เมนูนำทาง
งานศึกษาวิกิพีเดียทางวิชาการ ด้านสังคมงานศึกษาปี 2007 ของบริษัทฮิตไวส์ (Hitwise)[upper-alpha 3]ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารไทม์[14]พบว่า ชายกับหญิงเข้าเยี่ยมวิกิพีเดียเท่า ๆ กัน แต่ผู้แก้ไขร้อยละ 60 เป็นชาย
ส่วนเว็บไซต์ WikiWarMonitor ซึ่งดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยอเมริกันและมหาวิทยาลัยอังกฤษ ได้ทุนจากคณะกรรมาธิการยุโรป และมุ่งระงับสงครามแก้ไขในวิกิพีเดีย ได้ตีพิมพ์ผลงานต่อไปนี้
งานศึกษาเชิงพรรณนา[19]ได้วิเคราะห์นโยบายและแนวปฏิบัติ[upper-alpha 1]ของวิกิพีเดียอังกฤษจนถึงเดือนกันยายน 2007 แล้วระบุค่าสถิติสำคัญจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับ
แม้นโยบายสั้น ๆ เช่น "ปล่อยวางกฎทั้งหมด"ก็มีการอภิปรายและการอธิบายให้ชัดเจนเป็นจำนวนมาก คือ
|
งานศึกษาได้ให้ตัวอย่างการขยายนโยบายหลักบางอย่างตั้งแต่เริ่มขึ้น คือ[upper-alpha 1]
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันและเอชพีแหล็บ (แหล็บของบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด) ได้ร่วมมือทำงานศึกษาที่ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกันในปี 2007[20]ได้ตรวจดูว่านโยบายวิกิพีเดียนำไปใช้อย่างไร และผู้แก้ไขทำงานร่วมกันให้ได้ความเห็นพ้องได้อย่างไรงานศึกษาตรวจตัวอย่างหน้าพูดคุยที่แอ๊กถีฟด้วยการวิเคราะห์เชิงปริมาณใช้ฐานข้อมูลวิกิพีเดียภาษาอังกฤษเดือนพฤศจิกายน 2006 ได้ตรวจหน้าพูดคุย 250 หน้าที่อยู่ในส่วนหางของกราฟการแจกแจง คือ เป็นหน้าพูดคุยเพียงอัตราร้อยละ 0.3 แต่มีจำนวนการแก้ไขหน้าพูดคุยถึงร้อยละ 28.4 และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ มีลิงก์ไปยังหน้านโยบายในอัตราร้อยละ 51.1จากประวัติของหน้าตัวอย่าง งานศึกษาตรวจดูแต่เดือนที่แก้ไขมาก ซึ่งเรียกว่าส่วนวิกฤติ (critical sections) คือเป็นเดือนต่อ ๆ กันที่ทั้งบทความและหน้าพูดคุยกำลังแก้โดยมีจำนวนสำคัญ
งานศึกษานิยามค่าวัดแล้ววัดความแพร่หลายของการอ้างนโยบายส่วนวิกฤติหนึ่ง ๆ จัดว่า "หนักด้วยนโยบาย" (policy-laden) ถ้ามีเรื่องนโยบายอย่างน้อยเป็นทวีคูณของค่าเฉลี่ยบทความหนึ่ง ๆ จะมีค่าระบุ 3 อย่าง คือ
ค่าต่าง ๆ ของตัวระบุ 3 อย่างนี้แบ่งบทความออกเป็น 8 หมวดที่ใช้ชักตัวอย่างงานศึกษาตั้งใจจะวิเคราะห์ส่วนวิกฤติ 9 ส่วนจากหมวดตัวอย่างแต่ละหมวด แต่ก็เลือกส่วนวิกฤติได้แค่ 69 ส่วน (ไม่ใช่ 72 ส่วน) เพราะมีบทความแค่ 6 บทความ (ไม่ใช่ 9 บทความ) ที่เป็นบทความคัดสรรด้วย ก่อการโต้เถียงด้วย และหนักด้วยนโยบายด้วย
งานศึกษาพบว่า นโยบายไม่ได้ประยุกต์ใช้อย่างสม่ำเสมอเพื่อแสดงตัวอย่างเฉพาะ ๆ จากสิ่งที่ได้ค้นพบซึ่งกว้างกว่า รายงานได้แสดงตัวอย่าง 2 ตัวอย่างจากหน้าพูดคุยของวิกิพีเดียเพื่อแสดงความแตกต่าง
