เมนูนำทาง
เชเลียบินสค์ ประวัติศาสตร์นักโบราณคดีได้ค้นพบซากปรักหักพังของเมืองโบราณ อาร์คาอิม (รัสเซีย: Аркаим) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองเชเลียบินสค์ มีรายงานว่ามีสิ่งบ่งชี้ถึงอารยธรรมที่ก้าวหน้าของแหล่งกำเนิดอารยธรรมอินโด-เวท ซึ่งมีอายุอย่างน้อย 4,000 ปีในอาร์คาอิม[13]
ฐานอาคารสองหลังในพิพิธภัณฑ์แหล่งโบราณคดีนี้เป็นที่รู้จักของนักโบราณคดีชาวรัสเซียเป็นเวลาอย่างน้อย 70 ปี ในฐานะแหล่งวัฒนธรรม ซินตัชตา-เปตรอฟกา-อาร์คาอิม (รัสเซีย: Синташта-Петровка-Аркаим) ของชาวอารยันโบราณ แต่ก็มักจะไม่ได้รับการพิจารณาในการให้ทุนเพื่อศึกษาวิจัยจากองค์กรด้านประวัติศาสตร์ของแองโกล-อเมริกัน พื้นที่วัฒนธรรมซินตัชตา-เปตรอฟกา ทอดยาวไปตามทางตะวันออกของเทือกเขายูรัลในทุ่งหญ้าสเตปป์ยูเรเชียนที่กว้างใหญ่กว่า 400 กม. ทางใต้ของเชเลียบินสค์ และไปทางทิศตะวันออกประมาณ 200 กม. มีแหล่งโบราณคดีที่ได้รับการยอมรับว่าอยู่ในกลุ่มนี้ 23 แหล่ง การฝังศพของแหล่งวัฒนธรรมซินตัชตา และที่พบในแหล่งอื่น ๆ ของอาร์คาอิมนั้น มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในรายละเอียด การฝังศพของแหล่งนี้ให้หลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับพิธีกรรมฝังศพในคัมภีร์ฤคเวท และคัมภีร์อเวสตะ และด้วยเหตุนี้อารยธรรมนี้จึงถูกเรียกว่า อินโด-อิราเนียน[14]
แหล่งอารยธรรมเหล่านี้ถูกเรียกว่า "เมือง" และส่วนใหญ่ถูกค้นพบผ่านภาพถ่ายทางอากาศ เมืองเหล่านี้ถูกวางผังในรูปทรงกลม, สี่เหลี่ยมหรือรูปไข่ ในขณะที่มีเพียงสองเมืองเท่านั้นคือที่อาร์คาอิม และซินตัชตา ที่ถูกขุดค้นเป็นหลัก ทั้งสองเมืองมีลักษณะเป็นป้อมปราการ มีการเชื่อมต่อบ้านและมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับโลหการ[14] การขุดค้นหลุมฝังศพที่แหล่งซินตัชตา ได้ให้หลักฐานทางโบราณคดีหลายแง่มุมของพิธีฝังศพที่ถูกบันทึกอยู่ในตำราของฤคเวท และอเวสตะ[14]
ผู้คนในวัฒนธรรมซินตัชตา คาดว่าพูดภาษาโปรโต-อินโด-อิราเนียน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของกลุ่มภาษาอินโด-อิราเนียน สิ่งบ่งชี้นี้มีพื้นฐานอยู่บนความคล้ายคลึงกันระหว่าง หลายส่วนของคัมภีร์ฤคเวทซึ่งเป็นข้อความทางศาสนาของอินเดีย ซึ่งได้รวมเพลงสวดอินโด-อิราเนียนโบราณที่บันทึกไว้ในพระเวทภาษาสันสกฤต กับพิธีกรรมฝังศพของวัฒนธรรมซินตัชตา ที่ถูกเปิดเผยโดยนักโบราณคดี[15]
ป้อมปราการแห่งเชเลียบา ซึ่งต่อมาเมืองได้ใช้ชื่อนี้ในการก่อตั้ง ได้สร้างขึ้นในสถานที่ตั้งของหมู่บ้านเชเลียบีของชาวแบชเคียร์ (แบชเคียร์: Силәбе, Siläbe) โดยนายพันอเล็กซี เตฟเคเลฟ (คุตลู-มูฮัมเหม็ด) (ตาตาร์: Qotlımөxəmmət Mameş uğlı Təfkilev) ในปี พ.ศ. 2279[2] เพื่อป้องกันเส้นทางการค้าโดยรอบจากการโจมตีที่อาจเป็นไปได้โดยชาวแบชเคียร์นอกกฎหมาย ในช่วงการจลาจลของปูกาเชฟ (รัสเซีย: Восстание Пугачёва) ป้อมปราการยืนหยัดต่อต้านการโจมตีโดยกองกำลังกบฏในปี พ.ศ. 2317 แต่ในที่สุดก็ถูกยึดครองเป็นเวลาหลายเดือนในปี พ.ศ. 2318 ในปี พ.ศ. 2325 ในฐานะส่วนหนึ่งของเขตอุปราชแห่งอูฟา (รัสเซีย: Уфимское наместничество) ซึ่งต่อมาถูกปฏิรูปให้เป็นจังหวัดอาเรนบุร์ก (รัสเซีย: Оренбургская губерния) เชเลียบินสค์กลายเป็นเขตการปกครองและในที่สุดก็ได้รับสถานะเมืองและชื่อปัจจุบันในปี พ.ศ. 2330
