ประวัติ ของ ไอแซค_อสิมอฟ

ไอแซค อาซิมอฟ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2463 ที่เมืองเปโตรวิชิ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในรัสเซีย ห่างจากกรุงมอสโคว์ไปทางตะวันตกประมาณ 200 ไมล์ เมื่ออายุ 3 ขวบ พ่อของเขาได้อพยพครองครัวไปอยู่ที่บรูคลิน สหรัฐอเมริกา เพราะคิดว่าจะสร้างความหวังใหักับอนาคตของลูกๆ ได้ดีกว่า พ่อของเขาหารายได้จากการเปิดร้านขายลูกกวาด ส่วนอาซิมอฟเองก็เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษจากโรงเรียนสอนไวยากรณ์

ไอแซค อาซิมอฟ อ่านหนังสือออกเมื่ออายุ 5 ขวบ และเป็นเด็กคนเดียวที่อ่านหนังสือออกทันทีเมื่อเข้าเรียนชั้นประถมต้น ภายหลังจากนั้น เขาก็อ่านหนังสืออย่างไม่เลือกประเภท และเริ่มเรียนข้ามชั้น เมื่ออาซิมอฟเรียนข้ามชั้น บรรดาครูก็รู้ว่าเขาเรียนเร็วเกินกว่าเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันถึงสองปีครึ่ง จนถึงอายุ 8 ปี ก็สอบผ่านและได้รับสัญชาติอเมริกัน

ไอแซค อาซิมอฟ เริ่มรู้จักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ จากนิตยสาร Science Wonder Stories และนี่เองคือการเริ่มต้นชีวิตในงานประพันธ์ด้านนี้ของเขา เมื่ออายุ 11 ขวบ เขาก็เริ่มเขียนหนังสือ แต่ลงมือเขียนไปได้ไม่มากนักก็ต้องทิ้งค้างไว้อย่างนั้น แต่ทว่าในปีต่อมาเขาได้ไปที่สำนักงานนิตยสาร Astounding Scicene Fiction ซึ่งเป็นนิตยสารเสนอนิยายวิทยาศาสตร์ชั้นนำอยู่ขณะนั้น เพื่อดูว่าทำไมหนังสือฉบับเดือนมิถุนายนจึงออกช้านัก

ผลจากการไปเยี่ยมสำนักพิมพ์ Astounding Science Fiction ก็คือ ทำให้เขาต้องกลับมาเขียนเรื่องที่เคยเขียนทิ้งค้างไว้นั้นต่อจนจบ และเมื่อเขียนจบ เขาก็เอาต้นฉบับไปส่งให้บรรณาธิการ จอห์น แคมเบลล์ จูเนียร์ (John Campbell Jr.) ซึ่งต่อมาคือหนึ่งในบรรดาบรรณาธิการนิตยสารนิยายวิทยาศาสตร์ชั้นนำ จอห์น แคมเบลล์ จูเนียร์ เกิดรู้สึกต้องชะตาและสนใจตัวอาซิมอฟขึ้นมาทันที และผลจากงานเขียนแรกทำให้ ไอแซค อาซิมอฟ เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ขึ้นอีก 6 เรื่องในชั่วเวลา 4 เดือน และก็ประสบความสำเร็จในการขายเรื่องแรกให้นิตยสารดังกล่าวสมความปรารถนา

อาซิมอฟ เรียนจบมัธยมปลายตั้งแต่อายุไม่ถึง 16 และเมื่ออายุ 19 อาซิมอฟ ก็เรียนจบได้ปริญญา จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ด้านวิทยาศาสตร์เคมี จากนั้นก็เขาศึกษาต่อระดับปริญญาโทและจบด้วยวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น

อาซิมอฟตั้งใจเรียนปริญญาเอกทันที แต่ขณะนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น เขาจึงต้องไปทำงานด้านเคมีให้กองทัพสหรัฐที่ฟิลาเดลเฟียช่วงหนึ่งจนหมดภาระ จึงได้กลับไปเรียกด๊อกเตอร์จบเมื่อปี พ.ศ. 2482 ขณะอายุ 29 ปี

ต่อมาเขาได้แต่งงานกับ เกอร์ทรูด ภรรยาคนแรก และทำงานอยู่ในห้องทดลองที่ฟิลาเดลเฟีย เขาได้เป็นอาจาย์สอนวิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยบอสตัน และได้เป็นรองศาสตราจารย์ในปี พ.ศ. 2492