|
|
งานศึกษาอ้างว่า ความคลุมเครือเช่นนี้ทำให้เล่นอำนาจได้ง่าย ๆ และได้ระบุการเล่นอำนาจ 7 อย่างตามระเบียบวิธีทางสังคมศาสตร์คือ grounded theory รวมทั้ง
เพราะเนื้อที่ไม่พอ งานศึกษาได้แสดงรายละเอียดของการเล่นอำนาจเพียง 4 อย่างแรกที่ทำผ่านการตีความนโยบายแต่ก็แสดงการใช้อำนาจอีกแบบที่ได้วิเคราะห์คือ การละเมิดนโยบายแบบโต้ง ๆ ที่ได้ให้อภัยเพราะผลงานของผู้ใช้มีคุณค่าสูงแม้จะไม่เคารพกฎเกณฑ์
งานศึกษาพิจารณาว่านโยบายของวิกิพีเดียคลุมเครือเกี่ยวกับขอบเขตของบทความมีตัวอย่างที่นำมาแสดงคือ
|
งานศึกษาตีความคำโต้แย้งที่ดุเดือดเหล่านี้ว่า
|
งานศึกษาให้ข้อสังเกตว่า ความเห็นพ้องในวิกิพีเดียไม่มีวันจบ เพราะอาจเปลี่ยนไปเมื่อไรก็ได้งานศึกษาพบว่า ความไม่ชัดเจนเช่นนี้ก่อการเล่นอำนาจ และทำการต่อสู้เป็นรุ่น ๆ เพื่อความเห็นพ้องให้เป็นส่วนของการต่อสู้ความเป็นเจ้าของบทความ
|
งานศึกษาใช้ตัวอย่างการอภิปรายนี้เพื่อแสดงการต่อสู้ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
|
ตัวอย่างหนึ่งแสดงว่า ผู้ดูแลระบบได้ลบล้างความเห็นพ้องแล้วลบบัญชีของผู้ใช้/ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคซึ่งยังไม่ได้ชื่อ (เรียกว่า Frupism ในงานศึกษา)ผู้ดูแลระบบได้ทำเช่นนี้เมื่อบทความกำลังได้เสนอให้เป็นบทความคัดสรร
การใช้อำนาจชนิดนี้แสดงด้วย[ผช24]ที่อ้างผลงานในอดีตเพื่อโต้เถียงผู้ร่วมงานอีกคนหนึ่งผู้กล่าวหา[ผช24]ว่า ทำให้งานเสียเปล่าและทำงานให้ยุ่งเหยิง (disruptive)
|
งานศึกษาพบว่า มีผู้ร่วมงานที่ละเมิดนโยบายอย่างสม่ำเสมอและอย่างสำเร็จโดยไม่ถูกลงโทษ
|
ในปี 2008 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (สหรัฐ)[21]ได้สร้างแบบจำลองโพรบิต (probit model)[upper-alpha 6]ของผู้แก้ไขวิกิพีเดียภาษาอังกฤษที่ได้ผ่านกระบวนการทบทวนเพื่อเป็นผู้ดูแลระบบได้อย่างสำเร็จโดยใช้เพียงข้อมูลอภิพันธุ์ของวิกิพีเดียรวมทั้งความย่อการแก้ไข แบบจำลองนี้พยากรณ์ผู้ได้การเสนอชื่อที่ประสบผลสำเร็จอย่างแม่นยำในอัตราร้อยละ 74.8
งานศึกษาให้ข้อสังเกตว่า แม้จะมีการคัดค้านความเช่นนี้ แต่ "ในด้านหลาย ๆ ด้าน การได้รับเลือกเป็นผู้ดูแลเป็นการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งแยกแกนนำผู้เป็นอภิชนจากชุมชนผู้แก้ไขจำนวนมากอื่น ๆ" ดังนั้น งานศึกษานี้จึงได้ใช้กระบวนการ policy capturing[23]ซึ่งในจิตวิทยาสังคม เป็นวิธีเปรียบเทียบลักษณะต่าง ๆ ที่สำคัญเพียงแต่พูดกับลักษณะอื่น ๆ ที่จริง ๆ ทำให้ได้เลื่อนตำแหน่งงาน
