อาชญากรรม ของ เครือข่ายบิตคอยน์

การใช้บิตคอยน์โดยอาชญากรได้ดึงดูดความสนใจจากองค์การควบคุมการเงินของรัฐ รัฐสภา เจ้าหน้าที่บังคับกฎหมาย และสื่อ[32]เช่น

  • สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐได้พิมพ์รายงานการสืบราชการ[33]
  • คณะกรรมการควบคุมตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ SEC ได้ประกาศเตือนเรื่องการฉ้อฉลทางการลงทุนโดยใช้เงินเสมือน (เช่นบิตคอยน์)[32]
  • วุฒิสภาสหรัฐก็ได้ประชุมพิจารณาเรื่องเงินเสมือนในเดือนพฤศจิกายน 2013[34]

สำนักสื่อข่าวหลายแห่งได้อ้างว่า บิตคอยน์เป็นที่นิยมก็เพราะสามารถใช้ซื้อสินค้าผิดกฎหมาย[35][36]ในปี 2014 นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเคนทักกีพบ "หลักฐานที่ชัดเจนว่า นักเลงสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์และอาชญากรรม เป็นตัวขับความสนใจในบิตคอยน์ แต่ไม่พบหรือพบน้อยซึ่งแรงบันดาลใจทางการเมืองหรือการลงทุน"[37]

ตลาดมืด

นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนได้ประเมินว่า ในปี 2012 4.5%-9% ของธุรกรรมของบิตคอยน์ในศูนย์แลกเปลี่ยนทั่วโลก เป็นไปเพื่อการซื้อสินค้าในตลาดมืด (dark web) แห่งเดียวคือ Silk Road[38]สื่อลามกอนาจารเด็ก[39]บริการฆาตกรรม[40]และอาวุธ[41]ก็กล่าวด้วยว่า มีขายในเว็บไซต์ตลาดมืดที่สามารถจ่ายด้วยบิตคอยน์เนื่องจากตลาดดำเนินการอย่างนิรนามและไม่มีกฎหมายควบคุม จึงรู้ได้ยากว่า บริการเหล่านี้ทำให้จริง ๆ หรือว่าเป็นเพียงการฉ้อฉลหลอกลวงเอาบิตคอยน์[42]

เจ้าหน้าที่ได้ปิดตลาดมืดเช่นนี้มาหลายแห่งแล้วเช่น เจ้าหน้าที่สหรัฐได้ปิดตลาด Silk Road ในเดือนตุลาคม 2013[43][44][45]ซึ่งลดมูลค่าของบิตคอยน์อย่างชั่วคราว[46]แต่ก็เกิดตลาดใหม่ ๆ ขึ้นทดแทนต่อมา และโดยต้นปี 2014 บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงออสเตรเลีย (ABC) ได้รายงานว่า การปิดตลาด Silk Road มีผลน้อยมากต่อจำนวนคนออสเตรเลียที่ขายยาเสพติดออนไลน์ และจริง ๆ ได้เพิ่มจำนวนขึ้นด้วยซ้ำ[47]

ในต้นปี 2014 เจ้าหน้าที่ชาวดัตช์ได้ปิดตลาด Utopia ซึ่งขายสินค้าผิดกฎหมายออน์ไลน์ และยึดบิตคอยน์ได้ 900 เหรียญ[48]ในปลายปี 2014 การทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ยุโรปและสหรัฐได้ปิดเว็บไซต์ตลาดมืด 400 แห่งรวมทั้งตลาดขายสินค้าผิดกฎหมาย Silk Road 2.0[49]ซึ่งได้พิพากษาลงโทษในหลายคดีแล้ว

ในเดือนธันวาคม 2014 นักธุรกิจและผู้สนับสนุนบิตคอยน์ Charlie Shrem ถูกตัดสินจำคุก 2 ปีเพราะอำนวยการส่งเงินหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 36 ล้านบาท) โดยอ้อมให้แก่เว็บไซต์ขายยาเสพติดในตลาด Silk Road[50]และในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 เจ้าของตลาด (คือนาย Ross Ulbricht) ก็ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต[51]

เว็บไซต์ตลาดมืดบางแห่งยังขโมยบิตคอยน์จากลูกค้าชุมชนบิตคอยน์เรียกไซท์หนึ่งคือ Sheep Marketplace ว่าเป็นการฉ้อฉลหลอกลวงเมื่อมันยุติการให้ถอนบิตคอยน์แล้วหลังจากนั้นปิดตลาดโดยอ้างว่าบิตคอยน์ถูกขโมย[52]ในอีกกรณีหนึ่ง บัญชีบิตคอยน์ที่ให้คนกลางถือไว้เพื่ออำนวยการซื้อขายสินค้า (escrow account) ของอีกตลาดหนึ่งถูกแฮ็กเมื่อต้นปี 2014[53]

