ในที่ทำงาน ของ การจัดการความเครียด

ความเครียดในที่ทำงานเป็นเรื่องสามัญทั่วโลกในกิจการทุกอย่าง[ต้องการอ้างอิง]การจัดการความเครียดจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานและความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและนายจ้าง[16]

สำหรับผู้ทำงานบางท่าน การเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานจะช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดจากงานการสร้างสภาพแวดล้อมที่ลูกจ้างไม่ต้องแข่งขันกันมากจะลดความเครียดได้ระดับหนึ่งแต่ว่า คนไม่เหมือนกันและบางคนชอบความกดดันเพื่อจะทำงานได้ดีกว่าเงินเดือนอาจเป็นเรื่องสำคัญต่อผู้ทำงานสามารถมีผลในการทำงานเพราะผู้ทำงานอาจมุ่งได้การเลื่อนตำแหน่งเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้นซึ่งอาจทำให้เครียดอย่างเรื้อรัง[ต้องการอ้างอิง]

ความแตกต่างทางวัฒนธรรมพบว่ามีผลสำคัญต่อการรับมือกับความเครียดอีกด้วยคนเอเชียตะวันออกอาจรับมือกับสถานการณ์ที่ทำงานต่างจากคนอเมริกาเหนือฝั่งตะวันตก[ต้องการอ้างอิง]เพื่อจัดการความเครียดในที่ทำงาน นายจ้างสามารถจัดโปรแกรมบริหารความเครียด[17]เช่น การบำบัดแบบต่าง ๆ โปรแกรมการสื่อสาร และตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นได้[18]

ความเครียดในโรงพยาบาล

งานศึกษาปี 2537 ตรวจสอบระดับความเครียดของแพทย์ทั่วไปและผู้ให้คำปรึกษาในโรงพยาบาล มีแพทย์และพนักงานรวมทั้งหมด 500 คนที่เข้าร่วมงานศึกษานี้ ผลแสดงว่า 47% ของผู้เข้าร่วมได้คะแนนสูงเมื่อถามถึงความเครียด แพทย์ทั่วไป 27% มีคะแนนสูงที่บ่งว่าซึมเศร้ามาก ตัวเลขดังที่ได้ทำให้ผู้ทำการศึกษาแปลกใจ และเป็นห่วงว่า มีเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาลที่เครียดมากเพราะงานของตน ถึงอย่างไรก็ดี ผู้จัดการจะไม่เครียดเท่ากับเจ้าหน้าที่ที่ทำการจริง ๆ สถิติที่น่าสนใจยังแสดงอีกด้วยว่า พนักงานเจ้าหน้าที่รวมกันทั้งหมด 54% เป็นทุกข์เพราะวิตกกังวลเมื่อทำงานในโรงพยาบาล แม้ว่า งานศึกษานี้จะมีขนาดตัวอย่างน้อยเทียบกับโรงพยาบาลทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก แต่ผู้ทำการศึกษาเชื่อว่า แนวโน้มเช่นนี้ค่อนข้างจะตรงกับสถานการณ์ในโรงพยาบาลโดยมาก[19]

โปรแกรมจัดการความเครียด

ธุรกิจชาวตะวันตกปัจจุบันเริ่มใช้โปรแกรมจัดการความเครียดสำหรับลูกจ้างที่มีปัญหาปรับตัวเข้ากับความเครียดในที่ทำงานหรือในบ้านเพราะมีคนเป็นจำนวนมากเอาความเครียดที่บ้านมาปล่อยในที่ทำงานมีวิธีการหลายอย่างที่บริษัทใช้เพื่อบรรเทาความเครียดต่อลูกจ้างวิธีหนึ่งก็คือการแทรกแซงตัวต่อตัวเริ่มโดยการตรวจสอบตัวสร้างความเครียดในบุคคลหลังจากตรวจดูแล้วว่าอะไรก่อความเครียด ขั้นต่อไปก็คือจัดการตัวก่อความเครียดโดยหาทางบรรเทามันโดยวิธีไหนก็ได้การได้ความช่วยเหลือทางสังคมสำคัญต่อการแทรกแซงตัวต่อตัว เพราะการอยู่กับผู้อื่นเพื่อช่วยรับมือกับเหตุการณ์พิสูจน์แล้วว่า เป็นวิธีที่มีประสิทธิผลมากในการหลีกเลี่ยงความเครียด

