มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว ของ การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา_พ.ศ._2562–2563_เรียงตามประเทศและดินแดน

แผนที่ภาพเคลื่อนไหวการแพร่ของผู้ป่วย 2019-nCoV ยืนยันแล้วตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563

ณ 25 ธันวาคม ​2563​ เวลามาตรฐานกรีนิช 07.39 น. มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)​ ยืนยันแล้ว 79,764,330 คนใน 229 ประเทศและดินแดน[311] มีผู้เสียชีวิตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ​แล้วมากกว่า 1,749,937 คน และมีผู้หายป่วยแล้วมากกว่า คน 56,156,103 [312]ณ 25 ธันวาคม ​2563​ เวลามาตรฐานกรีนิช 07.39 น. มีจำนวน​ 4 ประเทศ ที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 121,100​ ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประเทศบราซิล ประเทศอินเดีย ประเทศเม็กซิโก

มีจำนวน​ 9 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 53,000 ราย​ โดย ประเทศรัสเซีย รายงานรวม 53,096 ราย เป็นอันดับที่ 9 ของโลก

มีจำนวน​ 25 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 12,700 รายขึ้นไปโดย ประเทศอิรัก มีผู้เสียชีวิตรวม 12,744 ราย เป็นอันดับที่ 25 ของโลก

มีจำนวน​ 27 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 10,800 รายขึ้นไปโดย ประเทศเช็กเกีย มีผู้เสียชีวิตรวม 10,815 ราย เป็นอันดับที่ 27 ของโลก

มีจำนวน 40 ประเทศ ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,700 รายขึ้นไป โดย ประเทศออสเตรีย ​มีผู้​เสียชีวิต 5,745 ราย อันดับที่ 40 ของโลก​

มีจำน​วน 79 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,200 รายขึ้นไป โดยประเทศไนจีเรีย​ มีผู้เสียชีวิต ​1,242 ราย เป็นอันดับที่ 79 ของโลก

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันที่ 18 ธันวาคม ​พ.ศ. 2563​ เวลามาตรฐานกรีนิช 01.53 น. เปรียบเทียบกับ วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. ​2563​ เพิ่มขึ้น 713,013 รายภายในวันเดียว

ในส่วนของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ และ ผู้เสียชีวิตอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก ณ วันที่ 23 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2563​ เวลามาตรฐานกรีนิช 02.14 นาฬิกา มี 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา​ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 1 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ประเทศบราซิล​ มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ประเทศอินเดีย มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ประเทศสเปน มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ประเทศฝรั่งเศส ​มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 5 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 7 ของโลก ประเทศอิตาลี ​มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 8 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 5 ของโลก สหราชอาณาจักร ​มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 7 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 6 ของโลก

อีกทั้งยังพบผู้ป่วยในเรือสำราญอีก 26 ลำ มีผู้เสียชีวิตบนเรือ เรือ เอ็มเอส ซานดัม 2 ราย และ ไดมอนด์พรินเซส (เรือ) 13 ราย เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น​พื้นที่เหนือสุดของโลกที่พบผู้เสียชีวิต​ได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ พื้นที่ใต้สุดของโลกที่พบผู้เสียชีวิตได้แก่แคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา

ยุโรป

ใน​วันที่​ 25 ธันวาคม​ เมื่อเรียงตามจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในแต่ละประเทศ​ 27​ อันดับแรกของโลก พบว่า​ ​12 ประเทศอยู่ในทวีปยุโรปคิดเป็น​ 44.44 % โดยจำนวนประเทศ​ 27 อันดับแรกของโลกมีผู้เสียชีวิตมากกว่า​ 10,775 รายของแต่ละประเทศ​ และเมื่อเรียงตามจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก พบว่าอยู่ในทวีปยุโรป 6 ประเทศ หรือคิดเป็นร้อยละ 60

ในวันที่ 18 ธันวาคม​ ศูนย์​กลางการแพร่ระบาดของทวีปยุโรป​อยู่ที่ ประเทศฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร

ผู้ป่วยรายแรก ๆ ของทวีปยุโรปมีรายงานจากในประเทศฝรั่งเศสและในประเทศเยอรมนี​รวมถึงประเทศอื่น ๆ โดยเป็นผู้ป่วยเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในประเทศอิตาลี ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณตอนเหนือของมิลาน จากนั้นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแพร่กระจายของโรคไปทั่วทั้งทวีปยุโรป โดยหลังจากที่ประเทศมอนเตเนโกรได้รายงานการพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ทำให้มีผู้ป่วยอยู่ในทุกประเทศเอกราชของทวีปยุโรป​

ต่อเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ได้มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อในไอล์ออฟแมนซึ่งเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร และพบการติดเชื้อในดินแดน​ที่ยังมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องอำนาจอธิปไตยของตนเองอย่าง​ทรานส์นีสเตรีย[313]​นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในดินแดนปกครองตนเองอย่างหมู่เกาะโอลันด์​ทำให้การติดเชื้อพบในทุกประเทศเอกราชและของทวีปยุโรป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก​ได้ประกาศให้ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของไวรัสหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นในประเทศจีน[314][315] [312][316][317][318]ณ วันที่ 2 ธันวาคม วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ณ​ วันที่​ 25 ธันวาคม เวลามาตรฐานกรีนิช 02:39 น. ผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปจำนวนสูงสุด 12 อันดับแรก​ (นับเฉพาะทวีปยุโรป) ​ได้แก่ ประเทศอิตาลี 70,900 ราย​ สหราชอาณาจักร 69,625 ราย​ ประเทศฝรั่งเศส 62,268 ราย ​ประเทศรัสเซีย​ 53,096 ราย ประเทศสเปน 49,874 ราย ประเทศเยอรมนี​ ​29,681 ราย ประเทศโปแลนด์ 26,752 ราย ​​ประเทศเบลเยียม ​18,939 ราย​ ประเทศยูเครน 17,395 ราย ประเทศโรมาเนีย​ 14,912 ราย ประเทศเนเธอร์แลนด์​ 10,826 ราย ประเทศเช็กเกีย 10,776 ราย ทั้ง 12 ประเทศยังจัดว่าเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิต ติด 27 อันดับแรกของโลก

