ประวัติ ของ เซมากลูไทด์

การวิจัยเซมากลูไทด์ได้ทำการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551[38]

ใน พ.ศ. 2555 ทีมนักวิจัยของบริษัทโนโว นอร์ดิสค์ ได้พัฒนาวิธีการรักษาโรคเบาหวานด้วยเซมากลูไทด์[39] โดยให้ยาสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ออกฤทธิ์นานกว่าลิรากลูไทด์ (liraglutide)[40] และได้รับการตั้งชื่อทางการค้าว่า Ozempic การทดลองทางคลินิกเริ่มในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 และสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2560[19][41]

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 การทดลองระยะที่ 3 แบบสุ่ม มีกลุ่มควบคุม อำพรางสองฝ่าย ในผู้ใหญ่ 1,961 รายที่มีดัชนีมวลกาย 30 ขึ้นไป ได้มีการกำหนดการรักษาด้วยการฉีดเซมากลูไทด์ใต้ผิวหนังสัปดาห์ละครั้งหรือให้ยาหลอกในอัตราส่วน 2:1 ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต การทดลองทำขึ้นในพื้นที่ 129 แห่งของ 16 ประเทศในเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ร้อยละของการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของน้ำหนักตัวในสัปดาห์ที่ 68 ในกลุ่มเซมากลูไทด์อยู่ที่ −14.9% เทียบกับในกลุ่มยาหลอกอยู่ที่ −2.4% โดยประมาณความแตกต่างในการรักษาอยู๋ที่ −12.4 จุดร้อยละ (95% CI, −13.4 ถึง −11.5)[42][43][44][45]

การทบทวนการรักษาโรคอ้วนใน พ.ศ. 2565 พบว่าเซมากลูไทด์และเทอร์เซพาไทด์ (ซึ่งมีกลไกการออกฤทธิ์ทับซ้อนกัน) มีแนวโน้มที่ดีกว่ายาลดความอ้วนชนิดก่อน ๆ แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการผ่าตัดลดความอ้วนก็ตาม[46]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เซมากลูไทด์ https://www.tga.gov.au/auspar/auspar-semaglutide https://web.archive.org/web/20220224072457/https:/... https://www.tga.gov.au/resources/auspmd/rybelsus https://tga-search.clients.funnelback.com/s/search... https://web.archive.org/web/20220224072340/https:/... https://tga-search.clients.funnelback.com/s/search... https://web.archive.org/web/20220224072337/https:/... https://www.tga.gov.au/resources/prescription-medi... https://web.archive.org/web/20230414192908/https:/... https://pdf.hres.ca/dpd_pm/00058023.PDF