การหลีกเลี่ยงตัวสร้างความเครียดโดยสิ้นเชิงเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับในที่ทำงานการเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมสามารถช่วยลดความเครียดโปรแกรมการช่วยเหลือลูกจ้าง (Employee assistance programs ตัวย่อ EAPs) สามารถมีโปรแกรมให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการความเครียดในบริษัทงานวิจัยได้ศึกษา EAPs ที่สอนให้คุมความเครียดและเทคนิคช่วยกันความเครียดเช่น เทคนิคการผ่อนคลาย, biofeedback, และการเปลี่ยนความคิดงานแสดงว่า โปรแกรมเหล่านี้สามารถลดระดับความตื่นตัวที่มากับความเครียดผู้ร่วมโปรแกรมที่ชำนาญในเทคนิคเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมรายงานความเครียดที่น้อยกว่า นอนไม่หลับน้อยกว่า และสมรรถภาพที่ดีขึ้นในการรับมือกับตัวก่อความเครียดในที่ทำงาน[20]

วิธีอีกอย่างที่ลดความเครียดในที่ทำงานก็คือเปลี่ยนความหนักเบาของงานบางคนอาจจะมีงานมากเกินไป บางคนอาจจะมีงานน้อยเกินไปจนกระทั่งว่าไม่รู้จะทำอะไรในที่ทำงานการเพิ่มการสื่อสารระหว่างลูกจ้างฟังดูเหมือนจะง่าย ๆ แต่จริง ๆ เป็นวิธีช่วยลดความเครียดที่ดีบางครั้งการทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าเป็นส่วนที่ใหญ่ขึ้นของบริษัท เช่นให้โอกาสออกเสียงในระดับที่สูงขึ้นแสดงว่าเจ้านายเชื่อใจและให้ความสำคัญต่อความคิดเห็น

การมีลูกน้องที่ทำงานด้วยกันได้ดีเป็นปัจจัยหลักในการลดความเครียดในที่ทำงานถ้าลูกน้องเข้ากันได้ดีและได้กำลังใจจากกันและกัน โอกาสมีมากที่ความเครียดจะมีน้อยมากและท้ายสุด การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของที่ทำงานอาจช่วยลดความเครียดโดยเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ เช่น แสงสว่าง อุณหภูมิ กลิ่น และเทคโนโลยีที่ทันสมัย

การแทรกแซงสามารถแยกเป็นสามขั้น ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิระดับปฐมภูมิกำจัดตัวสร้างความเครียดเองระดับทุติยภูมิตรวจจับความเครียดและหาทางรับมือกับมัน และช่วยเพิ่มทักษะจัดการความเครียดและระดับตติยภูมิเป็นการฟื้นสภาพจากความเครียดนี่เป็นสามขั้นตอนที่มีประสิทธิผลดีที่สุดในการรับมือกับความเครียด และใช้ได้โดยทั่วไปและไม่จำกัดแต่ที่ทำงานเพียงเท่านั้น[21]

นักบิน

นักบินเป็นอาชีพที่เครียด เพราะว่าต้องทำงานอย่างแม่นยำตลอดเวลาแต่ระดับความเครียดสูงเรื้อรัง อาจลดประสิทธิภาพการทำงานและเสี่ยงความปลอดภัย[22]เพื่อจะให้มีประสิทธิผล เครื่องมือวัดความเครียดต้องเฉพาะเจาะจงต่อนักบิน เพราะเหตุสภาพการทำงานและตัวสร้างความเครียดอื่น ๆ ที่ไม่เหมือนอาชีพอื่น[23]การวัดความเครียดมุ่งจะให้คะแนนความเครียดที่ประสบโดยนักบิน โดยมุ่งปรับปรุงทักษะการรับมือและจัดการความเครียดของนักบิน[23]