ณ​ วันที่​ 25 ธันวาคม​ เวลามาตรฐานกรีนิช 02:39 น. ผู้ติดเชื้อในทวีปยุโรป ​22,224,972 ราย และเสียชีวิตรวม​ 512,597 ราย

พบผู้ติดเชื้อแต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะแฟโร หมู่เกาะโอลันด์​ และ นครรัฐวาติกัน

พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อได้แก่ สฟาลบาร์​ และ ยานไมเอน ​ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ดินแดนอาณานิคม​

ณ วันที่ 23 ธันวาคม หมู่เกาะที่มีผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียวได้แก่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน​ (หมู่เกาะในทวีปอเมริกาเหนือ)ส่วน หมู่เกาะเคย์แมน​ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ไอล์ออฟแมน​ มีผู้​เสียชีวิต​ 25 ราย หมู่เกาะแชนเนล​ มีผู้เสียชีวิต 52 ราย เกิร์นซีย์​ มีผู้​เสียชีวิต ​13 ราย เรอูนียง​ มีผู้​เสียชีวิต ​42 ราย หมู่เกาะเติกส์และเคคอส มีผู้เสียชีวิต 6 ราย

ณ วันที่ 23 ธันวาคม แซ็งปีแยร์และมีเกอลง ​มีผู้ติดเชื้อ 14 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แองกวิลลา มีผู้ติดเชื้อ 11 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

รัสเซีย

วันที่ 23 ธันวาคม ประเทศรัสเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 2,906,503 ราย เป็นอันดับ 4 ของโลก และเสียชีวิต 51,912 ราย เป็นอันดับที่ 9 ของโลก

รัสเซียเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุดโดยผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 59 รายที่แคว้นมูร์มันสค์

ทวีปอเมริกาเหนือ

ณ วันที่ 23 ธันวาคม สหรัฐอเมริกาประเทศเม็กซิโก และ ประเทศแคนาดา​ เป็นศูนย์กลาง​การแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาเหนือ

ณ วันที่ 23 ธันวาคม ​ทวีปอเมริกาเหนือมีจำนวน​ 6 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​ในแต่ละประเทศมากกว่า 3,000 ราย​ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาประเทศเม็กซิโก ประเทศแคนาดา​ ​ประเทศปานามาประเทศฮอนดูรัสประเทศกัวเตมาลา

ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส

พบผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 4 คน โดยมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 2 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ในเกาะเซนต์มาร์ติน ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส โดยตัวผู้ป่วยได้เดินทางมาจากฝรั่งเศสผ่านดินแดนซินต์มาร์เตินของเนเธอร์แลนด์ และแซ็ง-บาร์เตเลมี ซึ่งบุตรชายของผู้ป่วยได้เกิดการติดเชื้อขึ้น ทั้งคู่เดินทางกลับไปยังเกาะเซนต์มาร์ตินและถูกตรวจพบที่ท่าอากาศยาน และได้ถูกส่งตัวต่อไปกักโรคที่โรงพยาบาลบนเกาะ[319] ขณะที่ในกัวเดอลุป มีรายงานผู้ป่วยจำนวนหนึ่งคน[320]

ปานามา

วันที่ 23 ธันวาคม ประเทศปานามา มีผู้เสียชีวิต 3,632 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 217,202 ราย

กัวเตมาลา

วันที่ 23 ธันวาคม ประเทศกัวเตมาลา ​มีผู้เสียชีวิต 4,718 ราย ผู้ติดเชื้อ 133,601 ราย

เม็กซิโก

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประเทศเม็กซิโกมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 3 คน เป็นชายอายุ 35 ปี และ 59 ปีในเม็กซิโกซิตี และชายอายุ 41 ปีในรัฐซีนาโลอา ซึ่งทั้งสามมีผลการทดสอบเป็นบวกและได้ถูกกักโรคไว้ที่โรงพยาบาลและโรงแรม ตามลำดับ สองคนแรก ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังเมืองเบอร์กาโม ประเทศอิตาลี และพำนักอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์[321][322][323][324] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วยรายที่สี่ เป็นหญิงอายุ 20 ปี ซึ่งได้มีการเดินทางไปยังประเทศอิตาลีมา[325] วันที่ 1 มีนาคม มีการพบผู้ป่วยรายที่ 5 เป็นนักศึกษาในรัฐเชียปัส ซึ่งเพิ่งได้เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[326]ณ วันที่ 23 ธันวาคม มีผู้เสียชีวิต 119,495 ราย เป็นอันดับ 4 ของโลก และ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,338,426 ราย เป็นอันดับที่ 13 ของโลก

แคนาดา

ณ วันที่ 4 มีนาคม มีรายงานผู้ป่วยโคโรนาไวรัสในประเทศแคนาดา 33 คน โดยแบ่งเป็นพบในบริติชโคลัมเบีย 8 คน รัฐออนแทรีโอ 24 คน และรัฐควิเบก 1 คน[327] ผู้ป่วยทุกคนมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และรักษาหายแล้วจำนวน 8 คน (แบ่งเป็นบริติชโคลัมเบีย 5 คน และรัฐออนแทรีโอ 3 คน)[328] ณ วันที่ 23 ธันวาคม มีผู้เสียชีวิต 14,425 ราย พบผู้ติดเชื้อ 521,509 ราย ไม่พบผู้ป่วยที่เกาะแบฟฟิน

