ประวัติศาสตร์ยะไข่ เริ่มจากชาวยะไข่เข้ามาตั้งหลักแหล่งในบริเวณ
รัฐยะไข่ปัจจุบันเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 15 ก่อนหน้านั้นบริเวณนี้เป็นที่อยู่ของชาวอินเดียที่มาจากฝั่งตะวันตกของ
อ่าวเบงกอล ราชวงศ์ที่ปกครองยะไข่ในช่วงแรกเป็นราชวงศ์ของชาวอินเดีย
ศาสนาพุทธเข้าสู่ยะไข่ก่อนบริเวณอื่นๆในพม่า บริเวณนี้มักถูกชาวไทใหญ่ พม่าและเบงกอลเข้าปล้นสะดม จนในที่สุด ชาวพม่าได้เข้ามาตั้งหลักแหล่งอย่างถาวร นครโบราณที่เคยเป็นศูนย์กลางอำนาจในยะไข่ ได้แก่ เมืองธัญญวดีและเมืองเวสาลี ที่คาดว่าปกครองโดยกษัตริย์จากอินเดียเชื้อสายจันทรวงศ์
[1]เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 16
พระเจ้าอโนรธามังช่อแห่ง
อาณาจักรพุกามยกทัพมาโจมตียะไข่ ทำให้ยะไข่ต้องรบกับพุกาม จนกระทั่งพุกามแพ้มองโกลเมื่อ พ.ศ. 1830 ยะไข่จึงได้เป็นอิสระ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ยะไข่เผชิญกับการรุกรานของ
แคว้นเบงกอลแต่สามารถต้านทานไว้ได้ ต่อมาใน พ.ศ. 1947 พม่าได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในยะไข่อีก
พระเจ้านรเมฆลาได้ไปขอความช่วยเหลือจากเบงกอล เบงกอลยกทัพมาช่วยยะไข่ขับไล่กองทัพพม่าออกไปได้ใน พ.ศ. 1973 แต่ยะไข่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของเบงกอล กษัตริย์ยะไข่ต้องมีพระนามแบบอิสลามต่อท้ายแม้จะนับถือศาสนาพุทธก็ตาม จนกระทั่ง
พระเจ้ามินการีหรืออาลีบัน พระอนุชาของพระเจ้านรเมฆลาได้ประกาศเอกราชจากเบงกอล แต่ยังได้รับอิทธิพลทางการเมืองจากเบงกอลอยู่ กษัตริย์เบงกอลเป็นผู้พระราชทานนามแบบอิสลามให้แก่กษัตริย์ยะไข่จนถึง พ.ศ. 2074 ยะไข่ในรัชสมัยของพระเจ้าปสอผะยูยังสามารถยึดครอง
จิตตะกองได้และปกครองเรื่อยมาจนถึงพ.ศ. 2209
[1]ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 – 21 ยะไข่พบกับความวุ่นวายทางการเมือง มีความมั่นคงอีกครั้งในสมัยพระเจ้ามินบิน ซึ่งเป็นอิสระจากเบงกอลอย่างแท้จริง และต้านทานกองทัพของ
พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ได้
พระเจ้าบุเรงนองทรงมีแผนจะโจมตียะไข่ใน พ.ศ. 2124 แต่สิ้นพระชนม์เสียก่อน ยะไข่จึงเป็นฝ่ายเข้าปล้น
หงสาวดีและยึดเมือง
สิเรียมได้ กษัตริย์ยะไข่แต่งตั้งให้
ฟิลิป เดอ บริโตเป็นเจ้าเมืองสิเรียม แต่ภายหลังบริโตแข็งข้อต่อยะไข่ ยะไข่ยกทัพมาปราบไม่สำเร็จ ภายหลังบริโตถูกพม่าจับตัวและสังหารในพ.ศ. 2154 ชาวโปตุเกสที่เหลือได้ยอมอ่อนน้อมต่อยะไข่ ในรัชกาลพระเจ้าสันทสุธรรม เป็นช่วงที่ยะไข่มีความรุ่งเรืองมาก แต่ในรัชกาลของพระองค์เกิดสงครามกับ
ราชวงศ์โมกุลของอินเดีย ราชวงศ์โมกุลยึดจิตตะกองไปได้ใน พ.ศ. 2209 หลังสงครามครั้งนั้น ยะไข่อ่อนแอลง เกิดความวุ่นวายภายในแคว้น จน พ.ศ. 2253 มหาดันดาโบปราบปรามกลุ่มต่างๆได้และขึ้นครองราชย์ในนามพระเจ้าสันทวิชัย พระองค์พยายามโจมตีเมืองแปรและเมืองมะลุนของพม่า และพยายามยึดจิตตะกองคืนจากเบงกอลแต่ไม่สำเร็จ หลังจากพระเจ้าสันทวิชัยถูกลอบปลงพระชนม์ใน พ.ศ. 2274 ยะไข่ก็เกิดความวุ่นวายทางการเมืองตลอดมาจนกระทั่ง พ.ศ. 2327 พม่าเข้ามายึดครองยะไข่ได้สำเร็จในช่วงที่พม่าเข้าปกครองยะไข่ มีการบังคับกดขี่ชาวยะไข่มาก จนไม่เป็นที่พอใจทั้งชาวพุทธยะไข่และชาวมุสลิมโรฮีนจา มีการเกณฑ์ชาวยะไข่เข้าร่วมในกองทัพพม่าที่ไปโจมตีหัวเมืองล้านนาของสยาม เกณฑ์เชลยไปขุดทะเลสาบมิถิลาและสร้างพระเจดีย์มินกุน ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