ปี พ.ศ. 2495 เขาก็เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ เรื่อง "รัตติกาล" และเล่มแรกในเรื่องสั้น ชุด "หุ่นยนต์" ซึ่งอาจจัดเป็นชุดเรื่องสั้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ต่อมาก็เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ขนาดยาว 3 เล่มจบ คือ ชุด "สถาบันสถาปนา" อันลือชื่อ

ในปี พ.ศ. 2501 อาซิมอฟก็ได้ทิ้งอาชีพสอนหนังสือ และหันมาเขียนหนังสือเต็มเวลา จนหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า ตลอดจนบทความต่างๆ หลั่งไหลออกมามากมาย นอกจากหนังสือวิชาการทางวิทยาศาสตร์ นิยายวิทยาศาสตร์ อาซิมอฟยังมีผลงานเขียนประเภทอื่นที่แทบไม่น่าเชื่ออีกด้วย อาทิเช่น เขาเขียนคำอธิบายประกอบบทละครต่างๆ ของเชกสเปียร์ วิจารณ์ พาราไดซ์ ลอสท์ ของมิลตัน ดอนฮวน ของไบรอน ตลอดจนวิจารณ์คัมภีร์ไบเบิลในแง่ของนักวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังเขียนเรื่องทางประวัติศาสตร์ นิยายฆาตกรรมลึกลับ เรื่องสำหรับเด็ก เรื่องตลก และรวมเรื่องสัปดน ที่ตั้งชื่อไว้ว่า 8ถูกวางยา​ในปี ค.ศ. 1992 อาซิมอฟก็พบว่าเขามีก้อนมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ และต้องผ่าตัด เขาวิตกกังวลมาก และอาจเป็นเพราะความวิตกกังวลประการนี้ ทำให้ขณะอยู่ในโรงพยาบาลก่อนทำการผ่าตัด อาซิมอฟได้เขียนนิยายฆาตกรรมลึกลับขึ้นมาได้สำเร็จอีกเรื่องหนึ่ง

ผลงานของอาซิมอฟได้ผสมผสานความสามารถทั้งในฐานะนักเขียนและ นักวิทยาศาสตร์เขาด้วยกันจนออกมาได้เป็นผลงานอันดีเยี่ยม และกลายเป็นประจักษ์พยานแพร่หลายอย่างรวดเร็ว จนทำให้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ "นิยายวิทยาศาสตร์" นับครั้งไม่ถ้วน โดยได้รับรางวัลฮิวโก 4 ครั้ง รางวัลเนบิวลา 1 ครั้ง หนังสือที่อาซิมอฟเขียนไว้มีเกือบ 500 เรื่อง และที่เป็นบทความอีกหลายร้อยชิ้น

อาซิมอฟเสียชีวิตลงเมื่อ วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1992 ขณะที่อายุ 72 ปี ก่อนเสียชีวิตเขาได้เขียนอัตชีวประวัติชื่อ It’s been a good Life ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2002 สิบปีหลังจากการจากไปของเขา ในหนังสือเล่มนี้เปิดเผยว่าสาเหตุที่เขาเสียชีวิตมาจากหัวใจและไตล้มเหลว ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคถูกวางยา เขาได้ติดเชื้อในกระแสเลือดและเนื้อเยื่อ​ในสมองอักเสพ จากการ (Heart bypass operation) อาซิมอฟปรารถนาจะให้สาธารณชนรับทราบเรื่องนี้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ แต่นายแพทย์ประจำตัวคัดค้านและต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับ อย่างไรก็ตาม 5 เดือนต่อมาความปรารถนาครั้งสุดท้ายของเขาจึงกลายเป็นความจริง[1][2][3]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไอแซค_อสิมอฟ http://www.asimovonline.com/ http://www.bewilderingstories.com/issue8/asimov.ht... http://storyinbook.igetweb.com/index.php?mo=3&art=... http://www.industrial-europe.com/showArticle.jhtml... http://www.rudysbooks.com/asimovobit.html http://www.toulo.com/info/Article.asp?ID=30 http://www.winbookclub.com/viewanswer.php?qid=3321... http://www.isfdb.org/cgi-bin/ea.cgi?Isaac_Asimov https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Isaac_...