ประวัติ ของ มอร์นิงมูซูเมะ

พ.ศ. 2540

สมาชิกมอร์นิงมูซูเมะ รุ่นก่อตั้ง (พ.ศ. 2540)

กลุ่มนักร้องหญิงมอร์นิงมูซูเมะได้รับการก่อตั้งในปี พ.ศ. 2540 โดย สึงจิ หรือมิตสึโอะ เทราดะ โปรดิวเซอร์ดนตรีชาวญี่ปุ่น[7]

สมาชิกรุ่นที่หนึ่งของกลุ่มมีจำนวนทั้งสิ้น 5 คน ได้แก่ ยูโกะ นากาซาวะ คาโอริ อีดะ นัตสึมิ อาเบะ อายะ อิชิงูโระ และอาซูกะ ฟูกูดะ ทั้งห้าคนนี้ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศจากโครงการคัดเลือกนักร้องหญิงของ ชารัม คิว (วงดนตรีเจ-ร็อกที่สึงกุทำหน้าที่หัวหน้าวง) [8][2]

หลังจากสิ้นสุดการคัดเลือกในโครงการดังกล่าว สึงกุได้ตัดสินใจนำพวกเธอทั้งห้ามาตั้งกลุ่มนักร้องชั่วคราวโดยใช้ชื่อกลุ่มว่า มอร์นิงมูซูเมะ

เขาได้ท้าทายพวกเธอว่า หากพวกเธอสามารถทำให้เพลงซิงเกิล "ไอโนะทะเนะ" ซึ่งเป็นผลงานตัวอย่างผลงานแรกของกลุ่ม มียอดจำหน่าย 50,000 ชุดขึ้นไปภายในเวลา 5 วันได้[7] กลุ่มมอร์นิงมูซูเมะของพวกเธอจะได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งผลปรากฏว่า พวกเธอสามารถทำสำเร็จตามคำท้าทายของสึงกุได้ภายในระยะเวลา 4 วัน จึงเป็นผลให้เกิดข้อตกลงในการก่อตั้งกลุ่มนักร้องมอร์นิงมูซูเมะอย่างเป็นทางการในที่สุด

พ.ศ. 2541

กลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2541)

วันที่ 28 มกราคม มอร์นิงมูซูเมะออกผลงานซิงเกิลอย่างเป็นทางการชุดแรกที่ชื่อว่า "มอร์นิงคอฟฟี" โดยซิงเกิลชุดนี้ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 6 ในตารางจัดอันดับเพลงแนวป็อปของประเทศญี่ปุ่น[9]

หลังจากนั้น ในวันที่ 12 มีนาคม สึงกุได้เปิดตัวสมาชิกรุ่นที่สองของกลุ่มจำนวน 3 คน ได้แก่ เค ยาซูดะ มาริ ยางูจิ และซายากะ อิจิอิ[10] ทำให้จำนวนสมาชิกในขณะนั้นมีทั้งสิ้น 8 คน โดยผลงานชิ้นแรกของสมาชิกรุ่นที่สองนี้ ได้แก่ อัลบั้มซิงเกิลชุดที่สองที่ชื่อ "ซัมเมอร์ไนท์ทาวน์"

วันที่ 8 กรกฎาคม มอร์นิงมูซูเมะเปิดตัวผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดแรกที่ชื่อว่า "เฟิสต์ไทม์" โดยภายในอัลบั้มชุดนี้ได้มีการบันทึกเพลง "ไอโนะทะเนะ" เพลงซิงเกิลเพลงแรกของกลุ่ม และเพลง "มอร์นิงคอฟฟี" เพลงซิงเกิลอย่างเป็นทางการเพลงแรกของกลุ่มเอาไว้ด้วย

ต่อมา วันที่ 9 กันยายน มอร์นิงมูซูเมะได้ออกผลงานอัลบั้มซิงเกิลชุดที่สามที่ชื่อ "ไดเตะ โฮลด์ออนมี!" ผลงานชุดนี้ได้รับความนิยมจากผู้ฟังเป็นอย่างมากจนติดอันดับที่ 1[9] โดยในช่วงเวลานี้เอง ยูโกะ นากาซาวะ หัวหน้ากลุ่มรุ่นก่อตั้ง ได้หันมาทดลองทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยวเป็นครั้งแรก[10]

