สังคมและวัฒนธรรม ของ เบวาซิซูแมบ

ราคา

ในประเทศที่มีประกันสุขภาพแห่งชาติ (เช่น ในสหราชอาณาจักรและแคนาดา) องค์กรมักจะจำกัดการใช้ยานี้ เนื่องกับการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและประโยชน์ยกตัวอย่างเช่น ในสหราชอาณาจักร องค์กรของรัฐคือ National Institute for Health and Care Excellence มีจุดยืนว่า ยาไม่ควรจ่ายโดยประกันสุขภาพแห่งชาติ (NHS) เพราะมีค่าใช้จ่ายถึง £21,000 ต่อคนไข้ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) แต่มีประโยชน์เพียงแค่เล็กน้อยสำหรับมะเร็งแบบต่าง ๆ[60]ในปี พ.ศ. 2549 องค์กรของรัฐ Scottish Medicines Consortium แนะนำไม่ให้ NHS จ่ายยาสำหรับรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่หรือลำไส้ตรงโดยเป็นการรักษาอันดับแรก เพราะมีค่าใช้จ่ายประเมินระหว่าง £24,000-£93,000 (1.2-4.6 ล้านบาท) ต่อปีโดยปรับด้วยคุณภาพชีวิต (QALY)[61]

การให้ยาเพิ่มบวกกับการรักษามาตรฐานสามารถทำให้คนไข้มะเร็งเต้านมและมะเร็งปอดมีชีวิตนานขึ้นหลายเดือน โดยมีค่าใช้จ่ายที่ 100,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.8 ล้านบาท) ต่อปีในสหรัฐอเมริกา[62]สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ งานศึกษาเบื้องต้นที่พิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่า เบวาซิซูแมบ ยืดอายุคนไข้ได้ 4.7 เดือน (คือ 20.3 เดือน เทียบกับ 15.6 เดือน) โดยมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 42,800-55,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.8-2.2 ล้านบาท)[63]แต่ค่าใช้จ่ายในประเทศอื่น ๆ ก็ต่างกันไป มีรายงานว่าในแคนาดา มันมีค่าใช้จ่าย 40,000 เหรียญแคนาดา (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) ต่อปี[64]

ยาพิเศษ (สหรัฐอเมริกา)

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557 บริษัท Genentech ได้เปลี่ยนหมวดยาที่อนุญาตตามกฎหมายให้เป็น ยาพิเศษ (specialty drug) ซึ่งขายเฉพาะในร้านเภสัชพิเศษโดน "ยาพิเศษปกติจะอยู่ใต้การควบคุมของ FDA’s Risk Evaluation and Mitigation Strategy (REMS) program ซึ่งตั้งขึ้นสำหรับสารประกอบต่าง ๆ เช่น เทสโทสเตอโรน ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงพิเศษ หรือยาที่แพงเป็นพิเศษ"[65]ซึ่งสร้างปัญหาแก่โรงพยาบาลเพราะราคายาเพิ่มขึ้น[65]ตามบริษัท IMS Health ราคายาโดยเฉลี่ยที่โรงพยาบาลเรียกเก็บจากคนไข้ตกประมาณ 9,000 เหรียญสหรัฐ (308,000 บาท) เทียบกับ 2,300 เหรียญ (79,000 บาท) เมื่อทำในคลินิกโดยเป็นผลของการจัดจำหน่ายที่อนุญาตตามกฎหมายใหม่เช่นนี้ โรงพยาบาลจำนวนมากจึงไม่มีสิทธิ์ได้ส่วนลด 51% จากราคาขายส่งเฉลี่ยที่บังคับด้วยกฎหมาย Affordable Healthcare Act เมื่อจัดจำหน่ายแบบเดิม[66]

จุดภาพชัดเสื่อม

เมื่อใช้ยา bevacizumab รักษาจุดภาพชัดเสื่อมแบบเปียก (wet age-related macular degeneration, wet AMD) ขนาดที่ให้จะน้อยและมีราคาไม่แพง เทียบกับขนาดที่ต้องใช้เพื่อมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งอื่น ๆมีผู้ตรวจสอบหลายรายได้รายงานในปี พ.ศ. 2553 ว่า ยาที่ราคาราว ๆ 42 เหรียญสหรัฐ (ราว 1,300 บาท) มีประสิทธิผลเท่ากับยา ranibizumab ซึ่งมีราคา 1,593 เหรียญ (ราว 50,500 บาท)[67][68]โดยในประเทศไทยมีราคาประมาณ 500-1,000 บาท และ 45,481-50,092 บาทในปี พ.ศ. 2560 ตามลำดับ[69][70]

