อิทธิพลต่องานแขนงอื่น ของ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์

ดนตรี

ปกอัลบัมเพลงของ โทลคีน เอนเซมเบิล ชุด 'At Dawn in Rivendell' ปี 2003

ผลงานของโทลคีนทั้งเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ และงานเขียนอื่น ๆ ส่งอิทธิพลต่อบรรดานักดนตรีมากมาย วงดนตรีร็อกในยุคทศวรรษ 1970 พากันแต่งดนตรีและคำร้องของบทเพลงที่เกี่ยวกับนิยายแฟนตาซีชุดนี้ เช่น วงเล็ด เซ็พพลิน คาเมล รัช และ สติกซ์ เป็นต้น ในทศวรรษที่ 80 และ 90 วงดนตรีเมทัลในยุโรปหลายวงแต่งเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโทลคีน โดยเฉพาะในมุมมองทางด้านมืดเกี่ยวกับตัวละครฝ่ายอธรรมในโลกมิดเดิลเอิร์ธ เช่น วง Blind Guardian ของเยอรมนี วง Summoning ของออสเตรีย และวง Nightwish ของฟินแลนด์ วงดนตรีเมทัลบางวงยังตั้งชื่อวงด้วยชื่อของสถานที่ต่าง ๆ ในปกรณัมของโทลคีน เช่น วงกอร์โกรอธ, อะมอนอามาร์ธ, เอเฟลดูอัธ และ คิริธอุงโกล เป็นต้น ในประเทศไทยมีวงดนตรีชื่อ ฮอบบิท มีสมาชิกวง 4 คนซึ่งทั้งสี่เป็นคนร่างเล็ก นักดนตรีหลายคนก็ตั้งชื่อทางการแสดงด้วยชื่อตัวละครในเรื่อง เช่น เคาน์กริชนัค และ ชากรัธ เป็นต้น มือกีต้าร์คนหนึ่ง คือ สตีฟ ตุ๊ก (Steve Took) เลือกใช้นามแฝงตามชื่อฮอบบิทคนหนึ่งว่า เปเรกริน ตุ๊ก นอกจากนี้ ยังมีวงโพรเกรสซิฟร็อก ตั้งชื่อวงว่า อิลูวาทาร์ และ Isildur's Bane (ยมทูตของอิซิลดูร์) ตามชื่อตัวละครในปกรณัมด้วย

นอกจากวงดนตรีร็อกแล้ว นักดนตรีคลาสสิกและนิวเอจจำนวนหนึ่งก็ได้รับแรงบันดาลใจจากโทลคีนเช่นกัน เช่น ศิลปินนิวเอจ เอนยา (Enya) ได้ประพันธ์บทเพลง "ลอธลอริเอน" ในปี ค.ศ. 1991[38] เธอยังได้ประพันธ์บทเพลงสำหรับภาพยนตร์ไตรภาค เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ อีกสองเพลง คือ "May It Be" (ประพันธ์เนื้อร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเควนยา) และเพลง "Aniron" (ประพันธ์เนื้อร้องเป็นภาษาซินดาริน) ซึ่งเพลง "May It Be" ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอคาเดมี่ (ออสการ์) สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม ในปี พ.ศ. 2544[39] นักดนตรีชาวสวีเดน ชื่อ Bo Hansson สร้างงานเพลงในปี พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) ชื่ออัลบัมว่า "Music Inspired by Lord of the Rings" และวงดนตรีสายเลือดเดนมาร์ก โทลคีน เอนเซมเบิล ได้ออกอัลบัมหลายชุดที่ประพันธ์ขึ้นจากบทกวีและลำนำจากเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ทั้งหมด บางเพลงในอัลบัมเหล่านี้ยังได้ คริสโตเฟอร์ ลี มาร่วมขับลำนำด้วย[40]

ภาพวาด

ผู้วาดภาพจากงานของโทลคีนที่ทรงเกียรติที่สุดได้แก่ สมเด็จพระบรมราชินีนาถมาเกรเธที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งทรงเป็นศิลปินนักวาดภาพผู้ช่ำชอง ภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระองค์ได้รับการตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) บน เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ฉบับแปลภาษาเดนมาร์ก โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า Ingahild Grathmer[41]

สำหรับในยุคแรกของการตีพิมพ์ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ภาพวาดประกอบเรื่องเกือบทั้งหมดเป็นผลงานของ สองพี่น้องฮิลเดบรันด์ (Tim และ Greg Hildebrandt) ซึ่งเป็นนักวาดภาพประกอบนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซี[42]

แต่จิตรกรจากผลงานของโทลคีนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ได้แก่ จอห์น ฮาว (John Howe) อลัน ลี (Alan Lee) และ เท็ด แนสมิธ (Ted Nasmith) โดย จอห์น ฮาว เป็นผู้วาดภาพปกและภาพประกอบของหนังสือของโทลคีนหลายชุดหลายเวอร์ชัน อลัน ลี มักวาดภาพเกี่ยวกับเรื่อง เดอะฮอบบิท และ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ (เขาวาดภาพประกอบให้ ตำนานบุตรแห่งฮูริน ด้วย) ขณะที่ เท็ด แนสมิธ ชำนาญและมุ่งเน้นภาพจากเรื่อง ซิลมาริลลิออน มากที่สุด ศิลปินทั้งสามคนนี้ได้รับเชิญจากปีเตอร์ แจ็กสัน ให้เข้าร่วมงานออกแบบในภาพยนตร์ไตรภาคเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซึ่ง ฮาว และ ลี ตอบรับ แต่แนสมิธต้องปฏิเสธไปด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ ในปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) อลัน ลี ได้รับรางวัลอะแคเดมี (รางวัลออสการ์) ในสาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยม สำหรับผลงานของเขาในภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องนี้[34]