พ.ศ. 2542

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ มอร์นิงมูซูเมะออกผลงานซิงเกิลชุดที่สี่ที่ชื่อ "เมโมรี เซชุงโนะฮิกะริ" ผลงานชุดนี้ได้รับความนิยมในอันดับที่ 2 ของตารางจัดอันดับเพลง โอริคอน ของประเทศญี่ปุ่น[9]

ต่อมา วันที่ 18 เมษายน อาซูกะ ฟูกูดะ ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ จากกลุ่มไปเพื่อทุ่มเทในกับการเรียนอย่างเต็มที่ โดยการสำเร็จการศึกษาของเธอในครั้งนั้น ทำให้เธอเป็นสมาชิกมอร์นิงมูซูเมะที่มีอายุการทำงานสั้นที่สุด คือ 2 ปี

กลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2542)

ในปีนี้ สึงกุได้ก่อตั้งกลุ่มนักร้องย่อยของมอร์นิงมูซูเมะขึ้นมาเป็นกลุ่มแรก โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า "ทัมโปโปะ" ซึ่งสมาชิกในกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกมอร์นิงมูซูเมะจำนวน 3 คน ได้แก่ คาโอริ อีดะ อายะ อิชิงูโระ และมาริ ยางูจิ โดยแนวเพลงของกลุ่มนี้มีจังหวะที่ช้าและมีเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าของมอร์นิงมูซูเมะ

วันที่ 12 พฤษภาคม มอร์นิงมูซูเมะเปิดตัวผลงานซิงเกิลชุดที่ห้าที่ชื่อ "มะนะสึโนะโคเซ็ง" ผลงานชิ้นนี้ประสบความสำเร็จในอันดับที่ 3[9] โดยมียอดจำหน่ายลดลงจากเพลงเมโมรี เซชุงโนะฮิกะริ ประมาณครึ่งหนึ่ง ต่อมา ในวันที่ 14 กรกฎาคม ทางกลุ่มได้เปิดตัวซิงเกิลชุดที่หกที่ชื่อ "ฟุรุซะโตะ" ออกมาอีกหนึ่งชุด โดยในเพลงฟุรุซะโตะที่อยู่ในซิงเกิลชุดนี้ นัตสึมิ อาเบะ ได้ร้องเอาไว้ในแนวเสียงหลักเกือบทั้งเพลง ส่วนสมาชิกคนอื่น ๆ ได้ร้องในแนวเสียงประสาน ซิงเกิลชุดนี้ประสบความสำเร็จในอันดับที่ 5[9] และมียอดจำหน่ายที่ลดลงมาประมาณครึ่งหนึ่งของชุดมะนะสึโนะโคเซ็ง

วันที่ 28 กรกฎาคม มอร์นิงมูซูเมะออกผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่สองโดยใช้ชื่อชุดว่า "เซคอนมอร์นิง" ในอัลบั้มชุดนี้ ได้มีการนำเพลงไดเตะ โฮลด์ออนมี! (เวอร์ชันรีมิกซ์) มะนะสึโนะโคเซ็ง (เวอร์ชันรีมิกซ์) เมโมรี เซชุงโนะฮิกะริ และฟุรุซะโตะ มาบันทึกไว้ด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน สึงกุได้จัดโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่สามขึ้น โดยมีเป้าหมายว่า จะต้องมีผู้ชนะเลิศจากโครงการนี้จำนวน 2 คน แต่ในที่สุดผู้ที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศมีเพียงคนเดียว นั่นคือ มากิ โกะโต ซึ่งในขณะนั้นเธอมีอายุ 13 ปี ซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม และได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘สาวน้อยมหัศจรรย์’ อีกด้วย[10]

ต่อมา ในวันที่ 9 กันยายน มอร์นิงมูซูเมะได้เปิดตัวผลงานซิงเกิลชุดที่เจ็ดที่ชื่อ "เลิฟแมชีน" ออกมา โดยผลงานชุดนี้สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้เกิน 1 ล้านชุดได้เป็นครั้งแรกและเป็นยอดจำหน่ายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่ม (ยอดจำหน่ายรวมทั้งหมดของเลิฟแมชีนเท่ากับ 1,646,630 ชุด[11])

ในช่วงเวลาดังกล่าว โกะโตได้ร่วมงานกับเค ยาซูดะ และซายากะ อิจิอิ ในกลุ่มนักร้องย่อยของมอร์นิงมูซูเมะกลุ่มที่สองที่ชื่อ "เพททีโมนิ" (หรือที่เรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า "พุคจิโมนิ") โดยซิงเกิลแรกของกลุ่มคือเพลง "โจกตโตะ เลิฟ" ซึ่งนำออกมาวางจำหน่ายหลังจากผลงานเลิฟแมชีนประสบความสำเร็จได้สามเดือน