เพื่อวัดความเครียดให้แม่นยำ หน้าที่ความรับผิดชอบของนักบินจะแบ่งออกเป็นส่วน ๆ (workload)นี่ช่วยจัดหมวดหมู่ความเครียดออกเป็นตัวสร้างความเครียดโดยเฉพาะ ๆ[24]นอกจากนั้นแล้ว เนื่องจากส่วนหน้าที่อาจเป็นตัวสร้างความเครียดที่ไม่เหมือนส่วนอื่น วิธีนี้อาจจะมีประสิทธิผลดีกว่าการวัดความเครียดโดยองค์รวมเครื่องมือวัดความเครียดก็จะสามารถช่วยนักบินให้ระบุว่าอะไรเป็นตัวสร้างความเครียดที่เป็นปัญหามากที่สุดสำหรับตน แล้วช่วยบริหารส่วนหน้าที่ วางแผนสิ่งที่ต้องทำ และรับมือกับความเครียดอย่างมีประสิทธิผลดีกว่า

เพื่อจะประเมินส่วนหน้าที่ มีเครื่องมือหลายอย่างที่สามารถใช้ได้เครื่องมือการวัดแบบหลัก ๆ รวมทั้ง

  1. การวัดประสิทธิภาพของงาน
  2. การวัดสิ่งที่เป็นอัตวิสัย เช่นคำถามที่นักบินจะเป็นคนตอบ
  3. การวัดทางสรีรภาพ เช่น อัตราหัวใจเต้น[23]

การดำเนินการต้องใช้เวลา เครื่องมือที่ใช้วัด และซอฟต์แวร์ที่ใช้เก็บข้อมูล[23]

ระบบการวัด

ระบบการวัดความเครียดที่ใช้อย่างสามัญที่สุดเป็นแบบวัด (rating scale)ซึ่งมักจะเป็นแบบวัดที่ซับซ้อน ประกอบด้วยลำดับชั้นคำถามในส่วนต่าง ๆ เพื่อวัดตัวสร้างความเครียดที่มีในนักบินอาจใช้ระบบต่าง ๆ สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ต่าง ๆ

  • Perceived Stress Scale (PSS) เป็นเครื่องมือที่ใช้วัตความเครียดเชิงอัตวิสัย (คือคนรับการวัดแจ้งระดับเอง) ที่ใช้อย่างกว้างขวาง[25] โดยมีคำถาม 10 คำถาม และผู้รับการวัดจะให้คะแนนจาก 0-4 ว่าตนเครียดแค่ไหนหลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังนั้นจาก 10 คำถามก็จะได้คะแนนรวมระหว่าง 0-40[26] ยกตัวอย่างเช่น มีการวัดนักบินที่กำลังฝึกว่ารู้สึกเครียดเท่าไรหลังจากฝึกหัดการบิน[26]
  • The Coping Skills Inventory - แบบคำถามนี้วัดทักษะของนักบินในการรับมือความเครียด นี่เป็นแบบวัดโดยอัตวิสัยอีกอย่างหนึ่งที่ให้ผู้รับการวัดให้คะแนนจาก 0-4 ว่าตนใช้ทักษะการรับมือที่สามัญ 8 อย่างเท่าไร[26] การเสพยาเสพติด, การได้ความสนับสนุนทางใจ, การได้ความช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น การดูแลลูก การเงิน หรือการแบ่งงาน, การเปลี่ยนความคิดไปในทางบวก, การโทษตัวเอง, การวางแผน, มุกตลก และความเชื่อ/ศาสนา คะแนนรวมของบุคคลระบุระดับที่ตนใช้ทักษะรับมือเชิงบวกอย่างมีประสิทธิภาพ (เช่นมุกตลก หรือการได้ความสนับสนุนทางใจ) และระดับที่ใช้ทักษะเชิงลบอย่างไม่มีประสิทธิผล (เช่น การใช้ยาเสพติดหรือการโทษตัวเอง) โดยสามารถบอกจุดที่บุคคลสามารถปรับให้ดีขึ้นได้
  • The Subjective Workload Assessment Technique (SWAT) - SWAT เป็นระบบการให้คะแนนเพื่อใช้วัดความรู้สึกว่างานต้องใช้หัวมากแค่ไหน เช่น การประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ในแล็บ หรือการทำงานนักบินหลายอย่างพร้อม ๆ กัน[27] SWAT มีการวัดคะแนนส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะ ๆ และยังรวมคะแนนเป็นค่าวัดทั่วไปอีกด้วย

