ประวัติ ของ เขื่อนคิรีธาร

จุดเริ่มต้น

โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร แต่เดิมใช้ชื่อว่า โครงการห้วยสะพานหิน เป็นโครงการสำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำอเนกประสงค์ขนาดกลางของสำนักงานพลังงานแห่งชาติ (ปัจจุบันคือกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน) เพื่อกักเก็บน้ำสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า การประมง การเกษตร การป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำ และเป็นแหล่งน้ำจืดสำหรับใช้อุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี[3]

จังหวัดจันทบุรีในขณะนั้น ตั้งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดประมาณ 300 กิโลเมตร ถึงแม้จะมีการส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งไฟฟ้าแรงสูงก็ตาม แต่กระแสไฟฟ้าที่ส่งมาก็ยังมีอยู่อย่างจำกัด ไม่เพียงพอต่อการเติบโตและความต้องการใช้งานไฟฟ้าของทั้งภาคเศรษฐกิจและประชาชนในพื้นที่ รวมถึงจากระยะห่างที่มาก ทำให้ระบบไฟฟ้านั้นขาดความมั่นคงในทางทฤษฎี เนื่องจากหากระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงมีปัญหาจะไม่สามารถจ่ายไฟในพื้นที่ได้ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง โครงการดังกล่าวจึงเป็นการตอบสนองในการแก้ปัญหาด้านความมั่นคงทางพลังงานในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและใกล้เคียง[3]

ในขณะที่ปัญหาขาดแคลนน้ำใช้ในฤดูแล้งก็เป็นอีกปัญหา แม่น้ำที่เคยเป็นแหล่งน้ำจืดเมื่อถึงฤดูแล้งกลับมีน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ประสบปัญหาน้ำเค็มไหลย้อนกลับ ก่อความเสียหายให้กับเกษตรกรผู้ใช้น้ำอันเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนน้ำจืดสำหรับดูแลพืชผลทางการเกษตร รวมถึงทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำจืดสำหรับผลิตน้ำประปาในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองจันทบุรี ทำให้ต้องขนส่งน้ำจืดจากแหล่งอื่นมาใช้งานหรือใช้น้ำจากแหล่งน้ำตื้นในพื้นที่ เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ทำให้รัฐบาลขณะนั้นตัดสินใจก่อสร้างโครงการห้วยสะพานหินขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำจำนวน 76 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ข้างต้น[3]

สำรวจศึกษา

จากการสำรวจด้านอุทกวิทยาและอุตุนิยมวิทยาของลำน้ำสายต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 ของสำนักงานพลังงานแห่งชาติ พบว่าปริมาณน้ำผิวดินมีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลเสียหายต่อด้านการเกษตรและแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค จึงได้มีการสำรวจพื้นที่และภูมิประเทศของห้วยสะพานหินในปี พ.ศ. 2517 พบว่าบริเวณดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ รวมถึงได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้แผนจัดการโคลัมโบในการพัฒนาแหล่งน้ำบริเวณห้วยสะพานหิน ระหว่างปี พ.ศ. 2519 - 2521 โดยทางการญี่ปุ่นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาปฏิบัติงานร่วมกับสำนักงานพลังงานแห่งชาติในการทำรายงานความเหมาะสม ซึ่งกลายมาเป็นแผนแม่บทในการพัฒนาในลำดับต่อมา[3]

ในช่วง พ.ศ. 2521 - 2524 ได้เกิดภัยความแห้งแล้งอย่างมากในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2523 ไม่มีฝนตกลงมาเลยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ส่งผลเสียหายให้กับพื้นที่ทางการเกษตรของเกษตรกรมากกว่าแสนไร่ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนก็ได้รับผลกระทบ จึงได้มีการผลักดันจากหน่วยงานในพื้นที่นำโดยกระทรวงมหาดไทยให้มีการก่อสร้างโครงการห้วยสะพานหินขึ้นมาเป็นการเร่งด่วน จนโครงการได้รับความเห็นชอบให้ก่อสร้างเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการห้วยสะพานหิน[3]

การก่อสร้าง

ตัวโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ของอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ตัวเขื่อนอยู่ในพิกัดเส้นรุ้ง 12 องศา 45 ลิปดาเหนือ เส้นแวง 102 องศา 21 ลิปดาตะวันออก (12°45′N 102°21′E / 12.750°N 102.350°E / 12.750; 102.350) ห่างจากตัวจังหวัดจันทบุรีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 35 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 317 บริเวณกิโลเมตรที่ 19 เข้าไปทางตะวันออก 7 กิโลเมตร โดยที่ตั้งของเขื่อนเดิมอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาสอยดาว โดยโครงการประกอบไปด้วยเขื่อนดินความสูง 33 เมตร สำหรับปิดกั้นลำน้ำห้วยสะพานหิน ซึ่งอยู่ตอนเหนือของบ้านห้วยสะพานหินประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งคำนวณว่าจะได้ปริมาณน้ำกักเก็บจำนวน 76 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยน้ำจะถูกผันผ่านอุโมงค์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปยังห้วยทับนคร ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำจันทบุรี โดยจากการผันน้ำดังกล่าวจะทำให้มีความแตกต่างระหว่างระดับน้ำในตัวเขื่อน และน้ำในท้องน้ำของห้วยทับนครประมาณ 125 เมตร สามารถใช้ไฮดรอลิกเฮดดังกล่าวในการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำได้ 12,200 กิโลวัตต์ เฉลี่ยปีละ 27 ล้านกิโลวัตต์ เมื่อน้ำผ่านกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วก็จะไหลลงไปสู่แม่น้ำจันทบุรีและใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้ต่อไป[3]