ตามมูลนิธิเฝ้าดูอินเทอร์เน็ต (Internet Watch Foundation, IWF) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลในสหราชอาณาจักร มีการใช้บิตคอยน์เพื่อซื้อสื่อลามกอนาจารเด็ก และมีเว็บไซต์เช่นนี้เกือบ 200 แห่งที่รับมันแทนเงินแต่บิตคอยน์ก็ไม่ใช่วิธีเดียวเพื่อซื้อสื่อลามกอนาจารเด็กออนไลน์ หัวหน้าของหน่วยอาชญากรรมไซเบอร์ของยูโรโพล (Europol) ได้กล่าวไว้ว่า "ทั้ง Ukash และ Paysafecard (ซึ่งเป็นระบบจ่ายเงินที่ไม่ใช่เงินคริปโท) ต่างก็ได้ใช้เพื่อจ่ายค่าสิ่งเหล่านี้"แต่รายการของ IWF ก็มีเว็บไซต์ประมาณ 30 แห่งที่รับแต่บิตคอยน์เท่านั้น[39]บางแห่งก็ได้ปิดลงแล้ว เช่น เว็บไซต์ที่ได้เงินลงทุนแบบ crowdfunding ที่มุ่งสร้างสื่อลามกอนาจารเด็กใหม่ ๆ[54]

นอกจากนั้น มีการเติมไฮเปอร์ลิงก์ที่ชี้เว็บไซต์สื่อลามกอนาจารเด็กใส่บล็อกเชน โดยเป็นข้อมูลตามอำเภอใจที่สามารถใส่ได้เมื่อทำธุรกรรม[55][56]

การฟอกเงิน

บิตคอยน์อาจใช้ฟอกเงินได้ไม่ดี เพราะธุรกรรมทั้งหมดเป็นข้อมูลสาธารณะ[57]แต่เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ รวมทั้งองค์การควบคุมธนาคารยุโรป (European Banking Authority)[58]สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ[33]และคณะทำงานเฉพาะกิจทางการเงิน (Financial Action Task Force) ของจี7[59]ล้วนแสดงความเป็นห่วงว่า บิตคอยน์อาจใช้เพื่อฟอกเงิน

ในต้นปี 2014 ผู้ปฏิบัติการคนหนึ่งของตลาดแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ในสหรัฐ คือ Charlie Shrem ถูกจับในข้อหาการฟอกเงิน[60]ต่อมาจึงถูกตัดสินจำคุก 2 ปีเนื่องจาก "ช่วยสนับสนุนธุรกิจส่งเงินที่ไม่ได้อนุญาต"[50]เจ้าของตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโท BTC-e คือ นาย Alexander Vinnik ถูกจับกุมในกรีซเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2017 ในข้อหาฟอกเงิน 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 141,488 ล้านบาท) ตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ของสหรัฐ[61]

ส่วนรายงานของกระทรวงการคลัง (สหราชอาณาจักร)และของกระทรวงมหาดไทยอังกฤษที่ตั้งชื่อว่า "การประเมินความเสี่ยงแห่งชาติ (สหราชอาณาจักร) ในเรื่องการฟอกเงินและการให้ทุนแก่ผู้ก่อการร้าย (UK national risk assessment of money laundering and terrorist financing)" ปี 2015 ได้พบว่าในบรรดาวิธี 12 อย่างที่ตรวจสอบในรายงาน บิตคอยน์มีโอกาสเสี่ยงต่ำสุดเพื่อใช้ฟอกเงิน โดยวิธีการฟอกเงินสามัญที่สุดก็คือผ่านธนาคาร[62]

การฉ้อฉลแบบพอนซี

ในการฉ้อฉลแบบพอนซีโดยใช้บิตคอยน์ บริษัท Bitcoin Savings and Trust สัญญาให้ดอกเบี้ย 7% ต่อผู้ลงทุน แล้วได้บิตคอยน์ 700,000 เหรียญในระหว่างปี 2011-2012[63]ในเดือนกรกฎาคม 2013 คณะกรรมการควบคุมหลักทรัพย์สหรัฐ คือ SEC ได้ฟ้องคดีบริษัทและผู้ก่อตั้ง "ในข้อหาฉ้อโกงผู้ลงทุนในการฉ้อฉลแบบพอนซีโดยใช้บิตคอยน์"[63]ในเดือนกันยายน 2014 ศาลได้ปรับบริษัทและเจ้าของ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท)[64]

ใกล้เคียง

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครือข่ายบิตคอยน์ เครือข่ายอวกาศห้วงลึก เครือจักรภพโปแลนด์–ลิทัวเนีย เครือข่ายส่วนตัวเสมือน เครือเบทาโกร เครือข่ายไผ่ เครือจักรภพแห่งอังกฤษ เครือรัฐเอกราช

แหล่งที่มา

WikiPedia: เครือข่ายบิตคอยน์ http://www.energymatters.com.au/renewable-news/min... http://www.abc.net.au/news/2014-03-31/online-drug-... http://www.bbc.com/news/technology-29950946 http://www.bbc.com/news/world-us-canada-32941060 http://bitcoinfees.com/ http://www.bloombergview.com/articles/2013-08-08/d... http://money.cnn.com/2013/05/02/technology/securit... http://www.coindesk.com/making-sense-bitcoins-halv... http://www.coindesk.com/microscope-economic-enviro... http://www.dailydot.com/business/bitcoin-child-por...