การวัด ของ ความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายใน

การวัดระดับความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายในมักจะทำโดยการแจ้งเอง (self-report) แม้ว่าจะมีการวัดที่ให้บุคคลในกลุ่มเดียวกัน (peer-report) หรือคนอื่นเป็นผู้ประเมิน (third-party observation) ก็มี การวัดโดยแจ้งเองอาจจะเป็นแบบใช้คำ (lexical)[4]หรือใช้บทความ (statements)[21]ส่วนการตัดสินใจว่าจะใช้การวัดแบบไหนเพื่อใช้ในงานวิจัย จะกำหนดโดยค่าวัดทางจิตวิทยาอื่น ๆ (psychometric property) เวลา และพื้นที่ที่มีให้ใช้ในงานศึกษา

ในภาษาอังกฤษ การวัดโดยใช้คำ (lexical) จะใช้คำวิเศษณ์แต่ละคำที่สะท้อนถึงลักษณะต่าง ๆ ของบุคลิกภาพ เช่น ชอบเข้าสังคม/เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ช่างพูด สงวนท่าที และเงียบ คำที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสนใจต่อสิ่งภายในจะมีค่าวัดเป็นลบเพื่อรวมคะแนนของความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายในโดยเป็นค่าเดียวกัน[22]ในปี 1992 ศ.ดร.ลิวอิส โกลด์เบอร์ก ได้พัฒนาคำ 20 คำที่ใช้วัดลักษณะบุคลิกภาพ โดยเป็นส่วนของคำ 100 คำที่ใช้วัดลักษณะบุคลิกภาพใหญ่ 5 อย่าง (Big Five personality traits)[23]ต่อมาในปี 1994 จึงมีการพัฒนาคำเพียง 8 คำที่ใช้วัด โดยเป็นส่วนของคำ 40 คำ แต่ว่า ต่อมาพบว่า คุณสมบัติทาง psychometric ของการวัดเช่นนี้ใช้ได้ไม่ดีกับคนนอกทวีปอเมริกาเหนือ[4]ในปี 2008 จึงมีการปรับปรุงวิธีการวัดอย่างเป็นระบบ (ที่เรียกว่า International English Mini-Markers) โดยเปลี่ยนไปใช้คำภาษาอังกฤษสากล ซึ่งมีความสมเหตุสมผล (validity) และความสม่ำเสมอ (reliability) ที่ดีกว่าในประชากรทั้งภายในและภายนอกทวีปอเมริกาเหนือ[4]คือ ความสม่ำเสมอของการวัดความสนใจต่อสิ่งภายนอกสำหรับผู้พูดภาษาอังกฤษแต่กำเนิดอยู่ที่ .92 และสำหรับผู้ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษแต่กำเนิดอยู่ที่ .85

การวัดโดยใช้บทความ (statement) มักจะใช้คำมากกว่า ดังนั้นก็จะใช้เนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมากกว่าการวัดโดยใช้คำตัวอย่างเช่น จะมีการถามผู้รับสอบว่า ตนสามารถ "คุยกับบุคคลต่าง ๆ หลายคนที่งานปาร์ตี้หรือไม่" หรือ "มักจะอึดอัดเมื่ออยู่ด้วยกันหลาย ๆ คนหรือไม่"[21]แม้ว่าการวัดโดยวิธีนี้จะมีคุณลักษณะทางจิตวิทยาต่อประชากรอเมริกาเหนือเหมือนกับการวัดโดยคำ แต่การพัฒนาระบบวัดที่แฝงอยู่ใต้วัฒนธรรม ทำให้ใช้กับประชากรกลุ่มอื่นไม่ได้ดีเท่า[24]ยกตัวอย่างเช่น บทความที่ถามถึงความเป็นคนช่างพูดในงานปาร์ตี้บางครั้งยากที่จะตอบให้ได้ความหมายสำหรับบุคคลที่ไม่ไปงานปาร์ตี้ ดังที่สมมุติว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอเมริกันนอกจากนั้นแล้ว คำที่เป็นภาษาพูดเฉพาะคนอเมริกาเหนืออาจจะทำให้คำถามเช่นนั้นไม่เหมาะกับผู้อื่นนอกทวีปยกตัวอย่างเช่น บทความเช่น "ไม่ขนขวายจะเป็นคนเด่น (Keep in the background)" และ "รู้วิธีให้คนอื่นสนใจสิ่งที่ตัวพูด (Know how to captivate people)" บางครั้งเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษแต่กำเนิดที่จะเข้าใจยกเว้นเอาตามคำแปลตรง ๆ ตัว