พ.ศ. 2543

วันที่ 7 มกราคม อายะ อิชิงูโระ ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ จากกลุ่มเพื่อเข้าพิธีวิวาห์กับชินยะ ตำแหน่งกลองของวงเจ-ร็อกที่ชื่อว่า "ลูนาซี"[10] เป็นผลให้สมาชิกของกลุ่มเหลือทั้งสิ้น 7 คน

ต่อมา วันที่ 26 มกราคม มอร์นิงมูซูเมะได้เปิดตัวผลงานซิงเกิลชุดที่แปดที่ชื่อ "โคะอิโนะ แดนซ์ไซต์" ผลงานชุดนี้ประสบความสำเร็จในอันดับที่ 2[9] และมียอดจำหน่ายเกิน 1 ล้านชุด

วันที่ 29 มีนาคม ทางกลุ่มได้ออกผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ที่ชื่อ "เทิร์ด ~เลิฟแพราไดซ์~" โดยในอัลบั้มชุดนี้ได้บันทึกเพลงซิงเกิล "เลิฟแมชีน" และ "โคะอิโนะ แดนซ์ไซต์" เอาไว้ด้วย ผลงานชุดนี้สามารถสร้างยอดจำหน่ายรวมได้เกินกว่า 8 แสนชุด ซึ่งถือว่าเป็นยอดจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มของมอร์นิงมูซูเมะที่สูงที่สุดจนถึงทุกวันนี้

กลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2543)

หลังจากนั้น ในวันที่ 16 เมษายน มอร์นิงมูซูเมะได้เปิดตัวสมาชิกใหม่รุ่นที่สี่จำนวน 4 คน ประกอบด้วย ริกะ อิชิกาวะ ฮิโตมิ โยชิซาวะ โนโซมิ สึจิ และไอ คาโงะ[12] ซึ่งจากการเพิ่มขึ้นของสมาชิกรุ่นที่สี่นี้ ทำให้จำนวนรวมของสมาชิกทั้งหมดในขณะนั้นเท่ากับ 11 คน

วันที่ 17 พฤษภาคม ทางกลุ่มได้เปิดตัวซิงเกิลชุดที่เก้าที่ชื่อ "แฮปปีซัมเมอร์เวดดิง" ต่อมาไม่นาน ในวันที่ 21 พฤษภาคม ซายากะ อิจิอิ ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ ออกจากกลุ่มไปเพื่อทุ่มเทให้กับการทำงานด้านดนตรีในแบบของเธอเอง โดยหลังจากนั้น เธอได้เข้าร่วมกับวงดนตรี "คิวบิคครอสส์" ในฐานะของนักร้องนำ และได้เข้าพิธีวิวาห์กับนาโอกิ โยชิซาวะ เพื่อนร่วมวงคิวบิคครอสส์อีกด้วย

ด้วยเหตุที่อายะ อิชิงูโระ และซายากะ อิจิอิ 'สำเร็จการศึกษา' จากกลุ่มไป กลุ่มนักร้องย่อยทัมโปโปะและเพททีโมนิที่อดีตสมาชิกทั้งสองเคยสังกัดอยู่ จึงต้องเปลี่ยนแปลงตัวสมาชิก โดยการจัดให้ฮิโตมิ โยชิซาวะ เข้าร่วมกับกลุ่มเพททีโมนิ และไอ คาโงะ กับริกะ อิชิกาวะ เข้าร่วมกับกลุ่มทัมโปโปะ ขณะเดียวกัน มาริ ยางูจิ ไอ คาโงะ โนโซมิ สึจิ และมิกะ ทอดด์ นักร้องจากกลุ่ม "โคโคนัทส์มูซูเมะ" ก็ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของกลุ่มนักร้องย่อยกลุ่มใหม่ที่ชื่อ "มินิโมนิ" ซึ่งกลุ่มนักร้องกลุ่มนี้มีจุดประสงค์เพื่อเอาใจผู้ฟังอายุน้อย และมีการสร้างความจดจำด้วยการจำกัดความสูงของสมาชิกในกลุ่มไว้ไม่เกิน 150 เซนติเมตร (ประมาณ 5 ฟุต) เพลงซิงเกิลเพลงแรกของมินิโมนิมีชื่อว่า "มินิโมนิจังเค็มเปียวน์!" ซึ่งผลงานชิ้นนี้ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 1[9] ในตารางจัดอันดับเพลงของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ถัดมาหลังจากนั้น มอร์นิงมูซูเมะได้เปิดตัวซิงเกิลชุดที่สิบและสิบเอ็ดออกมา ได้แก่ "ไอวิช" (วันที่ 6 กันยายน) และ "เร็นไอ เรโวลูชัน 21" (วันที่ 13 ธันวาคม) ซึ่งผลงานทั้งสองนี้ ได้ช่วยกันสร้างแนวโน้มความนิยมในดนตรีประเภทป็อปสนุกสนานของประเทศญี่ปุ่น และทำให้เกิดมาตรฐานความนิยมในแบบของมอร์นิงมูซูเมะขึ้นมาอีกด้วย