[1] ชาวยะไข่บางส่วนหนีการกดขี่ของพม่าเข้าไปยังเบงกอลและเกิดกบฏของชาวยะไข่ขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2337 แต่ก็ไม่สิ้นสุดลง ปัญหากบฏยะไข่ทำให้พม่ากระทบกระทั่งกับอังกฤษที่เข้ามาปกครองเบงกอล กบฏครั้งสำคัญนำโดยซินบยันที่รวบรวมกำลังพลจากเขตฟื้นที่ปกครองของบริษัทอินเดียตะวันออกใน พ.ศ. 2354 สามารถยึดเมืองเมียวอองหรือมะโรอองได้แต่ต้องเลิกทัพกลับไปเพราะอังกฤษไม่สนับสนุน ซินบยันพำนักในเขตอำนาจของอังกฤษจนสิ้นชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2358
[1] อย่างไรก็ตาม ใน พ.ศ. 2457 พม่าได้ตามจับพนักงานของบริษัทอีสต์อินเดียที่เข้าไปจับช้างในยะไข่แล้วเข้าไปในเขตพม่าจนบานปลายกลายเป็นสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่ 1 ซึ่งพม่าเป็นฝ่ายแพ้ พม่าต้องยกยะไข่ให้อังกฤษ และเมื่ออังกฤษยึดครองพม่าได้ทั้งหมด อังกฤษปกครองยะไข่ในฐานะส่วนหนึ่งของพม่าไม่ใช่รัฐของชนกลุ่มน้อยการปกครองของอังกฤษทำให้ชาวอินเดียมุสลิมเข้ามาอยู่ในพม่ามากขึ้น โดยเฉพาะในยะไข่ ทำให้เกิดความขัดแย้งกับชาวยะไข่ที่นับถือศาสนาพุทธ จนเกิดการฆ่าฟันกัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวพุทธยะไข่เข้าร่วมกับกลุ่มชาตินิยมพม่าที่ร่วมมือกับญี่ปุ่น ส่วนชาวมุสลิมโรฮีนจาร่วมมือกับอังกฤษและฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชนสองกลุ่มนี้ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง สันนิบาตเสรีภาพประชาชนฯได้จัดให้ชาวยะไข่ที่นับถือพุทธที่อพยพมาอยู่ทางภาคใต้กลับขึ้นไปอยู่ทางเหนือที่มีมุสลิมอยู่หนาแน่นมากขึ้น จัดให้ชาวยะไข่พุทธมารับตำแหน่งบริหารแทนชาวมุสลิมที่อังกฤษแต่งตั้งไว้ ทำให้ชาวพุทธและมุสลิมปะทะกันอีก โรฮีนจาบางส่วนเรียกร้องให้นำยะไข่เหนือไปรวมกับ
ปากีสถานตะวันออกแต่
ปากีสถานไม่เห็นด้วย ในที่สุดยะไข่เป็นส่วนหนึ่งของ
สหภาพพม่าใน พ.ศ. 2491 ชาวมุสลิมโรฮีนจาได้เรียกร้องต่อมาให้ตั้งเขตบริหารชายแดนมยูขึ้นในยะไข่ ซึ่งรัฐบาลอูนุได้รับหลักการใน พ.ศ. 2504 แต่ในปีต่อมา เกิดรัฐประหารโดยนายพลเน วิน และการตั้งเขตบริหารชายแดนดังกล่าวถูกยกเลิกไป
[1] ยะไข่ได้ยกสถานะขึ้นเป็นรัฐในพม่าใน พ.ศ. 2517มุสลิมในยะไข่ได้จัดตั้งกองกำลังมุญาฮิดีนเพื่อก่อกวนรัฐบาลและชาวพุทธ ส่วนยะไข่พุทธนั้นก็ก่อกบฏขึ้นใน พ.ศ. 2490 นำโดยพระสงฆ์ชื่ออูเซงดาเพื่อแยกยะไข่ออกจากพม่า กบฏนี้ได้รับความช่วยเหลือจาก
พรรคคอมมิวนิสต์พม่าแต่ฝ่ายรัฐบาลปราบปรามได้ เหตุการณ์กบฏในยะไข่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะชาวมุสลิม แต่รัฐบาลพม่าก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2493 ในปัจจุบันความขัดแย้งระหว่างชาวยะไข่พุทธและโรฮีนจามุสลิมยังมีอยู่ในยะไข่