โดยเดือนเมษายน พ.ศ. 2558 มีการถกเถียงอย่างเข้มข้นในสหราชอาณาจักรและประเทศยุโรปอื่น ๆ เกี่ยวกับการเลือกให้ยา เบวาซิซูแมบ (Avastin) หรือ ranibizumab (Lucentis) เพื่อรักษา wet AMD[71]ในสหราชอาณาจักร ปัญหาก็คือ ในฝ่ายหนึ่งคือ องค์กรยายุโรป (European Medicines Agency) และองค์กรควบคุมยาของสหราชอาณาจักร (Medicines and Healthcare Products Regulatory Agency) ได้อนุมัติให้ใช้ ranibizumab เพื่อรักษา wet AMD แต่ไม่ได้อนุมัติ เบวาซิซูแมบ และองค์กรต้องการให้แพทย์ไม่ใช้ยาที่ไม่ได้อนุมัติเมื่อมียาอื่นที่ได้รับอนุมัติ และในอีกฝ่ายหนึ่ง องค์กรของรัฐคือ National Institute for Health and Care Excellence (NICE) ซึ่งเป็นผู้กำหนดแนวทางการรักษา ยังไม่สามารถประเมิน เบวาซิซูแมบ เป็นการรักษาลำดับต้น เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายเพื่อควบคุมงบประมาณขององค์กรประกันสุขภาพของรัฐ คือ National Health Service[71]ทั้งบริษัท Novartis และ Roche ซึ่งเป็นบริษัทวางตลาดและบริษัทเจ้าของสำหรับ Avastin ตามลำดับ ยังไม่ได้ทำการทดลองทางคลินิกเพื่อให้ได้อนุมัติใช้ยา Avastin เพื่อรักษา wet AMD และไม่มีแผนเพื่อทำเช่นนั้น[71]อนึ่ง ทั้งสองบริษัทวิ่งเต้นไม่ให้ออกแนวทางการรักษาเพื่อใช้ Avastin เป็นการรักษาลำดับแรก และถ้ามีงานศึกษาโดยทุนจากรัฐบาลที่เปรียบเทียบยาทั้งสองตีพิมพ์รายงาน บริษัทก็จะออกเอกสารเน้นความเสี่ยงเมื่อใช้ Avastin เพื่อรักษา wet AMD[71]

มะเร็งเต้านม

ในปี พ.ศ. 2554 องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้ถอน เบวาซิซูแมบ จากข้อบ่งใช้เพื่อรักษามะเร็งเต้านมที่กระจายแล้วหลังจากสรุปว่า ยาไม่ปรากฏกว่าปลอดภัยหรือมีประสิทธิผลข้อบ่งใช้ที่ตอนแรกอนุมัติก็คือ การใช้ยาพร้อมกับ paclitaxel สำหรับรักษาคนไข้ที่ยังไม่ได้รับเคมีบำบัดและมีมะเร็งเต้ามนมแบบ HER2-negative ที่กระจายแล้ว

