เมนูนำทาง
การตั้งครรภ์ การวินิจฉัยการเริ่มต้นตั้งครรภ์จะทราบได้โดยการตรวจพบจากอาการอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นอยู่กับอาการของหญิงตั้งครรภ์เองหรือโดยใช้เครื่องทดสอบทางการแพทย์ ประมาณการได้ว่าผู้หญิง 1 ใน 475 อยู่ที่ 20 สัปดาห์ และผู้หญิง 1 ใน 2,500 คนจะคลอด, หญิงเหล่านั้นปฏิเสธที่จะยอมรับว่าพวกเขากำลังตั้งครรภ์ซึ่งเรียกว่า การปฏิเสธของการตั้งครรภ์(denial of pregnancy)[43] มีหญิงบางคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์แต่ผู้หญิงเหล่านั้นมั่นใจว่ามีการตั้งครรภ์เนื่องจากมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ภาวะนี้เรียกได้ว่าการตั้งท้องเที่ยม(pseudocyesis)[44]
หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ที่มีประสบการณ์จะรู้ถึงจำนวนอาการที่เกิดขึ้นที่บ่งบอกเป็นสัญญาณว่าได้เกิดการตั้งครรภ์แล้ว อาการเหล่านี้รวมไปถึงอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่มากขึ้นกว่าปกติ, ความอยากอาหารบางชนิดที่ไม่ใช่สิ่งที่เคยกินและปัสสวะบ่อยขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืน
จำนวนของสัญญาณทางการแพทย์(medical signs) เบื้องต้นที่บอกได้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ [45][46] อาการเหล่านี้มักจะปรากฏภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากตั้งครรภ์ แม้ว่าจะสัญญาณเหล่านี้จะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็เป็นที่นิยมใช้การอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน อาการเหล่านี้เป็นการวินิจฉัยด้วยตัวเองซึ่งนำมารวมกันกับการตั้งข้อสัญนิษฐานในการวิฉิจฉัยตั้งครรภ์ สัญญาณเหล่านี้จะรวมไปถึงการตรวจเจอฮอร์โมน hCG ในเลือดและปัสสาวะ(hCG ย่อมาจาก human chorionic gonadotropin) ประจำดือนขาด เลือดออกในขณะที่มีการฝังตัวอ่อนในมดลูกในช่วงสัปดาห์ที่สามหรือสี่หลังจากประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย, อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นกว่าปกตินานเกิดกว่าสองสัปดาห์หลังจากมีการตกไข่ เกิดอาการ Chadwick's sign คือ ปากมดลูก, บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์สตรีด้านนอกและช่องคลอดมีสีคล้ำลง, Goodell's sign คือ อาการอ่อนตัวของบริเวณช่องคลอดปากมดลูก, Hegar's sign คือสัญญาณจากการอ่อนตัวของ uterus isthmus และมีสีคล้ำลงของแนวกลางช่องท้องด้านล่าง-มีเส้นสีคล้ำบริเวณท้องล่างเกิดขึ้น(Linea nigra), (เส้นสีคล้ำที่เกิดบริเวณท้อง, รอยดำเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ช่วงเวลาที่เกิดมักจะเกิดในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์).[45][46] การเจ็บเต้านม เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในการตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสแรกและพบมากในหญิงตั้งครรภ์ที่อายุน้อย.[47] และหลังจากนั้นลานนมจะสีคล้ำลงอันเนื่องมากจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน.[48] อาการดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นตลอดการตั้งครรภ์
แม้ว่าจะมีสัญญาณเหล่านี้ทั้งหมด ผู้หญิงบางคนอาจไม่ได้ตระหนักว่าพวกเธอกำลังตั้งครรภ์เพราะเหมือนกับว่าพวกเธออยู่ห่างไกลพร้อมในการตั้งครรภ์ ในบางกรณี, มีจำนวนน้อยที่ไม่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ของตัวเองจนกระทั่งถึงเวลาคลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เกิดจากหลายปัจจัย รวมไปถึงผู้ที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ(มักพบในวัยรุ่น), ยาบางอย่าง (ไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์เด็ก), และในผู้หญิงอ้วนที่ไม่สนใจการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวเอง และในคนอื่นๆ ที่ปฏิเสธการตั้งครรภ์ของตัวเอง
