ครองราชสมบัติ ของ เจ้าพระตา

ปี พ.ศ. 2310 เมื่อเจ้าพระตามาถึงหนองบัวลุ่มภู ก็ขึ้นครองราชสมบัติเป็นเจ้าผู้ครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน พระองค์ที่ 2 พระนามว่า "เจ้าพระวรราชปิตา" ตั้งให้เจ้าพระวอ ผู้เป็นพระอนุชา เป็นที่เจ้าอุปราช บูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม แลค่ายคูประตูกำแพงเมืองอย่างแน่นหนาถาวร มีกองกำลังทหารเข้มแข็ง แลมีช้างเผือกคู่เวียง ปกครองนครด้วยธรรมใส่ใจทุกข์สุขไพร่ฟ้าราษฎรอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ให้เจ้าผ้าขาวพากลุ่มไพร่พลกองครัว ประมาณ 5,000 คน ไปตั้งถิ่นฐานบริเวณบ้านผ้าขาว บ้านพันนา ยกขึ้นเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออกของหนองบัวลุ่มภู (ปัจจุบันคือพื้นที่ของจังหวัดสกลนคร) ท้าวนามไปปกครองอยู่ที่เมืองภูเวียงเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศใต้ และตั้งเมืองนาด้วงเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันตก ในปีนี้เองข้างพระเจ้าสิริบุญสารเห็นว่า เจ้าพระวรราชปิตาแห่งเมืองหนองบัวลุ่มภูสะสมกำลังไพร่พลจำนวนมาก และมีความเข้มแข็ง เกรงจะคิดกบฎต่อพระราชบัลลังก์ จึงให้พระยาเมืองแสน พระยาเมืองจันทร์ยกทัพมาตีหนองบัวลุ่มภู ใช้เวลาอยู่ 3 ปี แต่ยังไม่สามารถตีหนองบัวลุ่มภูแตกได้

ใกล้เคียง

เจ้าพระตา เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เจ้าพระยาพิษณุโลก (เรือง โรจนกุล) เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)