

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เกียรติ กิจเจริญ เกียรติกมล ล่าทา เกียรติศักดิ์ อุดมนาค เกียรติ สิทธีอมร เกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์ เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เกียร์ไนต์

แหล่งที่มา

WikiPedia: เกียรติศักดิ์_เสนาเมือง http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636521 http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/646455 http://www.cheerthai.com/zico.html http://www.goal.com/th/news/12242/%E0%B8%97%E0%B8%... http://www.goal.com/th/news/12242/%E0%B8%97%E0%B8%... http://www.goal.com/th/news/12242/%E0%B8%97%E0%B8%... http://www.hugmagazine.com/ColumDetail/tabid/82/ar... http://sport.mthai.com/football-thai/1346.html http://www.posttoday.com/sports/football/411167 http://www.rsssf.com/miscellaneous/senamuang-intlg...