การตรวจสอบการตั้งครรภ์สามารถทำได้โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่าการทดสอบการตั้งครรภ์ต่างๆ ,[49] สามารถตรวจพบฮอร์โมนที่เกิดจากรกที่เกิดขึ้นใหม่ ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถทราบได้จากผลการตรวจเลือดและการตรวจปัสสวะสามารถตรวจพบใน 12 วันหลังจากการปฏิสนธิ.[50] ผลการตรวจการตั้งครรภ์จากเลือดตรวจสอบได้ละเอียดกว่าการตรวจจากผลปัสสวะ(ให้ผลน้อยในกรณีผลตรวจเชิงลบที่เป็นเท็จ).[51] สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้จากที่บ้านซึ่งเป็นการตรวจปัสสวะ โดยปกติแล้วจะสามารถตรวจพบได้ 12 ถึง 15 วันหลังจากเกิดการปฏิสนธิ การตรวจเลือดสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ตัวเอ็มบริโอได้เกิดการตั้งครรภ์แล้ว การทดสอบห่าง 48 ชั่วโมเป็นประโยชน์ในเรื่องการตั้งครรภ์ การตรวจสอบระดับของฮอร์โมนที่เรียกว่า ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนจะช่วยตรวจสอบได้ว่าทารกในครรภ์มีโอกาสรอดหรือไม่ในผู้ที่เกิดภาวะแท้งคุกคาม (มีเลือดออกในครรภ์).[52]
การตรวจอัลตร้าซาวน์ในทางสูตินารีแพทย์ สามารถช่วยในตรวจพบโรคที่เป็นแต่กำเนิดได้ในระยะแรก เพื่อทราบประมาณวันที่ครบกำหนดคลอดรวมไปถึงการตรวจสอบพบถุงการตั้งครรภ์หลายถุง(multiple pregnancy)[53] สามารถตรวจสอบการประมาณการวันครบกำหนดคลอดได้เล็กน้อยของทารก แต่ที่ถูกต้องกว่าวิธีนี้ก็คือขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้าย.[54] ในผู้ที่มีความเสียงต่ำก็ไม่มีความชัดเจนว่า อัลตราซาวนด์เป็นผลทำให้เกิดการคลอดบุตรก่อน 24 สัปดาห์[55] การถ่ายภาพอัลตราซาวนด์เป็นประจำหลังจาก 24 สัปดาห์การตั้งครรภ์ไม่ได้ถูกพิสูจน์ว่ามีผลทั้งในมารดาหรือทารกที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการผ่าตัดคลอด.[56] ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่แนะนำ.[55] ภาพอัลตร้างซาวน์ 3 มิติ ให้รายละเอียดที่ทันสมัยมากขึ้นสำหรับการวินิจฉัยก่อนคลอดกว่าเก่าที่เป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ 2 มิติ.[57] ในขณะที่การอัลตร้าซาวน์ 3 มิติเป็นที่นิยมกับผู้ปกครองที่ต้องการถ่ายภาพก่อนคลอดเป็นของที่ระลึก,[58] ทั้งอัลตร้าซาวน์ 2 มิติ และ 3 มิติ ถูกรับรองจากองค์การอาหารและยา(FDA) ไม่ใช่ทางการแพทย์[59] แต่ไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนว่าการอัลตราซาวนด์ที่จะมีผลกระทบทางด้านใดๆการแพทย์[60] ภาพต่อไปนี้เป็นภาพอัลตราซาวนด์ 3 มิติถูกนำมาดูว่าในแต่ละขั้นตอนของการตั้งครรภ์เป็นอย่างไร
เมนูนำทาง
การตั้งครรภ์ การวินิจฉัยใกล้เคียง
การตั้งชื่อทวินาม การตั้งครรภ์ การตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อน การตั้งชื่อระบบไบเออร์ การตัดหลอดนำอสุจิ การตั้งชื่อดาวฤกษ์ การตัดมดลูก การตั้งครรภ์นอกมดลูก การตัดศีรษะ การตักบาตรแหล่งที่มา
WikiPedia: การตั้งครรภ์ http://www.aihw.gov.au/WorkArea/DownloadAsset.aspx... http://books.google.ca/books?id=-3ufSTqeb6cC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=4Sg5sXyiBvkC&pg=PR... http://books.google.ca/books?id=m7USFu5Z0lQC&pg=PA... http://www.preventioninstitute.sk.ca/home/Program_... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/rotatable/10-weeks-preg...