แนวความคิดจากนวนิยาย ของ การเดินทางข้ามเวลา

กฎของการเดินทางข้ามเวลา

รูปแบบการเดินทางข้ามเวลาในนิยายวิทยาศาสตร์และสื่อต่าง ๆ โดยทั่วไปจะสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน (ขึ้นอยู่กับผลกระทบต่อวิธีการที่มีความแตกต่างกันอย่างยิ่งยวดและหลากหลาย) ซึ่งแต่ละประเภทสามารถแบ่งซอยย่อยต่อไปได้อีก [38][39][40][41] อย่างไรก็ตาม, ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการสำหรับรูปแบบของการเดินทางข้ามเวลาในทั้งสองประเภทนี้, ดังนั้นจากแนวความคิดแทนที่จะถูกเรียกชื่ออย่างที่เป็นทางการก็จะเป็นการนำมาใช้กับข้อสังเกตเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในแต่ละประเภทที่นักเดินทางข้ามเวลาจะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์นั้น (หมายเหตุ: การจำแนกประเภทเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่วิธีการของการเดินทางข้ามเวลาของตัวเอง, คือวิธีการที่จะเดินทางผ่านเวลา แต่จะเรียกชื่อตามความสนใจในกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประวัติศาสตร์มากกว่า) ตามที่ใช้ในส่วนนี้ เส้นเวลาหมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกายภาพทั้งหมดในประวัติศาสตร์, เพื่อที่ว่าในเรื่องของการเดินทางข้ามเวลานั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะสามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้, นักท่องกาลเวลาสามารถที่จะสร้างเส้นเวลาใหม่หรือปรับเปลี่ยนเส้นเวลาได้ตามใจชอบ


