Propane-1,2,3-triol17.8 °C, 291 K, 64 °F 290 °C, 563 K, 554 °F
กลีเซอรอล (
อังกฤษ: glycerol) หรือ
กลีเซอรีน (glycerine, glycerin) เป็น
สารประกอบอินทรีย์ที่มีสูตรเคมีคือ C3H8O3 ลักษณะเป็นของเหลวหนืดไม่มีสี ไม่มีกลิ่น รสหวาน มีน้ำหนักโมเลกุล 92.1 g/mol และระดับความไวไฟ 1 ตาม
NFPA 704 หรือต้องให้ความร้อนสูงก่อนจึงจะลุกติดไฟ
[4][5] กลีเซอรอลถูกสกัดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1783 โดย
คาร์ล วิลเฮ็ล์ม เชเลอ นักเคมีชาวสวีเดน และตั้งชื่อโดย
มีแชล-เออแฌน เชฟเริล นักเคมีชาวฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1811
[6][7]กลีเซอรอลเป็นสาร
พอลิออลชนิด
น้ำตาลแอลกอฮอล์ที่มีอะตอมคาร์บอนเป็นแกนกลาง 3 อะตอม และเป็นโปรไครัล หรือสารที่โครงสร้างสามารถพัฒนาเป็นไครัลได้ การผลิตกลีเซอรอลมักได้จาก
ไตรกลีเซอไรด์จากพืชและสัตว์ ทำปฏิกิริยาซาปอนิฟิเคชัน (saponification) กับ
โซเดียมไฮดรอกไซด์ ได้
สบู่และกลีเซอรอล นอกจากนี้ยังสามารถสังเคราะห์ได้จาก
โพรพีลีนที่ทำปฏิกิริยาจนได้
เอพิคลอโรไฮดริน และถูกไฮโดรไลซ์จนได้กลีเซอรอล
[8] ในร่างกายใช้กลีเซอรอลเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์และ
ฟอสโฟลิพิด เมื่อร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงาน จะดึงกลีเซอรอลจาก
เนื้อเยื่อไขมันแล้วเปลี่ยนเป็น
กลูโคสผ่าน
กระบวนการสร้างกลูโคสก่อนจะเข้าสู่กระแสเลือด
[9]กลีเซอรอลมีคุณสมบัติเป็นไฮโกรสโคปิก (hygroscopic) หรือสารที่สามารถดูดซึมหรือดูดซับความชื้นจากอากาศ จึงผสมเข้ากับน้ำได้ นอกจากนี้ยังละลายใน
แอซีโทนได้เล็กน้อย แต่ไม่ละลายใน
คลอโรฟอร์ม[10]กลีเซอรอลเป็นสารที่มีพิษน้อย คือมี
แอลดี 50 ในหนู (ทางปาก) อยู่ที่ 12600 mg/kg
[11] กลีเซอรอลใช้เป็น
ตัวทำละลาย วัตถุให้ความหวานทดแทนน้ำตาล และ
วัตถุกันเสียในอาหาร โดยมี
เลขอีคือ E422
[12] นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านจุลชีพและไวรัส จึงใช้รักษาบาดแผลและเป็นยาระบาย รวมถึงเป็นสารหล่อลื่นและสารกักเก็บความชุ่มชื้นในเครื่องสำอาง
[13]