วัฒนธรรม ของ เกียวโต

พระนั่งสมาธิข้างแม่น้ำคัตสึระในอาราชิยามะการแต่งกายของไมโกะ (เด็กรับใช้ของเกอิชา)

แม้เกียวโตจะถูกรบกวนด้วยสงคราม ไฟไหม้ และแผ่นดินไหวบ่อยครั้งในช่วงที่เป็นเมืองหลวงตลอด 11 ศตวรรษที่ผ่านมา แต่เกียวโตก็รอดพ้นจากการโจมตีในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งยังถูกถอดออกจากรายชื่อเมืองที่จะถูกทิ้งระเบิดปรมาณูจากกองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายสงคราม และเปลี่ยนไปเป็นเมืองนางาซากิแทน ด้วยเหตุผลที่ว่า เฮนรี แอล. สติมสัน รัฐมนตรีสงครามของสหรัฐต้องการจะรักษาวัฒนธรรมนี้ไว้ และได้รู้จักเมืองเกียวโตนี้จากการไปเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตและจากการไปฮันนีมูน[4][5]

เกียวโตมีสถานที่สำคัญทางศาสนากว่า 2,000 แห่ง เป็นวัดทางศาสนาพุทธ 1,600 แห่ง และทางลัทธิชินโต 400 แห่ง มีพระราชวัง สวน และสิ่งก่อสร้างที่ยังคงความดั้งเดิมไว้มาก มีวัดที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อาทิ วัดคิโยมิซุที่สร้างโดยใช้เสาหลักปักตามเนินของภูเขา วัดคิงกากุ (วัดศาลาทอง), วัดกิงกากุ (วัดศาลาเงิน) และ วัดเรียวอังที่มีสวนหินที่โด่งดัง ศาลเจ้าเฮอังเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในลัทธิชินโต สร้างขึ้นในปี 1895 เพื่อเฉลิมพระเกียรติองค์จักรพรรดิและให้ระลึกถึงราชวงศ์แรกและราชวงศ์สุดท้ายที่ประทับอยู่ที่เกียวโต

ราชวงศ์ของญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่สามแห่งของเกียวโต ได้แก่ เขตเกียวเอ็งของเกียวโต อันเป็นที่ตั้งของพระราชวังเกียวโต และพระราชวังเซ็นโตะ ที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นหลายร้อยปี เขตพระราชวังหลวงคัตสึระ อันเป็นสมบัติทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญของชาติ และเขตพระราชวังชูงากุ อันเป็นสวนที่สวยที่สุดแหงหนึ่งของญี่ปุ่น

บริเวณอื่น ๆ ของเกียวโต ก็มีความสำคัญทางวัฒนธรรมเช่นกัน เช่น อาราชิยามะ ย่านกิอง ย่านเกอิชา พนโตโจ ตลอดจนถนนสายนักปราชญ์ และคลองอีกหลาย ๆ แห่ง

อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1994 ซึ่งประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าคาโมะ, วัดเคียวโอโกโกกุ (วัดโท), วัดคิโยมิซุ, วัดโดโงะ, วัดนินนะ, วัดไซโฮ, วัดเท็นรีว, วัดโรกูอง (วัดคิงกากุ), วัดจิโช (วัดกิงกากุ), วัดเรียวอัง, วัดฮงงัน, วัดโคซัง และปราสาทนิโจ ที่สร้างโดย โชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ และมีอีกหลายแห่งที่อยู่นอกเมืองที่อยู่ในรายชื่อมรดกโลกด้วย

เกียวโตเป็นเมืองที่มีอาหารญี่ปุ่นรสชาติโอชะอยู่มากมาย การที่เกียวโตเป็นเมืองที่ห่างไกลจากทะเลและมีวัดพุทธอยู่มากมายทำให้มีนำผักมาเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร จนผักของเกียวโตมีชื่อเสียงขึ้นมา ที่เรียกว่า เคียวยาไซ (京野菜)

เกียวโตยังมีสำเนียงภาษาพูดที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า เคียวโกโตบะ หรือ เกียวโตเบ็ง อันเป็นหนึ่งในรูปแบบของสำเนียงคันไซ เมื่อครั้งที่เกียวโตเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้น สำเนียงเกียวโตถือเป็นภาษาราชการของญี่ปุ่นและมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเป็นสำเนียงโตเกียว อันเป็นภาษามาตรฐานสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ส่วนที่โดดเด่นของสำเนียงเกียวโตคือ การที่คำกริยาจะลงท้ายด้วย -ฮารุ เป็นต้น

แหล่งที่มา

WikiPedia: เกียวโต http://www.artofjpn.com/kyoto/index.html http://en.j-cast.com/2007/08/09009922.html http://www.mbe.doe.gov/me70/manhattan/debate.htm http://www.data.jma.go.jp/obd/stats/etrn/view/nml_... http://www.data.jma.go.jp/obd/stats/etrn/view/rank... http://www.city.kyoto.jp/koho/eng/index.html http://www.city.kyoto.jp/koho/index_e.html http://www.city.kyoto.jp/sogo/toukei/guide/Faq/p_o... http://damien.douxchamps.net/photo/japan/kansai/ky... http://www.hyperhistory.net/apwh/bios/b4stimson-he...