โรงงานบรรจุชา คุซเนตซอฟจนกระทั่งถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เชเลียบินสค์ เป็นเมืองเล็ก ๆ ในชนบท ต่อมาในปี พ.ศ. 2435 ทางรถไฟสาย ซามารา-ซลาเตาสต์ เสร็จสมบูรณ์ซึ่งเชื่อมต่อกับมอสโกและส่วนที่เหลือของรัสเซียภาคพื้นยุโรป นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2435 การก่อสร้างทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรียจากเมืองเชเลียบินสค์เริ่มต้นขึ้นและในปี พ.ศ. 2439 ก็เชื่อมโยงกับเมืองเยคาเตรินบุร์ก เชเลียบินสค์กลายเป็นศูนย์กลางสำหรับการย้ายถิ่นฐานไปยังไซบีเรีย ในเวลาสิบห้าปีมีกว่าสิบห้าล้านคน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบของประชากรชาวรัสเซีย เดินทางผ่านเชเลียบินสค์ บางคนตั้งรกรากอยู่ในเชเลียบินสค์ ซึ่งทำให้เมืองมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ในเชเลียบินสค์ สำนักงานศุลกากรได้มีการจัดตั้ง "จุดแบ่งแยกพิกัดศุลกากร" ข้าวและชาปลอดภาษีที่ถูกส่งไปยังส่วนภาคพื้นยุโรปของประเทศ นำไปสู่การเกิดขึ้นของโรงสีและการจัดตั้งโรงงานบรรจุชา ในไม่ช้าเชเลียบินสค์เริ่มเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ประชากรที่อาศัยอยู่เพิ่มขึ้นถึง 20,000 คนในปี พ.ศ. 2440, เพิ่มเป็น 45,000 คนในปี พ.ศ. 2456 และเป็น 70,000 คนในปี พ.ศ. 2460 ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเปลี่ยนสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 คล้ายคลึงกับเมืองในสหรัฐอเมริกา เชเลียบินสค์จึงถูกเรียกว่า "ชิคาโกเบื้องหลังทิวเขายูรัล"[16]
ในช่วงแผนห้าปีแรกของคริสต์ทศวรรษ 1930 เชเลียบินสค์มีการเติบโตทางอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว สถานประกอบการหลายแห่งรวมถึงโรงงานประกอบรถแทรกเตอร์เชเลียบินสค์ และโรงงานโลหการเชเลียบินสค์ ถูกสร้างขึ้นในเวลานี้ ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โจเซฟ สตาลิน ตัดสินใจย้ายโรงงานการผลิตส่วนใหญ่ของสหภาพโซเวียต ไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากการรุกคืบของกองทัพเยอรมันที่กำลังจะมาถึงในปลายปี พ.ศ. 2484 ซึ่งนำอุตสาหกรรมใหม่และแรงงานนับพันมาสู่เชเลียบินสค์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการผลิตรถถัง ที-34 และเครื่องยิงจรวดคัตยูชาภายในเมือง ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองได้ผลิตรถถัง 18,000 คันและเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถถัง 48,500 เครื่องรวมทั้งกระสุนมากกว่า 17 ล้านนัด ในช่วงเวลานั้น เชเลียบินสค์ ถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า แทงโกกราด หรือเมืองแห่งรถถัง โรงงานหมายเลข 185 ของเอส. เอ็ม. คิรอฟ ถูกย้ายมาจากเลนินกราดเพื่อผลิตรถถังหนัก ซึ่งถูกย้ายต่อไปยังเมืองออมสค์ หลังจากปี พ.ศ. 2505
