เต่าอัลลิเกเตอร์ หรือ
เต่าอัลลิเกเตอร์ สแนปปิ้ง (
อังกฤษ: Alligator snapping turtle;
ชื่อวิทยาศาสตร์: Macrochelys temminckii) เป็น
สัตว์เลื้อยคลานจำพวก
เต่าชนิดหนึ่ง อยู่ใน
วงศ์เต่าสแนปปิ้ง (Chelydridae) จัดเป็นเต่าเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ใน
สกุล Macrochelys ซึ่งหลายชนิดในวงศ์นี้ได้
สูญพันธุ์ไปหมดแล้วตั้งแต่
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็น
ซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตชนิดหนึ่ง
[3] และตั้งชื่อวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นเกียรติแด่
คอนราด จาค็อบ แทมมินค์ นัก
สัตววิทยาชาวดัตช์เต่าอัลลิเกเตอร์ มีส่วนหัวใหญ่ตัน ขากรรไกรรูปร่างเหมือนจะงอยปากและกระดองยาวหนามีสัน 3 สันแลดูคล้ายหลังของ
อัลลิเกเตอร์ อันเป็นที่มาของ
ชื่อสามัญ กระดองของมี
สีเทาเข้ม หรือ
น้ำตาล,
ดำ, หรือ
สีเขียวมะกอก ในบางครั้งอาจมี
ตะไคร่น้ำเกาะเพื่อใช้พรางตัว มีลาย
สีเหลืองบนตาที่ช่วยในการพรางตัวและมีหน้าที่แบ่งส่วนลูกตา รอบ ๆ
ดวงตาของถูกล้อมรอบด้วยเนื้อรูปดาวซึ่งดูแล้วเหมือนขนตา
ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย โดยตัวผู้นั้นนั้นมีความยาวกระดอง 66
เซนติเมตร และมีน้ำหนักได้ถึง 80
กิโลกรัม ส่วน
ตัวเมียมีน้ำหนัก 23 กิโลกรัม ความแตกต่างระหว่างเพศสามารถดูได้จากความหนาของโคนหาง โดยเต่าตัวผู้จะมีโคนหางที่หนากว่าเพราะเป็นส่วนที่ซ่อน
อวัยวะสืบพันธุ์ไว้โดยตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่มีบันทึกอย่างไม่เป็นทางการระบุว่ามีน้ำหนักถึง 403 ปอนด์ (ประมาณ 183 กิโลกรัม) พบในแม่น้ำนีโอโช ใน
รัฐแคนซัส เมื่อปี
ค.ศ. 1937 ขณะที่ตัวที่มีบันทึกไว้อย่างเป็นทางการมีน้ำหนักถึง 236 ปอนด์ อยู่ที่
สวนสัตว์บรู๊คฟิลด์ ใน
ชิคาโกเต่าอัลลิเกเตอร์ จัดเป็นเต่า
น้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีแรงกัดของกรามที่รุนแรง โดยเต่าขนาด 1 ฟุต มีแรงกัดถึง 1,000 ปอนด์ ซึ่งเป็นแรงกัดมหาศาลเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก
จระเข้น้ำเค็ม และ
ไฮยีน่า[4] แม้แต่สุนัขขนาดใหญ่ที่ดุร้าย เช่น
พิทบูล ยังมีแรงกัดได้เพียง 400-500 ปอนด์เท่านั้น และเมื่อกัดแล้วกรามจะล็อกเพื่อไม่ให้ดิ้นหลุด จนผู้เชี่ยวชาญในการจับเต่าอัลลิเกเตอร์กล่าวว่า หากถูกเต่าอัลลิเกเตอร์กัดแล้ว วิธีเดียวที่จะเอาออกมาได้ คือ ต้องตัดหัวออกแล้วใช้ไม้เสียบเข้าไปในรูจมูกให้ทะลุถึงคอ เพื่อปลดล็อกกราม
[5]เต่าอัลลิเกเตอร์ เป็นเต่าที่กระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดของหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของ
สหรัฐอเมริกา กินเนื้อเป็นอาหาร กิน
ปลาและ
สัตว์น้ำต่าง ๆ เป็นอาหาร โดยวิธีการซุ่มนิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหวใต้น้ำ แล้วอ้าปากใช้
ลิ้นที่ส่วนปลายแตกเป็น 2 แฉกที่ส่วนปลายสุดของกรามล่าง เพื่อตัวหลอกปลาให้เข้าใจว่าเป็น
หนอน เมื่อปลาเข้าใกล้ได้จังหวะงับ ก็จะงับด้วยความรุนแรงและรวดเร็ว นอกจากนี้แล้วเต่าอัลลิเกเตอร์ยังกินเต่าด้วยกัน รวมถึงเต่าอัลลิเกเตอร์ด้วยกันเองเป็นอาหารด้วยจากการขบกัดที่รุนแรง
[5]เชื่อกันว่า เต่าอัลลิเกเตอร์มีอายุยืนได้ถึง 200 ปี แต่อายุโดยเฉลี่ยในที่เลี้ยง คือ 20-70 ปี เข้าสู่
วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 11-13 ปี โดยจะโตไปได้เรื่อย ๆ ตลอดชีวิต โดยเฉพาะในวัยเจริญพันธุ์ แต่เมื่อเลยไปแล้วอัตราการเจริญเติบโตก็จะช้าลง ตัวเมียวางไข่ขนาดเท่าลูกปิงปองได้มากถึง 52 ฟอง แต่โดยเฉลี่ยประมาณ 29-31 ฟอง โดยขุดหลุมฝังไว้ในพื้นดิน ซึ่งไข่จำนวนหนึ่งอาจถูกสัตว์กินเนื้อต่าง ๆ เช่น
แรคคูน ขุดขโมยไปกินได้ และด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทำให้เต่าในธรรมชาติต้องวางไข่ใกล้กับทางรถไฟมากขึ้น
[5]เต่าอัลลิเกเตอร์ นิยมเลี้ยงเป็น
สัตว์เลี้ยง และจัดแสดงตาม
สวนสัตว์ ขณะที่
กฎหมายในบางที่เช่น
รัฐแคลิฟอร์เนีย ห้ามเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง
[6][7] แต่ในบางพื้นที่ เช่น
รัฐลุยเซียนา มีการนำไปปรุงเป็น
ซุป ถือเป็นอาหารท้องถิ่นอย่างหนึ่ง โดยมีการจับส่งให้แก่ร้านอาหารตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 30 จนถึง ทศวรรษที่ 70-80 ทำให้ประชากรเต่าอัลลิเกเตอร์มีจำนวนที่ลดลง
[5]