1. มีประวัติศาสตร์ที่คงที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเอกเทศ ซึ่งมีความสอดคล้องสม่ำเสมอและไม่เปลี่ยนแปลงโดยตัวมันเอง ( There is a single fixed history, which is self-consistent and unchangeable.) คือ ในแนวคิดนี้เวอร์ชันนี้เหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นในแนวทางของเส้นเวลาอันเป็นเอกเทศหนึ่งเดียวซึ่งไม่ขัดแย้งกับตัวเองและไม่สามารถติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับเหตุการณ์สิ่งต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นที่มีอยู่ภายนอกขอบเขตของเส้นเวลาของมันเองได้ผู้ชายคนหนึ่งที่ได้เดินทางมาในไม่กี่วินาทีจากห้วงเวลาในอดีตที่ผ่านมาในแนวทางเส้นเวลาอันเป็นเอกเทศหนึ่งเดียว ที่มีความสอดคล้องกันโดยตัวของมันเอง สถานการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นเกี่ยวกับเจตจำนงเสรี, เนื่องจากเมื่อนักท่องกาลเวลาได้มีการตัดสินใจที่จะเข้าไปสู่เครื่องจักรกลข้ามเวลาอย่างโดยเร็วที่สุดก่อนที่ตัวเองที่เป็นตัวตนที่สองของตัวเองจะมาปรากฏตัวขึ้นนั้น, จะไม่มีวิธีการที่จะทำให้เขาเกิดเปลี่ยนใจของเขาที่จะไม่เข้าสู่เครื่องจักรกลข้ามเวลานั้นได้เลยหรือ1.1 แนวคิดนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการประยุกต์ใช้หลักความสอดคล้องในตัวเองของนาวิคอฟ (Novikov self-consistency principle), ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของ ดร. อิกอร์ ดมิทรีอาวิช นาวิคัฟ (Dr. Igor Dmitrievich Novikov) ศาสตราจารย์ฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ซึ่งมีสถานะของหลักการที่ว่าเส้นเวลาจะคงที่โดยตลอดทั้งหมดและการกระทำใด ๆ ก็ตามโดยนักเดินทางข้ามเวลาจะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์โดยตลอดทั้งหมด, ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับนักเดินทางข้ามเวลาในการที่จะ "เปลี่ยน" ประวัติศาสตร์ในทางใดทางหนึ่ง การกระทำของนักเดินทางข้ามเวลานั้นอาจจะเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอดีตของตัวเอง, ซึ่งจะนำไปสู่​​ศักยภาพสำหรับวงจรแห่งเหตุ [42] (circular causation) และปฏิทรรศน์พรหมลิขิต (predestination paradox); สำหรับตัวอย่างของวงจรแห่งเหตุ, โปรดดู : ผลงานเขียนของ โรเบิร์ต เอ. ไฮน์ไลน์ เรื่อง "วัฏจักรเวลา" (By His Bootstraps) ในเนื้อเรื่องนั้น ปรากฏการณ์เหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า "ลูปเวลาที่มีเสถียรภาพ" (stable time loops)[ต้องการอ้างอิง] หลักแห่งความสอดคล้องในตัวมันเองของนาวิคัฟ เสนอแนะว่ากฎเกณฑ์พื้นฐานของฟิสิกส์ในอาณาบริเวณของกาลอวกาศที่มีนักเดินทางข้ามเวลาอยู่นั้นจะต้องไม่แตกต่างไปจากกฎเกณฑ์พื้นฐานของฟิสิกส์ในอาณาบริเวณอื่น ๆ ของกาลอวกาศ [43]1.2 การมีทางเลือก, กฎเกณฑ์ใหม่ทางฟิสิกส์จะมีผลบังคับใช้เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาที่จะขัดขวางความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงอดีต (ขัดแย้งกับสมมติฐานที่กล่าวถึงในข้างต้นในข้อที่ 1.1 ซึ่งกฎที่ใช้กับนักท่องเวลานี้เป็นกฏเดียวกันกับที่นำไปใช้กับคนอื่น ๆ ทุก ๆ คน) กฎเกณฑ์ใหม่ทางฟิสิกส์เหล่านี้สามารถที่จะเข้าใจได้ไม่ยากในการที่จะปฏิเสธนักเดินทางข้ามเวลาสำหรับการที่จะเดินทางย้อนเวลากลับไปยังอดีตที่ผ่านมาเพื่อทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โดยการพยายามที่จะดึงพวกเขาย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่พวกเขาได้ออกเดินทางจากมา เหมือนเช่นที่พวกเขาได้มาเป็นเหมือนกับ ไมเคิล มัวร์คอค (Michael Moorcock) ในเรื่อง "ย้อนเวลาหาแดนเซอร์" (The Dancers at the End of Time) หรือเมื่อนักเดินทางข้ามเวลาที่มีการแสดงตัวตนเป็นผีที่ไม่มีตัวตนที่ไม่สามารถที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพกับห้วงเวลาในอดีตที่ผ่านมาได้ อย่างเช่น ในบางตอนของเรื่องราวที่ซุปเปอร์แมนก่อนที่จะเผชิญกับภาวะวิกฤต (Pre-Crisis Superman) และ ไมเคิล การ์เร็ตส์ (Michael Garrett) ในเรื่อง "พบบทสรุป" (Brief Encounter) ในนิตยสารแดนสนธยา (Twilight Zone Magazine) ฉบับเดือนพฤษภาคม ปี 19812. ประวัติศาสตร์ที่มีความยืดหยุ่นและอาจมีการเปลี่ยนแปลง (เวลาพลาสติก (Plastic Time)) (History is flexible and is subject to change (Plastic Time))2.1 การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์เป็นเรื่องง่ายและสามารถส่งผลกระทบต่อนักเดินทางข้ามเวลา, ต่อโลก หรือ ทั้งสองอย่างตัวอย่าง ได้แก่เรื่อง ดอกเตอร์ฮู (Doctor Who) และเรื่อง เจาะเวลาหาอดีตชุดไตรภาค ในบางกรณี, ปฏิทรรศน์หรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใด ๆ สามารถก่อให้เกิดความเสียหายทำลายล้าง, และคุกคามการดำรงอยู่อย่างมากมายของจักรวาล ในกรณีอื่น ๆ นักเดินทางท่องเวลาก็ไม่สามารถที่จะกลับบ้านได้ ในแนวคิดของเวอร์ชันแบบสุดขั้วนี้ (เวลาที่ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ) ก็คือว่า ประวัติศาสตร์มีความอ่อนไหวมากต่อการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีแม้กระทั่งกับการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นั้น ๆ ที่จะมีผลกระทบอย่างมากมายใหญ่หลวงตามมา เช่น ในนิยายของ เรย์ แบรดเบรี่ (Ray Bradbury) เรื่อง "2054 เจาะไดโนเสาร์โลกล้านปี" (A Sound of Thunder)