ทฤษฎีของ ศ. ไอเซงค์

ศ. ดร. ฮันส์ ไอเซงค์แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอนกล่าวถึงความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายใน ว่าเป็นระดับที่บุคคลชอบเข้าสังคม/เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และชอบปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยความแตกต่างทางพฤติกรรมเช่นนี้สมมุติว่าเป็นผลจากความต่างกันทางสรีรภาพของสมอง[25]คนสนใจต่อสิ่งภายนอกสืบหาความตื่นเต้นและกิจกรรมทางสังคมเพื่อจะเพิ่มระดับความตื่นตัว ในขณะที่คนสนใจต่อสิ่งภายในมักจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคมเพื่อที่จะลดความตื่นตัวให้ต่ำที่สุดดร. ไอเซงค์กำหนดความสนใจต่อสิ่งภายนอกว่าเป็นลักษณะหนึ่งในสามลักษณะใหญ่ของทฤษฎี P-E-N model of personality ของเขา ซึ่งรวมลักษณะอื่น ๆ คือ psychoticism และ neuroticism

ในเบื้องต้น ดร. ไอเซงค์เสนอว่า ความสนใจต่อสิ่งภายนอกเป็นสภาวะรวมของความโน้มเอียงใหญ่สองอย่างคือ ความหุนหันพลันแล่น (impulsiveness) และความเข้าสังคมได้ (sociability)ต่อจากนั้นเขาได้เพิ่มลักษณะเฉพาะอื่น ๆ อีกหลายอย่าง รวมทั้งความกระตือรือร้น (liveliness) ระดับความมีชีวิตชีวา (activity level) และความตื่นเต้นได้ง่าย (excitability)ลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้อยู่ในลำดับชั้นบุคลิกภาพของเขาและเชื่อมกับนิสัยที่เฉพาะเจาะจงบางอย่าง เช่น การชอบปาร์ตี้ในวันสุดสัปดาห์

งานศึกษาในคู่แฝดพบว่า ความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายในมีส่วนจากกรรมพันธุ์

ปัจจัยทางชีวภาพ

ความสำคัญสัมพัทธ์ระหว่างชีวภาพเทียบกับสิ่งแวดล้อม (nature versus environment) ที่เป็นตัวกำหนดความสนใจต่อสิ่งภายนอกยังเป็นเรื่องถกเถียงกันไม่ยุติ และเป็นจุดสนใจของงานศึกษาเป็นจำนวนมากงานศึกษาในคู่แฝดพบว่า มีส่วนจากกรรมพันธุ์ระหว่าง 39%-58%และสิ่งแวดล้อมที่แชร์ในครอบครัวดูเหมือนจะสำคัญน้อยกว่าปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่พี่น้องไม่ได้แชร์ร่วมกัน[26]

ดร. ไอเซงค์เสนอว่า ความสนใจต่อสิ่งภายนอกมีเหตุมาจากความแตกต่างกันของความตื่นตัวในเปลือกสมอง (cortical arousal)โดยตั้งสมมติฐานว่า คนสนใจต่อสิ่งภายในมีระดับความตื่นตัวในสมองที่สูงกว่าคนสนใจต่อสิ่งภายนอกเพราะว่า คนสนใจต่อสิ่งภายนอกต้องการสิ่งเร้าภายนอกมากกว่าคนสนใจต่อสิ่งภายใน ดังนั้น จึงตีความว่านี่เป็นหลักฐานของสมมติฐานนี้หลักฐานอื่นรวมทั้ง คนชอบใจต่อสิ่งภายในมีน้ำลายไหลออกมากกว่าโดยเป็นปฏิกิริยาต่อน้ำเลมอน(ปกติมีรสออกเปรี้ยว ๆ)ซึ่งมาจากระดับการทำงานที่สูงกว่าในส่วนสมองคือ reticular activating system ซึ่งตอบสนองต่อสิ่งเร้าเช่นอาหารและการอยู่กับบุคคลอื่น ๆ[27]