นอกจากนั้น ในปีนี้ มอร์นิงมูซูเมะยังได้สร้างประเพณีการแสดงละครเวทีประจำปีของกลุ่มขึ้น โดยละครเวทีเรื่องแรกที่กลุ่มได้แสดงนั้นมีชื่อว่า "เลิฟเซนจูรี"

พ.ศ. 2544

กลุ่ม มอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2544)

วันที่ 31 มกราคม มอร์นิงมูซูเมะเปิดตัวผลงานอัลบั้มรวมเพลงชุดแรกที่มีชื่อว่า "เบสต์! มอร์นิงมูซูเมะ 1" ผลงานชุดนี้สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้ 2,259,510 ชุด[11] ซึ่งถือเป็นยอดการจำหน่ายอัลบั้มที่สูงที่สุดของสังกัดเฮลโล! โปรเจกต์ จนถึงทุกวันนี้ อัลบั้มชุดนี้บันทึกผลงานเพลงที่ผ่านมาของกลุ่มเอาไว้ 14 เพลง และเพลงใหม่ที่ชื่อ "เซย์เยห์! ~มตโตะ มิราเคิลไนท์~" อีก 1 เพลง

ต่อมา ในวันที่ 15 เมษายน ยูโกะ นากาซาวะ หัวหน้ากลุ่มในขณะนั้น ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ จากกลุ่มไป เพื่อทุ่มเทให้กับอาชีพศิลปินเดี่ยว ประกอบกับวัยและสภาพร่างกายของเธอที่เธอรู้สึกว่าถึงขีดจำกัดที่จะใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับกลุ่มแล้ว เป็นผลให้คาโอริ อีดะ และเค ยาซูดะ รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มร่วมแทนนากาซาวะทันที ในช่วงเวลาเดียวกัน ริกะ อิชิกาวะ ก็ได้รับการยืมตัวให้เป็นนักร้องประจำกลุ่มนักร้องชั่วคราวที่ชื่อ "คันทรีมูซูเมะ" อย่างไม่เป็นทางการ โดยอิชิกาวะได้ร่วมงานกับกลุ่มดังกล่าวในระยะสั้นเท่านั้น

วันที่ 25 กรกฎาคม ทางกลุ่มได้ออกผลงานซิงเกิลชุดที่ 12 ที่ชื่อ "เดอะพีซ!" ซิงเกิลเพลงนี้ผลิตออกมาอย่างจำกัดจำนวน โดยผู้ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง (เซ็นเตอร์) ของเพลงนี้คือ ริกะ อิชิกาวะ

ต่อมา มอร์นิงมูซูเมะก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่อีก 4 คนในฐานะสมาชิกรุ่นที่ 5 ที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการ เลิฟว์ออดิชัน 21 ซึ่งได้แก่ ไอ ทากาฮาชิ, อาซามิ คนโนะ, มาโกโตะ โองาวะ และริสะ นีงากิ[13]จากการคัดเลือกครั้งนี้ ทำให้สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มเพิ่มขึ้นมาเป็น 13 คน โดยเพลงซิงเกิลเปิดตัวของรุ่นนี้ คือเพลง มร.มูนไลท์ ~ไอโนะ บิกแบนด์~ (เพลงนี้มีฮิโตมิ โยชิซาวะ เป็นเซ็นเตอร์)

พ.ศ. 2545

กลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2545)