สหรัฐ

วันที่ 21 มกราคม สหรัฐรายงานพบผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุ 35 ปีที่อาศัยอยู่ในเทศมณฑลสโนโฮมิช รัฐวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นที่ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเทิล–ทาโคมา ในวันที่ 15 มกราคม

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วย 66 คน[329] และมีผู้หายป่วยจำนวน 7 คน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐรายงานพบผู้ป่วยใน รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอาจเป็นกรณีแรกของการติดต่อกันภายในประเทศ[317] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ทางการรัฐวอชิงตันแถลงยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคโคโรนาไวรัสในสหรัฐ[330]

วันที่ 2 มีนาคม เทศมณฑลคิง รัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 14 คน และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 5 คน[331] ศูนย์อนามัยออรีกอนยังได้รายงานว่าพบผู้อาจติดเชื้อใหม่จำนวนสามรายในรัฐด้วย ซึ่งเป็นชายในเทศมณฑลอูมาทิลลา ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในวัลลาวัลลา รัฐวอชิงตัน[332]

ณ วันที่ 23 ธันวาคม มีผู้เสียชีวิต 330,824 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลก และมีจำนวนผู้​ติดเชื้อ​ ​18,684,628 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นเดียวกัน พื้นที่ที่ไม่พบผู้เสียชีวิตได้แก่ อเมริกันซามัว

สาธารณรัฐโดมินิกัน

วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสรายแรกในประเทศโดมินิกัน และภูมิภาคแคริบเบียน เป็นชายอายุ 62 ปีจากประเทศอิตาลี ซึ่งเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเกิดอาการป่วยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยผู้นี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทหารรามอนลารา[333]

ณ วันที่ 23 ธันวาคม มีผู้เสียชีวิต 2,398 ราย มีผู้ติดเชื้อ 161,930 ราย

ฮอนดูรัส

ณ วันที่ 23 ธันวาคม ประเทศฮอนดูรัส​ มีผู้เสียชีวิต​ 3,034 ราย มีผู้ติดเชื้อ 117,190 ราย

อาร์กติก

วันที่ 23 กรกฎาคม ศูนย์กลาง​การแพร่ระบาดในพื้นที่วงกลมอาร์กติก ได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ (Murmansk Oblast) ​มีผู้ติดเชื้อ8,975ราย หายแล้ว 4,835 และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 59 ราย เทศบาลทรุมเซอ และ ​เทศมณฑลฟินมาร์ก ประเทศนอร์เวย์​ พบผู้ติดเชื้อ 258 รายรัฐอะแลสกา เฉพาะพื้นที่ใน วงกลมอาร์กติก ได้แก่ เขตนอร์ทสโลป (North Slope Borough)​ ติดเชื้อ​ 3 ราย​ และ เขตนอร์ทเวสต์ อาร์กติก​ (Northwest Arctic Borough)​ ติดเชื้อ 4 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 9,240 ราย

ดินแดนในอาร์กติก​ที่อยู่ในวงกลมอาร์กติก มีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่โรงงานแก๊สธรรมชาติเหลว ในหมู่บ้านเบโลคาเมนกา (Belokamenka) ในเมือง มูร์มันสค์ ในประเทศรัสเซีย ราว 200 ราย[334][335]

ทวีปอเมริกาใต้

วันที่ 17 ธันวาคม ศูนย์​กลางการแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาใต้ อยู่ที่ ประเทศบราซิล ประเทศเปรู และ ประเทศชิลี​ ในวันที่ 17 ธันวาคม ทวีปอเมริกาใต้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า​ 9,000 ราย ทั้งหมด​ ​7 ประเทศ​ พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในทวีปคือ เกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช

พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด​ ณ​ วันที่ 23 ธันวาคม ​ได้แก่ที่ ประเทศบราซิล 188,285 ราย อันดับที่ 2 ของโลกรองลงมาได้แก่ ประเทศอาร์เจนตินา​ 42,254 ราย อันดับที่ 11 ของโลก​ ประเทศโคลอมเบีย​ 40,931 ราย​ อันดับที่ 12 ของโลก ประเทศเปรู 37,218 ราย อันดับที่ 13 ของโลก ประเทศชิลี​ 16,217 ราย อันดับที่​ 21 ของโลก

พบผู้ติดเชื้อ 29 ราย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์

ประเทศชิลี

วันที่ 23 ธันวาคม ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อ 589,189 ราย อันดับที่​ 24 ของโลก เสียชีวิต 16,217 ราย อันดับที่​ 21 ของโลกประเทศชิลีเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้แอนตาร์กติกา​มากที่สุดโดยพบที่ แคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา​ มีผู้เสียชีวิต 224 ราย[336]

ประเทศบราซิล

วันที่ 23 ธันวาคม จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 7,320,020 ราย เป็นอันดับที่​ 3 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 188,285 ราย​ เป็นอันดับที่​ 2 ของโลก

ประเทศเปรู

วันที่ 23 ธันวาคม ​จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 1,000,153 ราย เป็นอันดับที่​ 16 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 37,218​ ราย​ เป็นอันดับที่​ 13 ของโลก

ประเทศโคลอมเบีย

วันที่ 23 ธันวาคม จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 1,530,593 ราย เป็นอันดับที่​ 12 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 40,931​ ราย​ เป็นอันดับที่​ 12 ของโลก

ประเทศอาร์เจนตินา

วันที่ 23 ธันวาคม ​จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 1,555,279 ราย เป็นอันดับที่​ 11 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 42,254 ราย​ เป็นอันดับที่​ 11 ของโลก

ทวีปแอนตาร์กติกา

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ 36 รายในฐานวิจัยนายพลเบอร์นาร์โด โอ’ฮิกกินส์ เกลเม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ฐานวิจัยของชิลีที่ตั้งอยู่ในแอนตาร์กติกา

เอเชีย

ตั้งแต่ วันที่ 5 ตุลาคม ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปเอเซีย อยู่ที่ ​ประเทศอินเดีย ประเทศอิหร่าน

