ประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2544 ถูกครอบงำด้วยการเมืองแวดล้อมการเถลิงและการสิ้นสุดอำนาจของนายกรัฐมนตรี ดร.
ทักษิณ ชินวัตร และความขัดแย้งระหว่างผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านเขาในเวลาต่อมา ทักษิณกับ
พรรคไทยรักไทยชนะ
การเลือกตั้งในปี 2544 และได้รับความนิยมอย่างยิ่งในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบท ทว่า ผู้คัดค้านวิจารณ์สไตล์อำนาจนิยมของเขา และกล่าวหาเขาว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง เขาถูกโค่นใน
รัฐประหารในปี 2549 และนับแต่นั้นประเทศไทยอยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเมืองเป็นรอบ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่พรรคการเมืองพันธมิตรของทักษิณชนะ การประท้วงต่อต้านรัฐบาลขนานใหญ่โดยกลุ่มแยกหลายกลุ่ม การถอดถอนนายกรัฐมนตรีและคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองของศาล และ
รัฐประหารอีกครั้งในปี 2557 บทบาททางการเมืองของสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นในช่วงนี้ด้วย ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2544 ถึง 2549 เขา
รัฐประหารโค่นจากตำแหน่งให้หลังการประท้วงโดยกลุ่ม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) อย่างไรก็ดี พันธมิตรของทักษิณหวนคืนสู่อำนาจหลังการเลือกตั้งหลังการประกาศใช้
รัฐธรรมนูญปี 2550 พธม. ประท้วงต่อรัฐบาลในครึ่งหลังของปี 2551 และ
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ยุบพรรครัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่มี
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งรัฐบาล แต่เผชิญกับการประท้วงโดยขบวนการเสื้อแดงโดยกลุ่ม
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนนำไปสู่
การปราบปรามของกองทัพอย่างรุนแรงในปี 2553 พรรคการเมืองพันธมิตรของทักษิณชนะ
การเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2554 ทำให้
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี การประท้วงต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน 2556 และดำเนินไปจนเกิด
รัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2557 หัวหน้า
คณะรัฐประหาร พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีและดำเนินการปราบปรามเสรีภาพพลเมืองและเสรีภาพการเมืองจนสุดท้ายอนุญาตให้จัด
การเลือกตั้งในปี 2562 รัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันได้รับเสียงสนับสนุนจากการลงประชามติในปี 2559 เปิดทางให้มีการแทรกแซงการเมืองของกองทัพและอภิชนในอนาคต หลังจากนั้น รัฐสภามีมติเลือกพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ความขัดแย้งนี้ได้แบ่งแยกมติมหาชนในประเทศไทย แม้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ทักษิณยังได้รับการสนับสนุนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ประชากรชนบทในภาคเหนือ และภาคอีสาน ซึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายของเขาและเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ นักวิชาการสายเสรีนิยมและนักเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังรัฐประหารปี 2549 ก็สนับสนุนทักษิณด้วย โดยต่อต้านผู้คัดค้านที่ผลักดันให้เกิดรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อีกด้านหนึ่ง ผู้คัดค้านทักษิณประกอบด้วยชนชั้นกลางเมืองในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ และภาคใต้ (เป็นที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์) วิชาชีพและนักวิชาการ ตลอดจนสมาชิก "อภิชนเก่า" ซึ่งถืออิทธิพลทางการเมืองก่อนทักษิณครองอำนาจ พวกเขาอ้างว่าทักษิณละเมิดอำนาจ บ่อนทำลายกระบวนการประชาธิปไตยและสถาบันตรวจสอบและถ่วงดุล ผูกขาดอำนาจและใช้นโยบาย
ประชานิยมเพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนทางการเมือง อ้างว่าการเลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะมีการแทรกแซงของทักษิณ ส่วนผู้สนับสนุนทักษิณกล่าวหาศาลว่ามี
ตุลาการภิวัฒน์ โดยล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นฝ่ายทักษิณ ทั้งนี้ ความเหลื่อมล้ำในประเทศยังมีสูง ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบทซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งของความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง เหตุการณ์เหล่านี้ประจวบกับปลายรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงราชย์เป็นเวลา 70 ปี เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 หลังพระพลานามัยเสื่อมถอยลงเป็นลำดับ อย่างไรก็ดี พระองค์ถือเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยและเป็นที่เคารพเทิดทูนอย่างสูง ต่างจาก
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ความไม่แน่นอนแวดล้อมการผลัดแผ่นดินทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมือง มีการกล่าวหาว่าทักษิณและผู้สนับสนุนต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นสาธารณรัฐ การดำเนินคดีภายใต้กฎหมายความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์เพิ่มขึ้นมากหลังปี 2549 และถูกวิจารณ์ว่ามีการใช้กฎหมายนี้เพื่อฉวยประโยชน์ทางการเมือง โดยสิทธิมนุษยชนเสื่อมถอยลง ขณะเดียวกัน
ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ของประเทศดำเนินมาตั้งแต่ปี 2547 โดยไม่มีทีท่ายุติ และมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 7,000 คน