ในเรื่อง ดอกเตอร์ฮู ตัวละครเอกของเรื่องคือ ดอกเตอร์ (Doctor) ได้อ้างว่าเวลานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วขณะใด ๆ ในเรื่อง ดอกเตอร์สี่ชาติ (Fourth Doctor) ในซีรีส์ชุด พีระมิดแห่งดาวอังคาร (Pyramids of Mars) เพื่อนร่วมเดินทางสาวของดอกเตอร์ที่ชื่อว่า ซาร่าห์ เจนสมิธ ได้กล่าวว่าพวกเรานั้นสามารถออกเดินทางข้ามเวลาจากในปี ค.ศ. 1911, แม้ว่าจะมีมนุษย์ต่างดาวอย่างเทพเซต (Sutekh) พยายามที่จะแยกตัวเองเป็นอิสระในขณะที่เธอได้เดินทางข้ามเวลามาจากเมื่อปี 1980 และรู้ว่าโลกไม่ได้ถูกทำลายในปี 1911 ซึ่งเทพเซตนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เป็นจอมทำลายล้างที่ได้ถูกกักขังไว้ที่โลกในปี 1911 และหลบหนีออกมาได้ โดยการเดินทางข้ามเวลา และกำลังจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงเวลาปัจจุบัน คือ ในปี 1980 ดังนั้นเพื่อยุติการทำลายล้างของเทพเซต ทั้งดอกเตอร์ และซาร่าห์ ตกลงใจที่จะเดินทางย้อนเวลากลับไปในปี 1911 เพื่อหาทางขัดขวางไม่ให้เทพเซตหลบหนีมาสู่ช่วงเวลายุคอนาคตได้ เพราะซาร่าห์รู้ดีว่าโลกไม่ได้ถูกทำลายในปี 1911 พวกเขาสามารถย้อนกลับไปปี 1911 อย่างปลอดภัย และในที่สุดหลังจากผ่านการต่อสู้วุ่นวาย ในปี 1911 ที่โลก ดอกเตอร์ก็สามารถปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางของเทพเซต ที่หลบหนีผ่านกาลเวลาให้ไปโผล่ในอีกหมื่นปีข้างหน้าในอนาคต ซึ่งพวกเขารู้ดีว่าเทพเซต จะหมดอายุแก่ตายเสียก่อนไปถึงปลายทาง