ระบบการรายงานความเครียดของนักบิน

ระบบรายงานความเครียดที่ปรับใช้มาจากคำถามและแบบสำรวจทางจิตวิทยา[28]และมักเป็นคำถามที่ออกแบบเพื่อศึกษาความเครียดที่บ้านหรือที่ทำงาน[28]นอกจากนั้นแล้ว แบบที่รายงานเองสามารถใช้วัดความเครียดรวมทั้งที่บ้านและที่ทำงาน และประสิทธิภาพงานที่ตนรู้สึกว่าได้งานวิจัยปี 2543 ตรวจสอบความรู้สึกของนักบินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดแบบต่าง ๆผลแสดงว่า นักบินเชื่อว่าประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงถ้านำความเครียดจากที่บ้านมายังที่ทำงานคือ ระดับความเครียดที่บ้านที่นำมาที่ทำงานมีผลลบอย่างสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำหน้าที่ต่าง ๆ เกี่ยวกับการบิน เช่น การวางแผน การควบคุม และความแม่นยำในการนำเครื่องบินลงแบบคำถามช่วยสะท้อนให้เห็นความรู้สึกแบบมองย้อนหลังและความแม่นยำของความรู้สึกเช่นนั้น[29]

งานศึกษาปี 2540 ใช้แบบวัด Beck Depression Inventory (BDI) เพื่อสำรวจกลุ่มนักบินทหารอากาศสหรัฐ 57 คนผู้บินปฏิบัติการรบ[28]การปรับใช้ BDI เพื่อนักบินมีปัญหาแต่งานศึกษาก็ยังแสดงเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังคือ ผลแสดงว่า 89% ของนักบินรายงานการนอนไม่หลับ86% รายงานว่าหงุดหงิด63% รายงานว่าไม่พอใจ38% รายงานว่ารู้สึกผิดและ 35% รายงานว่าเสียอารมณ์ทางเพศนักบิน 50% ของกองบิน 2 กองบินและ 33% ของอีกกองบินหนึ่งได้คะแนนสูงกว่า 9 สำหรับ BDI ซึ่งแสดงว่ามีความซึมเศร้าอย่างน้อยในระดับต่ำแต่สิ่งที่วัดเหล่านี้อาจจะตีความได้ยาก[ทำไม?]

แต่งานก็สรุปว่า "ลูกเรือเครื่องบินที่ฝึกการต่อสู้อย่างเข้มข้นที่สุดอาจมีความต้านทานความเครียดที่ต่ำกว่าที่คาดหวัง"การวัดความเครียดเช่นนี้อาจช่วยพัฒนาการฝึกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักบินประเภทต่าง ๆ[28]

ใกล้เคียง

การจัดการความเครียด การจัดการทาลัสซีเมีย การจัดอันดับของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การจัดเส้นทางแบบหัวหอม การจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้ การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยมหิดล การจัดเรียงอิเล็กตรอนของธาตุ (หน้าข้อมูล) การจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ไทย การจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์

แหล่งที่มา

WikiPedia: การจัดการความเครียด http://www.dailybsness.com/en-wiki/7_tips_to_preve... http://www.medscimonit.com/fulltxt.php?IDMAN=8224 http://www.psychtreatment.com/stress_management.ht... http://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1207/s153271... http://humansystems.arc.nasa.gov/flightcognition/P... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1230339 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2038162 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10224513 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10333853 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11322841