ไม่นานหลังจากรุ่งสาง เวลาท้องถิ่นประมาณ 9:20 นาฬิกา (YEKT; UTC+5) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เกิดการแตกระเบิดขนาดใหญ่ของสะเก็ดดาวตก (อังกฤษ: Superbolide meteor) ที่เคลื่อนที่ลงมาด้วยความเร็ว 60,000[17]- 69,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (40,000[17]- 42,900 ไมล์ต่อชั่วโมง)[18] เหนือเทือกเขายูรัล มีการระเบิดที่ระดับความสูง 29.7 กิโลเมตร (18.5 ไมล์หรือ 97,000 ฟุต)[18]
ดาวตกได้สร้างแสงสว่างวาบชั่วขณะหนึ่งที่สว่างราวกับดวงอาทิตย์ และสร้างคลื่นกระแทกที่ทำให้ผู้คนบาดเจ็บกว่าพันคน เศษเล็กเศษน้อยตกอยู่รอบ ๆ และในเมืองเชเลียบินสค์ วาดิม กาเลสนิคอฟ โฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่ามีผู้คน 1,100 รายเรียกความช่วยเหลือทางการแพทย์หลังเกิดเหตุการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรักษาอาการบาดเจ็บจากกระจกแตกจากการระเบิด ผู้หญิงคนหนึ่งประสบเหตุกระดูกสันหลังหัก[19] กาเลสนิคอฟ ยังกล่าวอีกว่าหลังคาที่โรงงานสังกะสีขนาดประมาณ 600 ตารางเมตร (6,500 ตารางฟุต) ได้ถล่มลงมา โฆษกหญิงคนหนึ่งของกระทรวงฉุกเฉินบอกกับสื่อมวลชนที่ติดตามว่ามีฝนดาวตก แต่กระนั้นโฆษกหญิงของกระทรวงอีกคนหนึ่ง อ้างกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ว่าเป็นดาวตกดวงเดียว[20][21][22] ขนาดได้รับการประมาณที่เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 เมตร (66 ฟุต) ที่มีมวล 12,000–13,000 เมตริกตัน[23] พลังของการระเบิดนั้นอยู่ที่ประมาณ 500 กิโลตันของทีเอ็นที (ประมาณ 1.8 เพตาจูล) ซึ่งเป็นพลังงาน 20-30 เท่ามากกว่าที่ปล่อยจากระเบิดปรมาณูเหนือเมืองฮิโรชิมา เมืองสามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายและการทำลายล้างสูงเนื่องจากการระเบิดเกิดในชั้นบรรยากาศระดับสูง
เมนูนำทาง
เชเลียบินสค์ ประวัติศาสตร์ใกล้เคียง
เชเลียบินสค์ เอเลี่ยน (แฟรนไชส์) เอเลี่ยน (สัตว์ประหลาดในแฟรนไชส์เอเลี่ยน) เอเลียส ดอเลาะ เซเลีย โฮวาร์ด เรเลียนา พระเอกของฉันเป็นท่านดยุก เอเลี่ยน ส.วีระวรรณ เอเลี่ยน 2 ฝูงมฤตยูนอกโลก เอเลี่ยน: โคเวแนนท์ เอเลียน (วิดีโอเกม พ.ศ. 2527)แหล่งที่มา
WikiPedia: เชเลียบินสค์ http://www.investinrussia.biz/city/chelyabinsk-cit... http://www.investinural.com/EN/Chelyabinsk.html http://nobelfaik.livejournal.com/5686.html http://www.nature.com/news/risk-of-massive-asteroi... http://www.naurale.com/items/?id=28#.VK0yE7f9nFo http://www.pravdareport.com/science/8582-arkaim/ http://rt.com/news/meteorite-crash-urals-chelyabin... http://www.slate.com/blogs/bad_astronomy/2013/02/1... http://www.universetoday.com/100025/airburst-expla... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/24200813