2.2 ประวัติศาสตร์คือการเปลี่ยนแปลงความต้านทานในความสัมพันธ์โดยตรงกับความสำคัญของเหตุการณ์ คือ เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีขนาดเล็ก หรือไม่ค่อยมีความสำคัญจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย แต่เหตุการณ์ที่มีขนาดใหญ่หรือมีความสำคัญกลับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงในเรื่อง แดนสนธยา (Twilight Zone) ตอน "กลับไปที่นั่น" (Back There) นักเดินทางข้ามเวลาพยายามที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการลอบสังหารประธานาธิบดีลินคอล์นและได้ประสบกับความล้มเหลว แต่การกระทำของเขาได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดลึกซึ้งกับสภาพที่เป็นอยู่ในห้วงเวลาของเขา (ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าคนใช้ หรือ พ่อบ้าน (butler) ของสโมสรสำหรับบรรดาท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย (gentleman's club) แห่งหนึ่ง จนต่อมาก็ได้กลายมาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมั่งคั่ง)ใน ภาพยนตร์ดัดแปลงปี 2002 เดอะ ไทม์แมชชีน (the 2002 film adaptation of The Time Machine) หรือ ในชื่อที่ฉายเป็นภาพยนตร์ภาคภาษาไทยคือ ''เดอะ ไทม์ แมชชีน กระสวยแซงเวลา (2002)'' [44], ก็จะอธิบายผ่านวิสัยทัศน์ที่ว่าทำไม นักวิทยาศาสตร์จอมประดิษฐ์อย่าง ฮาร์ทเดอเจน [45] (Hartdegen) ไม่สามารถช่วยชีวิตหวานใจของเขาคือเอ็มม่าไว้ได้ เพราะว่าการทำเช่นนั้นจะมีผลในการที่จะไม่อาจพัฒนาเครื่องไทม์แมชชีนของเขาที่เขาใช้มันในการพยายามช่วยชีวิตเธอต่อไปได้ในเรื่อง ตำนานชีวิตดาร์เรน แชน (The Saga of Darren Shan), เหตุการณ์สำคัญในอดีตที่ผ่านมาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่รายละเอียดของพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในขณะที่ให้ผลแบบเดียวกัน โดยใช้แบบจำลองนี้, ถ้านักเดินทางข้ามเวลาได้ย้อนเวลากลับไปและฆ่าอดอล์ฟ ฮิตเลอร์, นาซีคนอื่น ๆ ก็จะเพียงแค่ใช้สถานที่ของเขาและกระทำการกระทำอย่างเดียวกันเหมือนกับฮิตเลอร์ในเรื่อง ดอกเตอร์ฮู ตอน "น้ำจากดาวอังคาร" (The Waters of Mars) การตายของกัปตัน แอดิเลด บรูค (Adelaide Brooke) บนดาวอังคารจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาแบบเดี่ยวมากที่สุด (the most singular catalyst of human) ของการเดินทางของมนุษย์นอกระบบสุริยะ ในตอนแรกนั้น, ดอกเตอร์คนที่สิบ (Tenth Doctor) ได้ตระหนักถึงการตายของเธอว่าเป็น "จุดคงที่ในเวลา" และไม่เข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ต่อมาได้ขัดขืนกฎข้อนี้,ด้วยการตระหนักรู้ดีว่าเขาเท่านั้นที่เป็นเจ้าแห่งกาลเวลาคนสุดท้ายและดังนั้นจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบในกฎเกณฑ์แห่งเวลา,และได้ทำการส่งเธอและทีมงานของเธอไปยังโลกในที่สุด แทนที่จะยอมให้ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงไป, กัปตันบรูคได้เลือกที่จะทำการฆ่าตัวตายบนโลก, ทำให้ประวัติศาสตร์ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง ในทำนองเดียวกันกับอย่างในเรื่อง "วินเซนต์และดอกเตอร์" (Vincent and the Doctor) ดอกเตอร์คนที่สิบเอ็ด (Eleventh Doctor) และเอมี่ พอนด์ (Amy Pond) ได้ทำการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของศิลปินอย่างวินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent Van Gogh) เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาเป็นที่นิยมของประชาชนอย่างไรต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เหลือของเขานี้เขาก็ยังคงจะต้องฆ่าตัวตายเองอยู่ดี2.3 มีเส้นเวลาที่คงที่ซึ่งมีประวัติศาสตร์ชอบที่จะดำเนินไปในเส้นทางนั้น ๆ, อย่างไรก็ตามก็มีขนาดใหญ่พอที่จะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่สามารถจะปรับเปลี่ยนประวัติศาสตร์ให้มีความแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง กล่าวอีกนัยหนึ่ง เหตุการณ์เล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีความสำคัญมากเกินไปจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนในผลสุดท้ายของประวัติศาสตร์บั้นปลาย (There is a fixed timeline that history likes to travel, however large enough changes to events can alter history altogether. In other words, small events which are not too significant will not have a noticeable change in history's final outcome)ในเรื่อง ไทม์ไรเดอร์ (TimeRiders) ตัวละครหลักได้ย้อนเวลากลับไปเพื่อที่จะหยุดยั้งการลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดีในปี 1963 ใครคนใดคนหนึ่งในทีม, ผู้ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบัน, จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกเพียงเล็กน้อยเมื่อพบว่าเคนเนดีไม่เคยถูกฆ่า, อย่างไรก็ตามมันก็จะย้อนกลับไปสู่ยังเส้นเวลาดั้งเดิมที่มีคนฆ่าเคนเนดีกลายเป็นคนอื่น ๆ อีกในปี 1963 ที่เข้ามาแทนที่ในกรณีที่นักฆ่าคนแรก (ผู้ซึ่งตัวละครหลักได้หยุดกระทำการเพื่อยับยั้งการลอบสังหารเคนเนดีของนักฆ่าของเขาลงไปแล้ว) ประสบความล้มเหลวในการลอบสังหารอย่างรวดเร็วทันทีพล็อตประเด็นหลักของซีรีส์การ์ตูนที่โด่งดังทางโทรทัศน์เรื่องหนึ่ง คือ เรื่อง โดราเอมอน หรือ โดเรม่อน ที่เกี่ยวข้องกับโดราเอมอนแมวหุ่นยนต์ที่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของโนบิตะ โดยที่โดเรม่อนได้ถูกส่งมาจากยุคอนาคตในศตวรรษที่ 22 โดยหลานชายของโนบิตะเอง, แต่เมื่อต้องมีการตอบคำถามจากโนบิตะผู้เป็นคุณปู่ที่ถามว่า หากต่อไปในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงไปจะมีวิธีการอย่างไรที่โนบิตะผู้เป็นคุณปู่จะยังคงมีชีวิตอยู่, หลานชายของโนบิตะได้ตอบคำถามนี้ของคุณปู่โนบิตะโดยใช้การเปรียบเทียบ (analogy) กับการเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งมีอยู่หลากหลายวิธีในการดำเนินการ เช่น โดยการเดินทางโดยเครื่องบิน, โดยทางเรือ, หรือ โดยทางรถไฟ, แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งเดียวกันและคุณก็ได้มาถึงยังที่จุดหมายปลายทางของคุณในที่สุดไฟล์:Time-travel-parallel-universe2.gifTime travel under the parallel universe hypothesis. This scenario has the potential to preserve free will, but breaks symmetry between universes.3. เส้นเวลาแบบมีทางเลือก ในเวอร์ชันของการเดินทางข้ามเวลาเวอร์ชันนี้, จะมีประวัติศาสตร์ที่มีเส้นทางเลือก (alternate histories) ที่มีอยู่มากมายร่วมกัน, เพื่อที่ว่าเมื่อนักเดินทางข้ามเวลาได้เดินทางข้ามเวลาย้อนกลับไปในอดีต, เขา/เธอ จะจบลงด้วยเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ในเส้นเวลาใหม่ที่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นั้นสามารถจะมีความแตกต่างไปจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ในเส้นเวลาที่ เขา/เธอ ได้เดินทางจากมา, แต่เส้นเวลาอันเป็นดั้งเดิมของเธอ/ของเขา ที่ได้เดินทางจากมานั้นไม่ได้ดับยุติลงไปด้วย (not cease to exist) (นี่จึงหมายความว่าการเกิดเหตุการณ์แบบปฏิทรรศน์คุณปู่นั้นสามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก แม้ว่าคุณปู่คุณย่าของนักเดินทางข้ามเวลาคนนั้นอาจจะถูกฆ่าตายในวัยหนุ่มสาวในเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ในเส้นเวลาเส้นใหม่ก็ตาม

ใกล้เคียง

การเดินทางข้ามเวลา การเดินทางของคิโนะ การเดินละเมอฆาตกรรม การเดินป่าในเพชรพระอุมา การเดินทางของคุณแม่มด การเดินขบวน การเดินเรือ การเดินทางของกัลลิเวอร์ การเดินทาง (เพลงสุชาติ แซ่เห้ง) การเดินทัพทางไกล

แหล่งที่มา

WikiPedia: การเดินทางข้ามเวลา http://www.sfu.ca/~swartz/time_travel1.htm http://www.asimovs.com/_issue_0407/onthenet2.shtml http://www.chuedang.com/88 http://www.foxnews.com/scitech/2011/07/25/time-tra... http://www.friesian.com/paradox.htm http://books.google.com/books?id=iYzi8m8FbEsC&lpg=... http://books.google.com/books?id=jfPAwAnj9JUC&pg=R... http://www.jewishsearch.com/article_395.html http://www2.mampost.com/movie/inter/view/The-time-... http://www2.mampost.com/movie/inter/view/The-time-...