มีหลักฐานว่าความสนใจต่อสิ่งภายนอกสัมพันธ์กับความไวที่สูงกว่าของสมองส่วน mesolimbic dopamine system ที่ทำให้เกิดความสุขเมื่อได้สิ่งเร้าที่สมควร (rewarding stimuli)[28]ซึ่งอธิบายได้ส่วนหนึ่งว่าทำไมผู้สนใจต่อสิ่งภายนอกจึงมีอารมณ์เชิงบวกในระดับสูง เพาะว่า ตนไวต่อความตื่นเต้นที่ได้จากสิ่งเร้าที่อาจให้เกิดความสุขมากกว่าผลอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ที่สนใจต่อสิ่งภายนอกสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่มีการเสริมแรงเชิงบวก (positive reinforcement) คือให้เกิดความพอใจได้ดีกว่า เพราะว่าได้รับรางวัลคือความสุขมากกว่า

งานศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้สนใจต่อสิ่งภายในมีการไหลเวียนของเลือดในสมองกลีบหน้าและสมองส่วนทาลามัสด้านหน้า (frontal หรือ anterior) มากกว่า ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ในการคิด เช่น การวางแผนหรือการแก้ปัญหาส่วนผู้สนใจต่อสิ่งภายนอกมีการไหลเวียนของเลือดใน Anterior cingulate cortex สมองกลีบขมับ และทาลามัสด้านหลัง (posterior) มากกว่า ซึ่งเป็นส่วนที่ปฏิบัติการเกี่ยวกับประสบการณ์ทางความรู้สึก (sensory) หรือทางอารมณ์ (emotional)[29]งานศึกษานี้และงานวิจัยอื่นชี้ว่า ความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายในสัมพันธ์กับการทำงานที่แตกต่างกันในสมองในระหว่างบุคคล

ส่วนงานศึกษาในเรื่องปริมาตรของเขตสมองพบว่า ความสนใจต่อสิ่งภายในมีสหสัมพันธ์กับปริมาตรเนื้อเทา (grey matter) ที่เพิ่มขึ้นใน prefrontal cortex ด้านขวาและจุดต่อของสมองกลีบขมับกับกลีบข้าง (temporoparietal junction) และมีสหสัมพันธ์กับปริมาตรเนื้อเทาที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดโดยรวม ๆ[30]ส่วนงานศึกษาอื่นพบว่า ความสนใจต่อสิ่งภายนอกมีสหสัมพันธ์กับปริมาตรที่สูงกว่าของ prefrontal cortex ด้านซ้ายและโดยทั่วไปแล้ว สมองส่วนนี้สัมพันธ์กับการเข้ารหัสความจำอาศัยเหตุการณ์ (episodic memory) ใหม่ ๆ และพฤติกรรมแบบเข้าไปตรวจสอบ (approach) ในขณะที่ prefrontal cortex ด้านขวาสัมพันธ์กับการระลึกถึงความจำอาศัยเหตุการณ์ และพฤติกรรมแบบหลีกหนี (withdrawal)

นอกจากนั้นแล้ว ความสนใจต่อสิ่งภายนอกยังสัมพันธ์กับปัจจัยทางสรีรภาพอื่น ๆ เช่น การหายใจ ผ่านการสัมพันธ์กับ surgency ซึ่งเป็นความไวปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่บุคคลโน้มเอียงไปในอารมณ์เชิงบวกในระดับสูง[31]

ใกล้เคียง

ความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายใน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย ความสัมพันธ์สหราชอาณาจักร–สหรัฐ ความสามารถของบุคคล ความสัมพันธ์ไทย–พม่า ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น–ไทย ความสัมพันธ์จีน–ไทย ความสัมพันธ์ไทย–สหรัฐ ความสัมพันธ์ไทย–รัสเซีย ความสัมพันธ์เนโท–สวีเดน

แหล่งที่มา

WikiPedia: ความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายใน http://psychclassics.yorku.ca/Jung/types.htm http://www.abajournal.com/magazine/article/most_la... http://allpsych.com/personalitysynopsis/trait_appl... http://blindprivilege.com/extraversion-privilege/ http://www.carlkingdom.com/10-myths-about-introver... http://www.cbsnews.com/news/quiet-the-power-of-int... http://www.cnn.com/2012/02/06/living/successful-in... http://www.cnn.com/LIVING/ http://findarticles.com/p/articles/mi_g2602/is_000... http://findarticles.com/p/articles/mi_g2602/is_000...