ความล้มเหลวในชีวิตคู่ ของ จักรพรรดินีวั่นหรง

มีข่าวลือในปี พ.ศ. 2483 ว่าจักรพรรดินีวั่นหรงทรงตั้งพระครรภ์กับมหาดเล็กรับใช้ของพระองค์ซึ่งเป็นคนขับรถและยังเป็นผู้หาฝิ่นมาให้พระองค์อีกด้วย จักรพรรดิผู่อี๋สามารสั่งประหารก็ได้แต่ไม่ทรงทำ เพียงแต่ทรงเนรเทศคนขับรถคนนั้นออกไป พอจักรพรรดินีให้กำเนิดทารกเพศหญิงขึ้นมา แพทย์ทำคลอดชาวญี่ปุ่นได้ฉีดยาให้เด็กคนนั้นเสียชีวิตทันทีที่เกิด แต่ในบันทึกของจักรพรรดิกล่าวว่าจักรพรรดิทรงฆ่าเด็กคนนั้นด้วยการทรงโยนใส่เตาไฟ ซึ่งจักรพรรดิทรงบันทึกสิ่งเหล่านี้ลงในหนังสือพระราชประวัติของพระองค์ แต่ข้อความถูกลบก่อนหนังสือจะถูกตีพิมพ์ หลังจากนั้นจักรพรรดินีก็ทรงติดฝิ่นอย่างหนัก โดยสูบฝิ่นถึงวันละ 2 ออนซ์ ในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2481 ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2482 โดยเอ็ดเวิร์ด เบอฮ์ (Edward Behr) แพทย์กล่าวว่าจักรพรรดินีทรงสูบฝิ่นตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มไปกว่า 740 ออนซ์

เนื่องจากทรงติดฝิ่นอย่างหนัก พระองค์เริ่มมีพระอาการวิกลจริต ไม่เสด็จไปร่วมงานวันเกิดหรือแม้กระทั่งงานเลี้ยงวันปีใหม่ และความสัมพันธ์กับจักรพรรดิได้หยุดลงเมื่อพระราชบิดาของจักรพรรดินีไม่มาเยี่ยมจักรพรรดินีที่แมนจูกัวอีกเลย เนื่องจากรับไม่ได้ที่ลูกสาวเปลี่ยนไป มีเรื่องเล่าว่าในงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำครั้งหนึ่ง จักรพรรดินีเสวยพระกระยาหารตะวันตกอย่างมูมมาม ทำให้เป็นที่สะอิดสะเอียนของแขกทั้งหลายผู้มาร่วมงาน

จักรพรรดิอ้างว่าพระชายาทรงงมงายกับความเชื่อในโชคชะตา และหากทรงเจอกับอะไรที่เป็นโชคร้าย จักรพรรดินีจะทรงกระพริบพระเนตรหรือทรงพระดำเนินหนี จักรพรรดิอ้างว่าจักรพรรดินีมีพระอาการวิตกอย่างหนักเหมือนผู้ที่ป่วยเป็นโรคทางจิต จักรพรรดิทรงให้รายละเอียดอีกว่า "นางไม่เคยบอกข้าพเจ้าถึงความรู้สึก ความหวัง และความเศร้าโศกเสียใจของนางให้กับข้าพเจ้าเลยแม้แต่น้อย" จักรพรรดิทรงทราบว่าพระชายากำลังทรงติดฝิ่นอย่างหนักและจักรพรรดิทรงไม่สามารถยอมรับและอดทนได้อีกต่อไป

จักรพรรดินี ณ พระราชวังต้องห้ามคะวะชิมะ โยะชิโกะ หรือ อ้ายซินเจว๋หลัว เสียนยฺหวี่ เจ้าหญิงเชื้อสายราชวงศ์แมนจู ที่ทำงานให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น