ใน วันที่ 25 ธันวาคม ไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อใน ประเทศเติร์กเมนิสถานเกาะคริสต์มาส หมู่เกาะโคโคส (คีลิง) ​และ ประเทศเกาหลีเหนือ

ณ​ วันที่​ 25 ธันวาคม​ ​จำนวนประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 1,200 ราย มีจำนวน 24 ประเทศ​

กัมพูชา

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศกัมพูชา
(ณ วันที่ 22 มีนาคม 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ กัมพูชายืนยันพบผู้ป่วยครั้งแรกในเมืองพระสีหนุ เป็นชายชาวจีนอายุ 60 ปี เดินทางไปยังเมืองนี้จากนครอู่ฮั่นพร้อมครอบครัว[337] โดยคนในครอบครัวของเขาถูกกักไว้ พวกเขาไม่มีการแสดงอาการของไวรัส ขณะที่ชายคนดังกล่าวถูกแยกไว้เพื่อรักษาที่โรงพยาบาลส่งต่อพระสีหนุ (Preah Sihanouk Referral Hospital)[338] มีรายงานว่าอาการของเขาคงที่แล้ว[339][340] ณ​ 23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 363 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต​

กาตาร์

กระทรวงสาธารณสุขแห่งกาตาร์ รายงานว่าพบผู้ป่วยไวรัสรายแรกในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยเป็นชาวกาตาร์ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน[341][342][343]ณ​ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 243 ราย และมีผู้ติดเชื้อ​ 142,308 ราย

เกาหลีใต้

เกาหลีใต้มีผู้ป่วยในวันที่ ณ​ วันที่ 23 ธันวาคม​ จำนวน​ 52,550 ราย และเสียชีวิต 739 ราย เป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน[344] ผู้ป่วยรายแรกของการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในประเทศเกาหลีใต้ ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563[345] วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 20 คน และวันที่ 20 เพิ่มขึ้นอีก 53 คน ทำให้มีผู้ป่วยรวมขณะนั้นที่ 104 คน ตามการรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งเกาหลีใต้ (KCDC) ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนมากมาจาก "ผู้ป่วยรายที่ 31" ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมที่โบสถ์ชินช็อนจีในแดกู[346]

คูเวต

ประเทศคูเวตในปัจจุบันเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลกอาหรับ และมีจำนวนผู้ป่วยเป็นรองเพียงประเทศอิหร่านในเอเชียตะวันตก โดยมีผู้ป่วยในประเทศถูกพบแล้ว ณ​ วันที่ 23 ธันวาคม​ ​จำนวน 148,507 คน[347]เสียชีวิต 923 ราย

จอร์เจีย

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์เจีย​ยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นชายอายุ 50 ปี ซึ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี ซึ่งผู้ป่วยรายนี้กลับเข้าสู่จอร์เจียทางพรมแดนประเทศอาร์เซอร์ไบจานโดยรถแท็กซี[348][349][350][351]

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันว่าผู้หญิงชาวจอร์เจียอายุ 31 ปีที่เพิ่งเดินทางไปประเทศอิตาลีมามีผลการทดสอบเป็นบวก และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี[351] นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกกักกันอยู่ณโรงพยาบาลทบิลิซีอีก 29 คน โดยที่ อามิรัน กัมเกรลิเซ รัฐมนตรีอนามัยระบุว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่ "มีความเป็นไปได้สูง" ที่อาจมีไวรัสอยู่[352] ​ณ​ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 2,182 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 212,526 ราย

จอร์แดน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์แดนริเริ่มการห้ามบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิหร่านเข้าสู่ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว[353] ประเทศจอร์แดนได้ทำการคัดกรองทุกคนที่เดินทางเข้าสู่ประเทศผ่านทางท่าอากาศยาน โดยมีการตรวจสอบทรวงอกและลำคอตลอดจนอุณหภูมิร่างกาย ส่วนชาวจอร์แดนที่มีผลทดสอบเป็นบวกจะถูกกักโรคไว้เป็นเวลา 2 สัปดาห์[354]

วันที่ 2 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจอร์แดนแถลงว่าพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในประเทศ[355][356] เป็นชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการกักโรคชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[355][357] ณ​ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 3,627 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 279,892 ราย

จีนแผ่นดินใหญ่

ณ วันที่ 23 ​ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 4,634 ราย จำนวน​ผู้ติดเชื้อ 86,882 ราย ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนดำเนินการปิดเมืองอู่ฮั่นเนื่องด้วยการระบาดทั่วของโควิด-19

ซาอุดีอาระเบีย

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศซาอุดีอาระเบียประกาศระงับการเข้าประเทศเป็นการชั่วคราวสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในเมกกะ หรือผู้ที่ต้องการเดินทางไปเข้าชมมัสยิดอันนะบะวี รวมถึงนักท่องเที่ยว ต่อมากฎนี้ได้ขยายไปครอบคลุมนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่[358]

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งซาอุดีอาระเบีย ประกาศระงับการเข้าสู่ประเทศของพลเมืองในประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าว (GCC) ยังเมกกะและมะดีนะหฺเป็นการชั่วคราว โดยพลเมืองของประเทศกลุ่ม GCC ที่พำนักอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียนานเกิน 14 วันติดต่อกัน และไม่ปรากฏอาการใด ๆ อันแสดงถึงโรคโควิด-19 นั้นจะอยู่นอกเหนือกฎดังกล่าว[358]

วันที่ 2 มีนาคม ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าพบผู้ป่วยเป็นรายแรก เป็นชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านผ่านทางประเทศบาห์เรน[359] ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 6,139 ราย และมี​ผู้​ติดเชื้อ​ 361,359 ราย

ญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นยืนยันผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวจีนอายุ 30 ปี ซึ่งเคยมีการเดินทางไปยังอู่ฮั่นมาก่อน มีอาการเมื่อวันที่ 3 มกราคม และกลับเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 6 มกราคมณ วันที่ ​23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต ​2,944 ราย​ และมีผู้​ติดเชื้อ​ 200,658 ราย

ที่ประเทศญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตอีก 14 ราย บนเรือสำราญ แต่มีผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเพียง 13 ราย เนื่องจากอีกหนึ่งราย เสียชีวิตในโรงพยาบาลที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่ได้นับรวมไว้กับตัวเลขที่รายงาน ในเว็บไซด์ worldometer

ไต้หวัน

ประเทศไต้หวันพบผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 21 มกราคม[360] วันที่ ​23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต​รวม 7 ราย และผู้ติดเชื้อ 770 ราย

ตุรกี

ประเทศตุรกีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไวรัสโคโรนารายแรก เป็นผู้หญิงชาวจีนอุย อายุ 32 ปีที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมีผลตรวลหา SARS-CoV-2 เป็นบวก ทำให้ชาวตุรกีถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในอิสตันบูลณ วันที่ ​23 ธันวาคม​ ประเทศตุรกีมีผู้เสียชีวิต 18,602 ราย และมีจำนวนผู้​ติดเชื้อ ​2,062,960 ราย

ไทย

วันที่ 13 มกราคม ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นการพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก[361][362][363] วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตเป็นรายแรก[364]ในวันที่ 6 เมษายน เที่ยวบินจากจาการ์ตาที่ทำการบินลงที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่จังหวัดจำนวน 18 ราย​

เกาะที่มีขนาดใหญ่ 5 อันดับแรกของประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ 3 เกาะณ​ 15​ พฤษภาคม​ เฉพาะที่ภูเก็ต ​มีผู้ติดเชื้อ 224 ราย เสียชีวิต 3 ราย​ซึ่งจำนวนผู้​เสียชีวิต​มากเป็นอันดับ 3 ของทั้งประเทศ​ รองจากกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ​

เกาะสมุย​ ติดเชื้อ 7 รายส่วนเกาะพะงัน ซึ่งมีขนาดใหญ่​เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย ติดเชื้อ 1 ราย ยอดรวมทั้งประเทศ​ ​ณ วันที่ ​23 ธันวาคม​ ​เสียชีวิต 60 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 5,716 ราย

ทาจิกิสถาน

ประเทศทาจิกิสถาน ในวันที 30 เมษายน พบติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา เป็นผู้ชายชาวทาจิกิสามคนกลับมาจากประเทศอินเดีย มีผู้ป่วย 15 ราย วันที่ 2 พฤษภาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก

ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม ทาจิกิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกันอัฟกานิสถาน ณ วันที่ ​23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 89 ราย​ ผู้ติดเชื้อ 13,034 ราย

เนปาล

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศเนปาล
(ณ วันที่ 26 มกราคม 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

นักศึกษาชาวเนปาลซึ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่นและถูกกักโรคอยู่ในกาฐมาณฑุ[365] กลายเป็นผู้ป่วยรายแรกของประเทศเนปาลและภูมิภาคเอเชียใต้ในวันที่ 24 มกราคม หลังจากตัวอย่างถูกส่งไปยังศูนย์ร่วมองค์การอนามัยโลกในฮ่องกง[366][367] และถูกเลิกกักตัวหลังจากที่อาการดีขึ้น[368] ณ วันที่ ​23 ธันวาคม​ รายงานผู้เสียชีวิต ​1,798 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 255,236 ราย

บาห์เรน

ณ วันที่ ​23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 90,634 ราย และเสียชีวิต 350 ราย

บังคลาเทศ​

ณ วันที่ ​23 ธันวาคม​ ประเทศบังคลาเทศ​มีผู้เสียชีวิต ​7,329 ราย เป็นและมีผู้ติดเชื้อ 503,501 ราย

เยเมน

ประเทศเยเมน ในวันที่ 10 เมษายน พบผู้ป่วย 1 ราย ในเมืองฮาดราเมาต์ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ ผู้เสียชีวิต 606 ราย ติดเชื้อ 2,087 ราย

รัฐชัมมูและกัศมีร์

​ณ วันที่ 17 ธันวาคม ​รัฐชัมมูและกัศมีร์ มีผู้ติดเชื้อ 117,317 ราย และเสียชีวิต 1,826 ราย

ปากีสถาน

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศปากีสถาน
(ณ วันที่ 9 เมษายน 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

รัฐบาลปากีสถานเริ่มใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานในอิสลามาบาด การาจี ลาฮอร์ และเปศวาร์ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ประเทศของไวรัสโคโรนา[369] นอกจากนี้ปากีสถานอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ยังประกาศใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารก่อนเดินทางขึ้นเครื่องในเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งด้วย[370] วันที่ 27 มกราคม สภานิติบัญญัติกิลกิต-บัลติสตันประกาศหน่วงเวลาการเปิดด่านแนวเขตแดนจีน–ปากีสถานที่ช่องผ่านแดนคุนเยรับในเดือนกุมภาพันธ์[371] และยังประกาศปิดพรมแดนปากีสถาน–อิหร่านด้วย[372]

วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมในการาจีและอิสลามาบาด ทำให้จำนวนผู้ป่วยของประเทศเพิ่มเป็นสี่ราย[373] ส่วนผู้ป่วยรายแรกและรายที่สองมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศอิหร่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื้อว่าเขาติดเชื้อ[374]

วันที่ 3 มีนาคม ทางการปากีสถานยืนยันพบผู้ป่วยรายที่ห้า ในแคว้นสินธ์ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการแสวงบุญที่ประเทศอิหร่านจำนวน 960 ราย ถูกกักโรคในทันที[375]ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 9,474 ราย มีผู้ติดเชื้อ 460,672 ราย

ฟิลิปปินส์

ผู้ป่วยรายแรกของประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยืนยันในวันที่ 30 มกราคม[376] วันที่ 5 กุมภาพันธ์ กรมอนามัย (DOH) ได้มีการยืนยันผู้ป่วยรายที่สาม[377]วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 9,021 ราย ผู้ติดเชื้อ 462,815 ราย

มาเก๊า

​ ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 46 ราย

มาเลเซีย

ชาวจีนแปดคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในรัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม หลังจากที่มีการติดต่อกับผู้ป่วยในประเทศสิงคโปร์[378] แม้จะมีรายงานในตอนแรกว่าผลการทบสอบให้ผลเป็นลบ[379] แต่ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันว่าทั้งสามคนติดเชื้อ และถูกส่งตัวไปกักไว้ที่โรงพยาบาลสุไหงบูโลห์ในรัฐเซอลาโงร์[380][381]

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยรายที่สิบห้าซึ่งเป็นชาวจีนได้หายป่วยอย่างสมบูรณ์ นับเป็นผู้ป่วยที่หายป่วยเป็นรายที่แปดของประเทศมาเลเซีย[382] ต่อมาก็มีรายงานว่าชาวมาเลเซียอีกคนที่ติดเชื้อก็หายดีเป็นรายที่ 9[383] วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 97,389 ราย และมีผู้เสียชีวิต 439 ราย

เลบานอน

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศเลบานอนยีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรก เป็นหญิงอายุ 45 ปีที่เดินทางมาจากกอม ประเทศอิหร่าน ซึ่งมีผลตรวจหา SARS-CoV-2 เป็นบวก โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในเบรุต[384]​ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 160,979 ราย และเสียชีวิต ​1,311 ราย

เวียดนาม

ผู้ป่วยยืนยันสองรายแรกเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 22 มกราคม และรับการรักษาที่โรงพยาบาลโช่เซย ในนครโฮจิมินห์ กรณีแรกเป็นชาวจีนที่เดินทางจากนครอู่ฮั่นไปฮานอย เพื่อเยื่ยมลูกชายที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม และรายที่สองคือลูกชายของเชื่อว่าติดโรคจากผู้เป็นพ่อ[385] หลังจากที่ยืนยันแล้ว รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งให้เปิดใช้งานศูนย์ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดฉุกเฉิน[386]

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ บิดาของผู้ป่วยดังกล่าวมีผลการทดสอบเป็นบวก และกลายเป็นผู้ป่วยรายที่สิบหก[387] วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พวกเขาทั้งหมดได้หายป่วย[388] ณ ​วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 1,420 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ศรีลังกา

​ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต 183 ราย มีผู้ติดเชื้อ 38,059 ราย

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ผู้ป่วยรายแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการยืนยันในวันที่ 29 มกราคม พรัอมกับครบครัว ของ ชาวอู่ฮั่น[389][390]​ เป็นผู้หญิงชราชาวจีน อายุ 72 ปี และ ลูกชาย อายุ 34 ปี ที่กรณีแรกเป็นชาวจีนเดินทางมาจากนครอู่ฮั่นไปนครดูไบ ซึ่งมีผลตวรจหา SASR-Cov-2 ถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวไปเข้าโรงพยาบาลในดูไบ

ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ หลังจากชาวเอมิเรตส์ได้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อลูกสาวที่อาศัยอยู่ที่ดูไบ และรายที่สามคือลูกสาวของเชื้อว่าติดโรคกับแม่

วันที่ 2 มืนาคม กรุงอาบูดาบียีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นผู้ชายชาวรัสเซีย อายุ 38 ปี และผู้หญิงชาวรัสเซีย อายุ 36 ปี กรณีแรกเป็นชาวรัสเซียเดินทางจากกรุงมอสโกไปอาบูดาบี ชาวรัสเซียสองคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในอาบูดาบี ต่อมา วันที่ 25 มืนาคม รัฐบาลเอมิเรตส์ได้โอกาศปัญหากับ อาบูดาบีและดูไบ จากปิดชั่วคราว เช่า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หัง โรงภาพยนตร์ และทั้งหมด ยกเว็น โรงพยาบาล และร้านขายยา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศปิดพรมแดนที่ตัดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 195,878 ราย เสียชีวิต 642 ราย

สิงคโปร์

ผู้ป่วยรายแรกในประเทศสิงคโปร์ได้รับการยืนยันในวันที่ 23 มกราคม[391] ต่อมามีการรายงานพบผู้ป่วยในท้องถิ่นเป็นรายแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ร้านย่งไทฮั่ง (Yong Thai Hang) เป็นร้านค้าที่ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับการระบุเป็นสถานที่ที่เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากมีผู้หญิงจำนวนสี่คนที่ไม่เคยเดินทางไปยังประเทศจีนเกิดติดเชื้อไวรัสขึ้น[392]

วันที่ 4 มีนาคม มีผู้ป่วยในประเทศรวม 112 คน[393]ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้ติดเชื้อ 58,461 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 29 ราย

อัฟกานิสถาน

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 มีพลเมืองในเฮรัตอย่างน้อยสามคน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากกอม ถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ตัวอย่างเลือดถูกส่งไปยังคาบูลเพื่อทดสอบเพิ่มเติม[394] ภายหลังอัฟกานิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับอิหร่าน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนจากเฮรัตดังกล่าว โดยเป็นชายอายุ 35 ปีซึ่งมีผลการทดสอบ SARS-CoV-2 เป็นบวก[395] ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิต​ ​2,105 ราย ผู้ติดเชื้อ 51,089 ราย

อาเซอร์ไบจาน

ประเทศอาเซอร์ไบจานมีการยืนยันผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากรัสเซีย ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน[396] และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาอาเซอร์ไบจานได้ประกาศปิดชายแดนที่ติดกับประเทศอิหร่าน[397] ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ ​​มีผู้เสียชีวิต ​2,294 ราย ผู้ติดเชื้อ 205,877 ราย

คาซัคสถาน

ประเทศคาซัคสถานยีนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายในวันที่ 13 มีนาคม จากจีน ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศตุรกี และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาคาซัคสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศรัสเซีย​ ​ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้​ติดเชื้อ​ 147,975 ราย ​และผู้​เสียชีวิต ​2,147 ราย

อาร์มีเนีย

ประเทศอาร์มีเนียยืนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในช่วงปลายของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 1 มีนาคม เป็นชาวอาร์มีเนียอายุ 29 ปีที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านและมีรายงานยืนยันผลทดสอบเป็นบวก ภริยาของบุคคลนี้ได้ถูกนำไปทดสอบเช่นกัน โดยผลออกมาเป็นลบ นายกรัฐมนตรีนิกอล ปาชินยันแถลงว่าผู้ป่วยนั้น "มีอาการดีขึ้นแล้ว" นอกจากนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยประมาณ 30 คนถูกนำไปทดสอบและจะถูกกักโรค ซึ่งก่อนหน้านี้อาร์มีเนียได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศอิหร่านไปแล้ว[398]​ ณ วันที่ 23 ​ธันวาคม​ ​มีผู้เสียชีวิต 2,673 ราย และมี​ผู้ติดเชื้อ 154,602 ราย

อินเดีย

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศอินเดีย
(ณ วันที่ 9 เมษายน 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

รัฐบาลอินเดียออกคำแนะนำการเดินทางแก่ประชาชน โดยเฉพาะกับนครอู่ฮั่น ซึ่งมีนักศึกษาแพทย์ชาวอินเดียกำลังศึกษาอยู่ประมาณ 500 คน[399]

ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีนเข้าสู่ท่าอากาศยานหลักเจ็ดแห่งของประเทศอินเดีย ต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อน[400][401]

วันที่ 24 มกราคม มีรายงานผู้ต้องสงสัยจำนวนสองราย ซึ่งกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในมุมไบ[402] ​​ณ วันที่ 23 ​ธันวาคม​ จำนวนผู้เสียชีวิตในอินเดียมากถึง 146,476 ราย ผู้ติดเชื้อ 10,099,308 ราย

อินโดนีเซีย

ประเทศอินโดนีเซียได้ทำการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิที่เกตและท่าเรือโดยกระทรวงอนามัย และยังมีการจัดเตรียมห้องกักโรคที่โรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง

อินโดนีเซียประกาศห้ามทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้า รวมถึงออกจากประเทศ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป และยังยกเลิกการให้ฟรีวีซ่าและวีซ่าเมื่อมาถึงกับบุคคลสัญชาติจีนด้วย และยังห้ามผู้ที่อยู่หรือพำนักในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันเข้าหรือผ่านประเทศอินโดนีเซีย[403]

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ชาวอินโดนีเซียจำนวน 9 คนที่เดินทางไปบนเรือไดมอนด์พรินเซสมีผลการทดสอบการติดเชื้อเป็นบวก ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมส่งลูกเรือที่เหลือ 68 คนจาก 188 คนจากเรือเวิลด์ดรีม ไปยังเกาะเซอบารูเคกิล ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ในบรรดาหมู่เกาะนับพัน[404][405][406]

วันที 2 มีนาคม ทางการอินโดนีเซียได้ยืนยันติดเชื้อว่าพบผู้ป่วย ชาวอินโดนีเซียที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน

ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ ​อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิต 20,257 ราย ผู้ติดเชื้อ 678,125 ราย

อิรัก

​​ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ ​ประเทศอิรัก มี ผู้ติดเชื้อ รวม 586,503 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 12,725 ราย[407]

อิหร่าน

ประเทศอิหร่านเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโลกในทวีปเอเซีย

โดยเจอผู้ติดเชื้อรายแรกที่เมืองกอม (Qom City) ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ ​พบผู้ติดเชื้อ 1,170,743 ราย[408] ประเทศอิหร่าน มีผู้เสียชีวิต 54,003 ราย

โอมาน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยโคโรนาไวรัสสองรายแรก เป็นหญิงชาวโอมานสองคนที่กลับมาจากประเทศอิหร่าน[409][410]​ ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ มีผู้เสียชีวิตรวม 1,490 ราย ผู้ติดเชื้อ 128,143 ราย

อิสราเอล

​ณ วันที่ 23 ​ธันวาคม​ ป​ระเทศอิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 3,136 ราย ติดเชื้อ 382,487 ราย

ฮ่องกง

วันที่ 26 พฤษภาคม​ ศูนย์ปกป้องอนามัยฮ่องกงพบผู้ป่วยรวม 1,206 คน ในฮ่องกง และผู้เสียชีวิต 7 คน[411][412][413]​ณ วันที่ 23 ธันวาคม​ ฮ่องกง มีผู้เสียชีวิต 132 ราย ติดเชื้อ 8,321 ราย

โอเชียเนีย

ณ วันที่ 23 ธันวาคม ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโอเซียเนียได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์​ และ​ เฟรนช์พอลินีเชีย

ณ ​วันที่ 23 ธันวาคม จำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 700 ราย พบใน 4 ประเทศ คือ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชีย

ณ วันที่ 23 ธันวาคม โอเชียเนียมีผู้เสียชีวิตรวม​ 1,050 ราย ติดเชื้อรวม 47,648 ราย

ประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ราย มี 5 ประเทศได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศฟิจิ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชีย

ประเทศออสเตรเลีย

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศออสเตรเลีย
(ณ วันที่ 9 เมษายน​ 2563):
  มีรายงานยืนยันผู้ป่วย

วันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุราว 50 ปี ซึ่งเดินทางจากเมืองกว่างโจวมายังเมลเบิร์นในวันที่ 19 มกราคม ผ่านสายการบินไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ321 เขาเข้ารับการรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์โมนาชในเมลเบิร์น[414][415] จากนั้นมีการประกาศว่ามีผู้ป่วยอีกสามรายที่มีผลการทดสอบเป็นบวกในรัฐนิวเซาท์เวลส์[416][417] ต่อมามีการเฝ้าสังเกตอาการอีกหกราย และมีการยืนยันว่าจะเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลหลังจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่น จากในหกราย มีผู้ต้องสงสัยถึงสองรายที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัส ส่วนที่เหลืออีกสี่รายอาจถูกสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส[418]

หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ออสเตรเลีย ระบุว่าเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางชีวภาพ จะเริ่มคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงในสามสัปดาห์โดยเที่ยวบินจากอู่ฮั่นถึงซิดนีย์ ในวันที่ 23 มกราคม ผู้โดยสารจะได้รับแผ่นพับข้อมูล และข้อให้แสดงตัวหากมีไข้หรือต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อโรค[419]รัฐแทสเมเนีย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย

ณ วันที่ 23 ธันวาคม ​มีผู้เสียชีวิต​ 908 ราย ผู้ติดเชื้อ 28,237 ราย

ประเทศนิวซีแลนด์

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยรายแรกกลับมาจากประเทศอิหร่าน[420]วันที่ 25 มีนาคม ประเทศนิวซีแลนด์ พบผู้ติดเชื้อ 205 ราย รักษาหายแล้ว 22 ราย ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน[421] 29 มีนาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก[422]ณ วันที่ 23 ธันวาคม ​ประเทศนิวซีแลนด์​มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ​ผู้ติดเชื้อ 2,128 ราย

หมู่เกาะแชทัม​ และ เกาะสจวร์ต​ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ประเทศฟิจิ

ประเทศฟิจิ​ ณ วันที่ 23 ธันวาคม พบผู้ติดเชื้อ 46 ราย เสียชีวิต 2 ราย

ประเทศปาปัวนิวกินี

ประเทศปาปัวนิวกินี ณ วันที่ ​23 ธันวาคม พบผู้ติดเชื้อ 761 ราย เสียชีวิต 9 ราย

เฟรนช์พอลินีเชีย

เฟรนช์พอลินีเชีย ณ วันที่ 23 ธันวาคม พบผู้ติดเชื้อ 16,410 ราย เสียชีวิต 106 ราย

แอฟริกา

ในวันที่ 13 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีประเทศเอสวาตีนี ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อโควิด 19

ณ วันที่ 18 ธันวาคม จำนวนผู้ติดเชื้อพบทั้งทวีปแอฟริกา จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,200 ราย มีจำนวน 10 ประเทศ

ศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศอียิปต์ และ ประเทศแอลจีเรีย​ ประเทศที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่ ประเทศเอริเทรีย และ ประเทศเซเชลส์

ประเทศอียิปต์​

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศอียิปต์
(ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563):
  มีรายงานยืนยันผู้ป่วย
  มีการรายงานผู้ต้องสงสัย

ประเทศอียิปต์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 อียิปต์ได้ยืนยันติดเชื้อผู้ป่วย มีผู้ชายชาวจีนอายุ 30 ปี ใด้เดินทางมาจาก ประเทศจีน ต้องหา ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นบวก ทำไห้ชาวอียิปต์ถูกติดเชิ้อโควิด-19 ต้องสั่งไปเข้าโรงพยาบาลในไคโร

วันที่ 25 มีนาคม 2563 สายการบินอียิปต์แอร์ ถูกยกเลิกเที่ยวบินแล้ว ต่อมา วันที่ 12 เมษายน 2563 สนามบินแห่งไคโรได้ปิดทำการ อียิปต์ได้ประกาศปิดแดนทะเลซาอุดีอาระเบีย ณ วันที่ 23 ธันวาคม ประเทศอียิปต์ มี​ผู้เสียชีวิต 7,167 ราย ผู้ติดเชื้อ 127,061 ราย

ประเทศแอลจีเรีย

ณ​ วันที่ 23 ธันวาคม ​มีผู้เสียชีวิต 2,687 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อ​ 96,069 ราย

ประเทศโมร็อกโก

ณ​ วันที่ 23 ธันวาคม มีผู้เสียชีวิต 7,030 ราย ผู้ติดเชื้อ 420,648 ราย

ประเทศแอฟริกาใต้

ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นประเทศพบผู้ป่วยรายแรก 25 กุมภาพันธ์

ณ​ วันที่ 23 ธันวาคม ​มีผู้เสียชีวิต 25,246 ผู้ติดเชื้อ 940,212 ราย

ประเทศไนจีเรีย

ณ​ วันที่ ​23 ธันวาคม ผู้เสียชีวิต 1,231 ผู้ติดเชื้อ 79,789 ราย

ประเทศเอธิโอเปีย

ณ​ 23 ธันวาคม ​ประเทศเอธิโอเปีย ผู้เสียชีวิต 1,864 ผู้ติดเชื้อ 120,638 ราย

ใกล้เคียง

การระบาดทั่วของโควิด-19 การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศทาจิกิสถาน การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศซาอุดีอาระเบีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศแทนซาเนีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในทวีปยุโรป การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบังกลาเทศ

แหล่งที่มา

WikiPedia: การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา_พ.ศ._2562–2563_เรียงตามประเทศและดินแดน http://mcp.gov.ba/?lang=en http://covid19tracker.gov.bd/ http://www.moh.gov.bn/SitePages/pressreleaseCOVID-... http://www.zviazda.by/be/news/20200922/1600771232-... http://www.sante.gouv.cg/ http://covid19.minsante.cm/ http://www.nhc.gov.cn/yjb/s7860/202009/2de52736b3c... http://gismoldova.maps.arcgis.com/apps/opsdashboar... http://covid19zw.com/ http://www.seychellesnewsagency.com/articles/13326...