เหตุสังหารหมู่ที่จลิยานวาลาบาค (
อังกฤษ: Jallianwala Bagh massacre; บ้างสะกด จัลเลียนวาลาบาค) หรือ
การสังหารหมู่ที่อมฤตสระ (
อังกฤษ: Amritsar massacre) เกิดขึ้นเมื่อ 13 เมษายน 1919 เมื่อนายพลจัตวาและจอมพล
เรจินอลด์ ไดเออร์สั่งการให้กองกำลังของ
กองทัพบริติชอินเดียยิงปืนไรเฟิลเข้าใส่พลเมือง
ชาวอินเดียผู้ปราศจากอาวุธ
[3] ในสวนสาธารณะ
จลิยานวาลาบาคในเมือง
อมฤตสระ จังหวัดปัญจาบ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 379 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 1,200 คนในวนอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 1919 จอมพลไดเออร์ได้ออกประกาศห้ามการรวมกลุ่มหรือชุมนุมของประชาชน แต่การประกาศนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่ไปอย่างทั่วถึง จึงมีชาวบ้านจำนวนมากมารวมตัวกันที่
บาคเพื่อเฉลิมฉลอง
ไพสาขี เทศกาลสำคัญของ
ศาสนาฮินดูและ
สิกข์ รวมถึงประท้วงการจับกุมและขับไล่ผู้นำการเรียกร้องเอกราช
สัตยปาล กับ
ไซฟุดดิน กิตจลีว ออกนอกประเทศ ไดเออร์แบะกองทหารของเขาเข้าสู่สวนสาธารณะ ปิดกั้นทางเข้าออก ประจำการและกราดยิงฝูงชนในสวนเป็นเวลาสิบนาทีติดต่อกันโดยไม่มีการประกาศแจ้งให้ทราบก่อนล่วงหน้า ส่วนมากเล็งไปยังทางเข้าออกบางส่วนที่ยังไม่ถูกปิดเพื่อกราดยิงผู้ที่พยายามหลบหนี สุดท้ายได้หยุดยิงหลังจำนวนกระสุนร่อยหรอ ในวันถัดมา ไดเออร์ได้ระบุว่า "ข้าพเจ้าได้ยินมาว่ามีคนถูกฆาตายไปประมาณ 200 ถึง 300 คน คณะของข้ายิงปืนไปทั้งหมดราว 1,650 ครั้ง"
[4][5]รายงานผู้เสียชีวิตที่รัฐบาลตีพิมพ์โดยอ้างจำนวนจากเซวาสมาติ (Sewa Samati) สมาคมบริการสังคม (
เซวา) หนึ่ง อยู่ที่ 379 ราย ที่ได้รับการยืนยัน
[1], ผู้บาดเจ็บประมาณ 1,200 คน, of จำนวนนี้ 192 คนบาดเจ็บสาหัส
[6][7] ยอดผู้เสียชีวิตที่ประมาณการณ์โดย
ไอเอ็นซีอยู่ที่ประมาณ 1,000 ราย และบาดเจ้บมากกว่า 1,500 คนเหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งประเทศ
[8] และส่งผลรุนแรงต่อความไว้ใจและเชื่อถือของชาวอินเดียในรัฐบาลอังกฤษที่ปกครองอินเดียขณะนั้น
[9] และยิ่งผลักดันไปสู่การ
ดื้อแพ่งในปี 1920–22
[10] นักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุผลักดันสำคัญไปสู่จุดจบของการปกครองอินเดียโดยอังกฤษ
[11]จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลอังกฤษไม่เคยขอโทษอย่างเป็นทางการถึงเหตุการณ์นี้ มีแต่เพียงแถลงการณ์ "สำนึกผิด" (regret) ในปี 2019
[12]