จากบันทึกของสายลับญี่ปุ่น คะวะชิมะ โยะชิโกะ (川岛芳子, Kawashima Yoshiko) หรือในชื่อรองที่รู้จักกันดีว่า 'ตงเจิน' (東珍, Eastern Jewel - มณีบูรพา) ระบุว่า จักรพรรดินีทรงเกลียดแมนจูกัวและรัฐบาลญี่ปุ่นมาก เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นและพระองค์ตกอยู่ในสภาวะจิตใจตกต่ำ พระพลานามัยอ่อนแอลง และที่สำคัญที่สุดคือความรักของพระองค์ที่ต้องจบลงอย่างน่าเศร้าจากความเย็นชามากเกินไปของพระราชสวามี

สืบเนื่องมาจากการที่จักรพรรดิไม่ทรงเอาพระทัยใส่พระชายา ต่อมาไม่นานจักรพรรดิจึงอภิเษกสมรสกับถัน อวี้หลิง นักเรียนวัย 16 ปี ในปี พ.ศ. 2480 โดยถัน อวี้หลิง ไปรับตำแหน่งแทนที่พระสนมเหวินซิ่ว พระองค์ทรงเรียกถัน อวี้หลิง ว่า 'เป็นการทำโทษแก่วั่นจิง' แต่จักรพรรดิไม่ทรงมองพระสนมถัน อวี้หลิง เป็นภรรยา กลับมองว่าเธอเป็นเพียงของประดับชิ้นหนึ่ง พระองค์ได้ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า "นางเป็นแค่สนมในนามนำหน้าเท่านั้น ข้าพเจ้าประสงค์จะเก็บนางไว้เหมือนนกที่ถูกเลี้ยงอยู่ในกรง จนกระทั่งนางได้เสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2485" เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ถูกเชื่อโดยองค์หญิงซะงะ ฮิโระว่าจักรพรรดิโปรดการเล่นสวาทกับผู้ชายด้วยกันเอง และมีมหาดเล็กซึ่งเป็นชายรักชาย (Bisexual) อยู่ด้วย โปรดการมีเพศสัมพันธ์แบบนี้อยู่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์

จักรพรรดิทรงอยากทราบความเป็นจริงอย่างยิ่งว่าเหตุใดจึงทำให้จักรพรรดินียังทรงอดทนอยู่ต่อ แม้ทรงถูกละเลยมาเป็นเวลานาน ซึ่งไม่น่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงจีนสมัยใหม่ และยังทรงสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากจักรพรรดินีทรงขอหย่ากับพระองค์ จักรพรรดิยังคงเชื่อว่าสาเหตุที่อดีตพระสนมเหวินซิ่วขอหย่ากับพระองค์เป็นเพราะเธอมองเห็นว่าความรักและการดูแลเอาใจใส่สำคัญมากกว่าเงินทองและยศฐาบรรดาศักดิ์ ทรงคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้จักรพรรดินียังประทับอยู่กับพระองค์ เพื่อเพียงได้อยู่ในนามของจักรพรรดินีเท่านั้น

ในขณะที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2488 สหภาพโซเวียตก็ได้บุกเข้ามายึดแมนจูกัว จักรพรรดิทรงพยายามหลบหนีจากแมนจูกัวทางเครื่องบิน และทรงทิ้งจักรพรรดินีไว้ ส่วนพระญาติในราชวงศ์ก็พยายามที่จะหลบหนีทหารโซเวียตด้วยเช่นกัน

จักรพรรดินีหว่านหรงและองค์หญิงซะงะ ฮิโระ และสมาชิกคนอื่น ๆ ถูกจับในขณะที่พยายามที่จะหลบหนีเข้าชายแดนเกาหลี ซึ่งจุดหมายปลายทางคือญี่ปุ่น โดยทหารโซเวียต ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2489

ใกล้เคียง

จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ จักรพรรดิโชวะ จักรพรรดิเมจิ จักรพรรดิ จักรพรรดิคังซี จักรพันธ์ แก้วพรม จักรพรรดิเปดรูที่ 1 แห่งบราซิล จักรพรรดินีโคไลที่ 2 แห่งรัสเซีย จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย