เสือโคร่งมลายู หรือ
เสือโคร่งมาเลเซีย (
มลายู: Harimau Malaya)
เสือโคร่งสายพันธุ์ย่อยสายพันธุ์หนึ่ง มี
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris jacksoni ใน
วงศ์ Felidae เป็นเสือโคร่งสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถูก
อนุกรมวิธานแยกออกจาก
เสือโคร่งอินโดจีน (P. t. corbetti) เมื่อปี
ค.ศ. 2004 อันเนื่องจาก
ดีเอ็นเอที่ต่างกัน
[2] [3]โดยถูกตั้งชื่อ
สายพันธุ์ว่า jacksoni เพื่อเป็นเกียรติแก่ปีเตอร์ แจ็กสัน ซึ่งเป็นนักสำรวจที่ทำงานเกี่ยวกับเสือโคร่งมาช้านานเสือโคร่งมาเลเซีย พบใน
ป่าดิบชื้นของ
คาบสมุทรมลายู ได้แก่
รัฐกลันตัน ตรังกานู เปรัก และ
ปะหังใน
มาเลเซีย รวมทั้งป่า
ตอนใต้สุดของ
ไทยที่ติดกับชายแดนมาเลเซีย โดยมักอาศัยในป่าผืนเล็ก ๆ และแต่ละแห่งมีประชากรเสือโคร่งไม่มาก เสือโคร่งพันธุ์มาเลเซียชอบอยู่ตาม
ป่าเต็งรังที่ต่ำ แต่ก็พบใน
ป่าพรุด้วย ขนาดลำตัว เสือโคร่งมาเลเซียจะมีขนาดเล็กกว่าเสือโคร่งอินโดจีนเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วก็ใกล้เคียงกันมากนับตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1976 กฎหมายของมาเลเซียระบุให้เสือโคร่งเป็นสัตว์คุ้มครองอย่างเข้มงวดภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า ในปีนั้น กรมสัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติประเมินว่ายังมีเสือโคร่งอยู่ในประเทศประมาณ 300 ตัว มาเลเซียประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการควบคุมและลดปริมาณการล่าสัตว์ ในช่วงปี
ค.ศ. 1972-ค.ศ. 1976 มีการล่าเสือโคร่งถึง 19 ตัวต่อปีโดยเฉลี่ย แต่ในปัจจุบันเหลือประมาณ 1 ตัวต่อปีเท่านั้น และประชากรเสือโคร่งได้เพิ่มขึ้น ในปี
ค.ศ. 2007 คาดว่ามีปริมาณเสือโคร่งมาเลเซียวัยเจริญพันธุ์ประมาณ 490 ตัวแต่เมื่อ พ.ศ. 2562 มาเลเซียได้สำรวจกลับพบว่า เสือโคร่งมลายูจำนวนลดลงเหลือน้อยกว่า 200 ตัว
[4][5] เนื่องจากการลักลอบล่าสัตว์ ระหว่างปี 2544 ถึง 2555 มีการยึดชิ้นส่วนของร่างกายจากเสืออย่างน้อย 100 ตัวในมาเลเซีย ในพ.ศ. 2551 ตำรวจพบลูกเสือแช่แข็ง 19 ตัวในสวนสัตว์ และในปี 2555 หนังและกระดูกของเสือ 22 ตัวถูกยึด
[6]นอกจากนี้การขยายตัวของแหล่งเพาะปลูกกับโครงการพัฒนาพื้นที่ซึ่งทำลายแหล่งอาศัยของเสือ ประเมินกันว่า ถ้าหากไม่มีมาตรการช่วยเหลือพวกมันอาจสูญพันธ์หมดในพ.ศ. 2565
[7]อย่างไรก็ตาม
สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติยังไม่ได้ประเมินสถานภาพของเสือโคร่งสายพันธุ์นี้