อัตราการเลื่อนตำแหน่งที่สำเร็จรวม ๆ กันได้ลดลงจากร้อยละ 75 ในปี 2005 เหลือร้อยละ 53 ในปี 2006 จนเหลือร้อยละ 42 ในปี 2007อัตราความล้มเหลวที่สูงขึ้น ๆ เช่นนี้ให้เหตุว่า ผู้ดูแลระบบที่ได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว ๆ นี้ต้องผ่านมาตรฐานที่สูงขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยหลักฐานโดยเรื่องเล่าจากงานศึกษาอีกงานหนึ่ง[24]ซึ่งอ้างอิงผู้ดูแลระบบรุ่นต้น ๆ ผู้แสดงข้อสงสัยว่า ตนจะผ่านเกณฑ์มาตรฐานเช่นนี้หรือไม่ถ้าการเลือกตั้งของตนได้ทำเร็ว ๆ นี้เพราะเหตุนี้ งานศึกษาจึงอ้างว่า
|
ปัจจัย | ปี 2006-2007 | ก่อนปี 2006 |
---|---|---|
การเสนอชื่อแต่ละครั้งในอดีต | -14.7% | -11.1% |
เดือนแต่ละเดือนหลังจากเริ่มแก้ไขเป็นครั้งแรก | 0.4% | (0.2%) |
การแก้ไขบทความทุก ๆ 1,000 ครั้ง | 1.8% | (1.1%) |
การแก้ไขนโยบายวิกิพีเดียทุก ๆ 1,000 ครั้ง | 19.6% | (0.4%) |
การแก้ไขบทความโครงการวิกิ ทุก ๆ 1,000 ครั้ง | 17.1% | (7.2%) |
การแก้ไขหน้าพูดคุยทุก ๆ 1,000 ครั้ง | 6.3% | 15.4% |
การแก้ไขหน้า คอต./การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท/มารยาทแต่ละครั้ง | -0.1% | -0.2% |
คะแนนความหลากหลายแต่ละคะแนน (ดูข้อความต่อไป) | 2.8% | 3.7% |
อัตราการระบุว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยในความย่อการแก้ไขทุก ๆ ร้อยละ 1 | 0.2% | 0.2% |
อัตราการเขียนความย่อการแก้ไขทุก ๆ ร้อยละ 1 | 0.5% | 0.4% |
การเขียนขอบคุณในความย่อการแก้ไขแต่ละครั้ง | 0.3% | (0.0%) |
การแก้โดยระบุเหตุเป็นมุมมองที่ไม่เป็นกลางแต่ละครั้ง | 0.1% | (0.0%) |
การแจ้งผู้ดูแลระบบ/การแก้ไข Noticeboards แต่ละครั้ง | -0.1% | (0.2%) |
อาจเป็นเรื่องผิดคาดว่า การเสนอชื่อเป็นผู้ดูแลระบบหลายครั้งหลายคราวกลับมีผลลบต่อการได้รับตำแหน่งคือความพยายามแต่ละครั้งมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยกว่าคราวที่แล้วในอัตราร้อยละ 14.8เวลาที่ได้ร่วมงานกับวิกิพีเดียมีผลดีเพียงเล็กน้อยต่อการได้รับเลือก
ข้อสำคัญที่งานค้นพบอย่างหนึ่งก็คือการแก้ไขนโยบายวิกิพีเดียหรือโครงการวิกิ มีค่าเป็น 10 เท่าของการแก้ไขบทความข้อสังเกตอีกอย่างก็คือผู้ได้การเสนอชื่อที่มีประสบการณ์ใน "ส่วน" ต่าง ๆ หลายส่วนของระบบมีโอกาสได้รับเลือกมากกว่าซึ่งวัดเป็น คะแนนความหลากหลาย (diversity) คือการนับส่วนต่าง ๆ ที่ผู้แก้ไขได้ร่วมทำงาน
งานศึกษาได้แบ่ง "ส่วน" วิกิพีเดียออกเป็น 16 ส่วน รวมทั้ง บทความ หน้าคุยของบทความ หน้าเกี่ยวกับการลบบทความ/หมวดหมู่/หรือแม่แบบ หน้าทบทวนการย้อนการลบ เป็นต้น (ดูงานวิจัยสำหรับรายการทั้งหมด)ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่ได้แก้บทความ หน้าผู้ใช้ของตน และโพ้สต์ครั้งหนึ่งในหน้าทบทวนการย้อนการลบก็จะได้ความหลายหลาก 3 คะแนนการแก้ไขเพิ่มในส่วนอื่น ๆ ใดก็ได้มีสหสัมพันธ์กับโอกาสได้ตำแหน่งผู้ดูแลระบบเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8