นอกจากนี้ ยังมีศิลปินคนอื่น ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโทลคีนในการสร้างผลงาน เช่น Catherine Karina Chmiel, Inger Edelfeldt, Anke Katrin Eißmann, Roger Garland, Michael Hague, Tove Jansson (ผู้วาดภาพประกอบ เดอะฮอบบิท ฉบับแปลภาษาฟินนิช), Angus McBride Kay Miner, และ Jenny Dolfen เป็นต้น

บทกวี

กวีหลายคนมีแรงบันดาลใจในการแต่งบทกวีขึ้นในภาษาเควนยาหรือภาษาซินดาริน อันเป็นภาษาประดิษฐ์ของโทลคีนที่ได้เตรียมโครงสร้างภาษาไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เช่น Helge Kåre Fauskanger ได้แปลสองบทแรกของพระธรรมปฐมกาล (Genesis) ไปเป็นภาษาเควนยา[43] และจุลสาร Tyalië Tyelelliéva (ISSN 1539-7238) เป็นจุลสารเกี่ยวกับผลงานกวีในภาษาเอลฟ์ เผยแพร่ในช่วงปี พ.ศ. 2537 - 2544

เกม

เกมในแนว RPG ยุคทศวรรษ 1970 ชื่อ Dungeons & Dragons สร้างตัวละครในเกมขึ้นจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏในเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ จุดเด่นที่เห็นได้ชัด คือ ชาวฮาล์ฟลิง (ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของฮอบบิท) เอลฟ์ มนุษย์ครึ่งเอลฟ์ คนแคระ ออร์ค และมังกร เกมประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงและเป็นต้นแบบแก่เกมแนว RPG อื่น ๆ ต่อมาในยุคหลัง อย่างไรก็ดี แกรี่ กายแกกซ์ หัวหน้าทีมออกแบบเกมนี้ยืนยันว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์น้อยมาก และว่าเขาเพิ่มตัวละครเหล่านั้นลงไปในเกมก็เพื่อผลทางการตลาดเท่านั้น[44]

ในวงการวิดีโอเกมก็ปรากฏเกมจำนวนมากที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปกรณัมของเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เช่น เกม RPG แฟนตาซี ชุด Ultima,Baldur's Gate, EverQuest, และ the Warcraft[45] ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงเกมต่าง ๆ ที่อยู่ในชุด มิดเดิลเอิร์ธ เองอีกหลายชุด

วรรณกรรมและภาพยนตร์อื่น

ผลจากความสำเร็จและความนิยมอันล้นหลามในงานปกรณัมของโทลคีน ทำให้เกิดกระแสความต้องการนิยายแฟนตาซีสูงขึ้นอย่างมาก ช่วงทศวรรษ 1960 เป็นยุคทองของนิยายแฟนตาซี มีหนังสือและหนังสือชุดมากมายที่สร้างสรรค์ขึ้นในยุคนี้ เช่น ซีรีส์ เอิร์ธซี ของ เออร์ซูลา เค. เลอ กวิน, มหากาพย์ Riftwar ของ เรย์มอนด์ ฟีสต์, Belgariad ของเดวิด เอดดิงส์, The Sword of Shannara ของเทอร์รี่ บรู๊ค, และ The Wheel of Time หนังสือชุดของโรเบิร์ต จอร์แดน เป็นต้น

วรรณกรรมชิ้นนี้ยังได้ขยายผลไปยังกลุ่มวรรณกรรมข้างเคียง คือ นิยายวิทยาศาสตร์หรือไซไฟ มีการกล่าวอ้างถึงงานของโทลคีนในนิยายของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง เช่น แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต และ อาร์เทอร์ ซี. คลาร์ก[46] และส่งอิทธิพลอย่างมากต่อผู้สร้างภาพยนตร์ เช่น จอร์จ ลูคัส ซึ่งมักพูดบ่อย ๆ ว่า เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญมากในเรื่อง สตาร์ วอร์ส[47]

ใกล้เคียง

เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ (ภาพยนตร์ชุด) เดอะลาสต์ออฟอัส เดอะลอดส์ออฟมิสเซอรี เดอะลูนีย์ทูนส์โชว์ เดอะลาสต์เบลด 2 เดอะลาสต์ออฟอัส (ละครโทรทัศน์) เดอะลาวด์เฮาส์ เดอะลีกออฟเนชันส์ เดอะลาสต์ไทม์

แหล่งที่มา

WikiPedia: เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ http://wwwu.uni-klu.ac.at/jkoeberl/Courses/Tolkien... http://www.theage.com.au/media/2004/12/05/11021821... http://www.theage.com.au/news/Books/Tolkien-has-us... http://www.cbc.ca/story/arts/national/2006/03/24/l... http://www.amarinpocketbook.com/writer_detail.asp?... http://www.amazon.com/Lord-Rings-Trilogy-Gift-Set/... http://search.barnesandnoble.com/booksearch/isbnin... http://www.bookmoot.com/2004/10/germanys-favorite-... http://www.boxofficemojo.com/alltime/world/ http://www.brothershildebrandt.com/Brothers.htm