การออกแบบโครงการ ได้ว่าจ้าบริษัทที่ปรึกษาคือ บริษัท National Engineering Consultants Co. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศไทย ร่วมกับบริษัท Snowy Mountains Engineering Corporation จากประเทศออสเตรเลีย ดำเนินการออกแบบรายละเอียดต่าง ๆ สัญญากำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีภายใต้งบประมาณ 17.5 ล้านบาท และได้ดำเนินการส่งงานเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2525 และได้เตรียมงบประมาณสำหรับก่อสร้างในช่วงต้นงบประมาณปี 2525 และขอเข้าดำเนินการทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติกับกรมป่าไม้ ก่อสร้างอาคารบ้านพักเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกในการก่อสร้าง เช่น ถนนเข้าหัวงาน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ดำเนินการโดยสำนักงานพลังงานแห่งชาติ เสร็จสมบูรณ์ช่วงปลายปีงบประมาณ 2526 งบประมาณ 11.91 ล้านบาท และว่าจ้างสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยให้ทำหน้าที่บริษัทที่ปรึกษาในการควบคุมการก่อสร้างทั้งในส่วนของเขื่อน อาคารประกอบ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ภายใต้วงเงิน 16.94 ล้านบาท[3]

การก่อสร้างในส่วนของเขื่อน ได้มีการลงนามเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2527 ดำเนินการโดย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งประกวดราคาและได้รับการคัดเลือกด้วยวงเงิน 162.29 ล้านบาท มีระยะเวลาในการก่อสร้าง 859 วัน ประกอบด้วยงานก่อสร้างเขื่อนดิน คันดินกั้นน้ำ ทางผันน้ำ ทางระบายน้ำล้น และถนนความยาว 21 กิโลเมตร โดยบริษัทได้ก่อสร้างเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ส่วนของโรงไฟฟ้าได้มีการลงนามก่อสร้างเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2526 ดำเนินการโดยบริษัทเดียวกันกับการก่อสร้างเขื่อน ประกวดราคาได้ในวงเงิน 103.57 ล้านบาท ประกอบด้วยงานก่อสร้างทางรับน้ำ อาคารรับน้ำ อุโมงค์ผันน้ำ ถังระบายความดัน ท่อเหล็กสำหรับส่งน้ำ อาคารโรงไฟฟ้าบริเวณท้ายน้ำ และถนนความยาว 2.9 กิโลเมตร ก่อสร้างเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2529[3]

การก่อสร้างและจัดหาในส่วนของระบบไฟฟ้า ได้มีการประกวดราคาจัดซื้อเครื่องกังหันน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า สถานีไฟฟ้าย่อย ลานไกสวิทซ์ และอุปกรณ์เกี่ยวข้องอื่น ๆ ซึ่งผู้ชนะการประกวดราคาคือ บริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด ในราคา 130.0 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 1,100 วัน เริ่มต้นลงนามในสัญญาวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2526 และแล้วเสร็จในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2529 พร้อมทั้งก่อสร้างและวางระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 115 กิโลโวลต์ ตัวเสารับสายส่งโครงสร้างเหล็กอาบสังกะสี ระยะทาง 23.8 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างโรงไฟฟ้าห้วยสะพานหินกับสถานีจ่ายไฟฟ้าย่อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยบริเวณบ้านหนองหว้า อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยผู้ชนะการประกวดราคาคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จารุภัณฑ์ก่อสร้าง ในวงเงิน 10.55 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 800 วัน และได้ส่งมอบงานเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2528[3] [1] ซึ่งโดยภาพรวม โครงการห้วยสะพานหินใช้งบประมาณการก่อสร้างไปทั้งสิ้น 515.099 ล้านบาท[3]

พิธีเปิด

โครงการห้วยสะพานหิน ได้ประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2531 โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราขกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิด[4] และได้พระราชทานชื่อใหม่ให้กับโครงการว่า "โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนคิรีธาร" และได้มีพระราชดำริให้ดำเนินการโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล (คือเขื่อนทุ่งเพล และเขื่อนบ้านพลวง) โดยตรัสกับนางศิริพร ไศละสูต อดีตอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานว่า[5]

เมื่อถวายรายงานว่า หลังจากนี้กรมจะสร้างฝายยางเพื่อกั้นน้ำและปล่อยน้ำไปช่วยทางจังหวัดตราดพระองค์รับสั่งว่า "ยังไม่วิกฤติ ยังน้อย คนที่ต้องช่วยเขาก่อนจะอยู่ทางด้านทุ่งเพล เพราะขาดน้ำมากกว่า"...[5]

แสดงให้เห็นถึงสายพระเนตรที่ยาวไกลและมองถึงปัญหาต่าง ๆ ของประชาชนที่เร่งต้องแก้ไขในขณะนั้น[5]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เขื่อนคิรีธาร //tools.wmflabs.org/geohack/geohack.php?pagename=%... //tools.wmflabs.org/geohack/geohack.php?pagename=%... //tools.wmflabs.org/geohack/geohack.php?pagename=%... http://dspace.spu.ac.th/handle/123456789/8265 http://e-lib.dede.go.th/mm-data/Bib10501.pdf http://e-lib.dede.go.th/mm-data/Bib15165%E0%B9%82%... http://www.efe.or.th/datacenter/banner/banner13655... https://www.ceediz.com/th/travel/chanthaburi/sp/a/... https://news.ch7.com/detail/618760 https://www.thaipost.net/main/detail/15616