การระบุว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยก็ช่วยด้วย แม้นักวิจัยจะพิจารณาว่า นี่อาจเป็นเพราะการแก้ไขเล็กน้อยมีสหสัมพันธ์กับประสบการณ์โดยเทียบกัน การแก้ไขแต่ละครั้งที่หน้าของ คอต. หรือคณะไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หรือการปรึกษาเรื่องมารยาท ซึ่งล้วนเป็นหน้าที่ใช้ระงับข้อพิพาท กลับลดโอกาสประสบผลสำเร็จร้อยละ 0.1การโพสต์ไปที่กระดานปิดประกาศถามเรื่องนโยบาย (noticeboards) ก็มีผลลบเช่นกันงานศึกษาระบุว่านี่เป็นหลักฐานแสดงว่า ผู้มีส่วนร่วมเพิ่มความรุนแรงหรือทำให้ยืดยาวซึ่งข้อพิพาทมีโอกาสได้เป็นแอดมินน้อยลง
การขอบคุณหรืออะไรเช่นกันในความย่อการแก้ไข และการชี้ว่าเป็นการแก้ไขมุมมองที่ไม่เป็นกลาง (เพียงในความย่อการแก้ไข เพราะงานศึกษาวิเคราะห์เพียงข้อมูลอภิพันธุ์เท่านั้น) แต่ละครั้งมีผลบวกเล็กน้อย คือเพิ่มโอกาสร้อยละ 0.3 และ 0.1 ว่าจะได้ตำแหน่งในระหว่างปี 2006-2007 แม้จะไม่มีนัยสำคัญทางสถิติก่อนหน้านั้น
ปัจจัยบางอย่างพบว่าไม่สำคัญหรือสำคัญอย่างมากก็นิดหน่อยคือ
งานศึกษาเสนอว่าความแปรผันของผลการได้ตำแแหน่งร้อยละ 25 ที่อธิบายไม่ได้อาจมาจากปัจจัยที่ไม่ได้วัด เช่น คุณภาพการแก้ไขหรือการร่วมมือประสานงานนอกเว็บไซต์ เช่น ในบัญชีจ่าหน้าลับที่รายงานในเว็บไซต์ข่าวและความเห็น The Register[25]งานศึกษาสรุปว่า
|
งานวิจัยต่อมาในปี 2011 ของนักวิจัยอีกทีมหนึ่ง[28]ตรวจสอบเหตุผลของบุคคลเมื่อช่วยเลือกผู้ดูแลระบบซึ่งพบว่า การตัดสินใจจะขึ้นกับการตีความร่วมกันของหลักฐานที่พบในวิกิและกับปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ในอดีต
เมนูนำทาง
งานศึกษาวิกิพีเดียทางวิชาการ ด้านสังคมใกล้เคียง
งานศึกษาวิกิพีเดียทางวิชาการ งานศึกษามีกลุ่มควบคุม งานศึกษาตามยาว งานศึกษาแบบสังเกต งานศึกษาตามรุ่นย้อนหลัง งานศึกษาตามขวาง งานศึกษาตามรุ่นตามแผน งานศึกษาควบคุมด้วยการรักษาหลอก งานศึกษาแบบอำพรางสองฝ่าย งานศึกษาแบบ meta-analysisแหล่งที่มา
WikiPedia: งานศึกษาวิกิพีเดียทางวิชาการ http://www.americanhistoryprojects.com/downloads/J... http://zerogeography.blogspot.com/2009/11/mapping-... http://www.ft.com/intl/cms/s/0/97170c1a-b96f-11e2-... http://wikipapers.referata.com //ssrn.com/abstract=2939146 http://www.time.com/time/business/article/0,8599,1... http://www.3sat.de/dynamic/sitegen/bin/sitegen.php... http://www.wiwiss.fu-berlin.de/en/fachbereich/bwl/... http://atlas.tk.informatik.tu-darmstadt.de/Publica... http://adsabs.harvard.edu/abs/2013NatSR...3E1801M