ก่อนการประกาศขององค์กรในปีเดียวกัน เครือข่ายศูนย์มะเร็งแห่งชาติสหรัฐ (NCCN) ได้อัปเดตแนวทางการรักษาขององค์กร (NCCN Guidelines) สำหรับโรคมะเร็งเต้านม โดยยืนยันข้อแนะนำให้ใช้ยาเพื่อรักษามะเร็งเต้านมที่กระจายแล้ว[72]คือในปี พ.ศ. 2551 FDA ได้อนุมัติให้ใช้ยารักษามะเร็งเต้านมแม้คณะผู้ชำนาญการนอกองค์กรจะลงคะแนน 5 ต่อ 4 เพื่อไม่ให้อนุมัติ แต่องค์กรได้ตัดสินฝืนคำแนะนำนี้คณะผู้ชำนาญการได้แสดงความเห็นว่า ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกไม่ได้แสดงการเพิ่มคุณภาพชีวิตหรือการทำให้รอดชีวิตได้นานขึ้น ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำคัญสองอย่างสำหรับการรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายแม้หลักฐานจะแสดงว่า ยาลดขนาดเนื้องอกและเพิ่มช่วงมีชีวิตที่โรคคงสภาพซึ่งเป็นข้อมูลหลังที่องค์กรเลือกเมื่อตัดสินฝืนความเห็นของผู้ชำนาญการเป็นการตัดสินใจที่สนับสนุนโดยกลุ่มป้องกันผลประโยชน์ของคนไข้และแพทย์วิทยาเนื้องอกบางส่วนแต่แพทย์วิทยาเนื้องอกอื่น ๆ ก็รู้สึกว่า การให้อนุมัติสำหรับการรักษามะเร็งระยะสุดท้าย ที่ไม่ยืดอายุหรือเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนไข้ จะเป็นตัวอย่างให้บริษัทยาไม่ต้องสนใจเกณฑ์มาตรฐานเหล่านั้นเมื่อพัฒนาการรักษามะเร็งระยะสุดท้ายใหม่ ๆ[57]

ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2550 คณะกรรมาธิการยุโรปได้อนุมัติให้ใช้ยาร่วมกับ paclitaxel เป็นการรักษาลำดับแรกสำหรับโรคมะเร็งเต้านมที่กระจายแล้ว[73]

ยาปลอม

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 บริษัท Roche และหน่วยเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐของบริษัทคือ Genentech ประกาศว่า มียา Avastin ปลอมที่ได้กระจายขายในสหรัฐ[74]แม้ยังสืบคดีอยู่ แต่การบรรจุยาที่ต่างกันทำให้การแยกแยะยาปลอมเป็นเรื่องง่ายRoche ได้วิเคราะห์ยาปลอม 3 ขวดแล้วพบว่า มีเกลือ, แป้ง, ไซเตรต, isopropanol, propanediol, t-butanol, benzoic acid, di-fluorinated benzene ring, แอซีโทน, และ phthalate moiety แต่ไม่มียามะเร็งตามบริษัท องค์ประกอบทางเคมีของยาปลอมไม่แน่นอนจึงไม่สามารถกำหนดว่าสารเคมีเข้มข้นพอมีโทษหรือไม่โดยสามารถสืบยาปลอมว่ามาจากอียิปต์ แล้วเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานผ่านยุโรป จนมาถึงสหรัฐ[75][76]

ยาคล้ายกันทางชีวภาพ

ในเดือน พ.ศ. 2557 บริษัทที่ใช้พันธุวิศวกรรมเปลี่ยนยีนของพืชหรือสัตว์เพื่อผลิตยา (pharming) คือ PlantForm และ PharmaPraxis ประกาศแผนที่จะวางตลาดขายยาคล้ายกันที่ผลิตจากสิ่งมีชีวิต (biosimilar) โดยผลิตจากการแสดงออกยีนในต้นยาสูบโดยร่วมมือกับศูนย์วิจัยทางจุลชีววิทยาคือ Fraunhofer Center for Molecular Biology[77]ในสหรัฐอเมริกา ยาคล้ายกันทางชีวภาพเช่นนี้ ปกติจะวางตลาดขายได้เมื่อสิทธิบัตรของยาต้นตำรับหมดอายุแล้ว[78]ต่อมาเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 องค์การอาหารและยาสหรัฐได้อนุมัติยาคล้ายกันทางชีวภาพของบริษัท Amgen โดยมีชื่อสามัญว่า bevacizumab-awwb และชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Mvasi และมีข้อบ่งใช้เพื่อมะเร็ง 6 ชนิด[79]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เบวาซิซูแมบ http://www.abc.net.au/news/stories/2010/07/22/2960... http://www.cbc.ca/news/canada/prince-edward-island... http://www.cbc.ca/news/health/story/2013/05/02/ava... http://www.avastin.com http://www.biopharma-reporter.com/Bio-Developments... http://mettapharmacy.blogspot.com/2014/04/blog-pos... http://www.bmj.com/content/350/bmj.h1654 http://www.clinicalconnection.com/exp/EPVS.aspx?st... http://currentcancer.com/nccn-guidelines-for-breas... http://www.drugcite.com/?q=AVASTIN