ปี พ.ศ. 2545 เป็นปีที่สมควรต่อการจดจำอีกปีหนึ่งสำหรับมอร์นิงมูซูเมะ เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่มากิ โกะโต ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ ออกไป และมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งสมาชิกในกลุ่มย่อยต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมาก โดยมีการโยกย้ายคาโอริ อีดะ, มาริ ยางูจิ และไอ คาโงะ ออกจากกลุ่มทัมโปโปะ เหลือเอาไว้แต่ริกะ อิชิกาวะ และได้ดึงเอาอาซามิ คนโนะ, ริสะ นีงากิ, และอายูมิ ชิบาตะ นักร้องจากกลุ่มย่อย เมลอนคิเน็มบิ เข้ามาแทนทั้งสามคนที่ออกไป (หลังจากการจัดตัวสมาชิกใหม่ครั้งนั้น ทัมโปโปะได้ออกซิงเกิลใหม่มาเพียงเพลงเดียวก่อนที่กลุ่มจะเข้าสู่สภาวะชะงักงันอย่างไม่มีกำหนด) อีกด้านหนึ่ง มาโกโตะ โองาวะ และอายากะ คิมูระ จากกลุ่มโคโคนัทส์มูซูเมะ ก็ได้รับเลือกให้มาแทนที่เค ยาซูดะ กับมากิ โกะโต ในกลุ่มย่อยเพททีโมนิ ซึ่งหลังจากนั้นมากลุ่มย่อยกลุ่มนี้ก็ไม่ได้สร้างงานเพลงซิงเกิลอีก มีเพียงแต่การแสดงคอนเสิร์ตเท่านั้นที่เป็นผลงานของกลุ่ม จนกระทั่งเฮลโล! โปรเจกต์ ได้ออกซีดีเพลงคอลเล็คชัน "เพททีเบสท์ 4" ขึ้นมา เพททีโมนิจึงได้ออกซิงเกิลใหม่ที่ชื่อ ว้าวว้าวว้าว และบันทึกลงไปในซีดีชุดนี้ด้วย

สำหรับกลุ่มมินิโมนิ มาริ ยางูจิ ก็ถูกแทนที่โดยไอ ทากาฮาชิ กลุ่มนี้ได้ออกงานอัลบั้มที่ 2 และผลงานซิงเกิลอีกจำนวนหนึ่ง จนกระทั่งมิกะ ทอดด์ สมาชิกในกลุ่ม ‘สำเร็จการศึกษา’ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 กลุ่มนี้จึงเข้าสภาวะชะงักงันไปอีกกลุ่มหนึ่ง

ในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ มอร์นิงมูซูเมะได้เปิดตัวเพลงซิงเกิล โซวดะ! เว'อร์ อไลฟว์ ออกมา เพลงนี้เป็นเพลงที่มีการรวมแนวดนตรีที่หลากหลายให้เข้ามาอยู่ในเพลงเพลงเดียว โดยผู้ที่ร้องในตำแหน่งเซ็นเตอร์ของเพลงนี้ได้แก่มาริ ยางูจิ ต่อมาในเดือนมีนาคม หลังจากที่รอมานาน 2 ปี อัลบั้มที่ 4 ของกลุ่มที่ชื่อ โฟร์ธ อิกิมัสโชอิ! ก็ออกมาสู่สาธารณชน อัลบั้มนี้เป็นงานอัลบั้มชิ้นแรกของมอร์นิงมูซูเมะที่สามารถคว้าอันดับ 1[9] ของชาร์ตโอริคอนได้ ภายในอัลบั้มนี้ ได้บรรจุเพลง เร็นไอ เรฟโวลูชัน 21 (เวอร์ชันผู้ร้อง 13 คน) , เดอะพีซ! (เวอร์ชันเต็มและยาวกว่าเดิม) , มร.มูนไลท์ ~ไอโนะ บิกแบนด์~ (เวอร์ชันมีเสียงพูดก่อนเริ่มเพลง) และ โซวดะ เว'อร์ อไลฟว์ ลงไปด้วย

ต่อจากนั้นมา มอร์นิงมูซูเมะได้ออกเพลงซิงเกิลมาอีก 2 เพลง ได้แก่เพลง ดูอิท! นาว (วางจำหน่ายเดือนกรกฎาคม) ซึ่งถือเป็นเพลงสุดท้ายของมากิ โกะโต และเพลง โคโกะนิอิรุเซ! (วางจำหน่ายเดือนตุลาคม) ที่เป็นอีกเพลงหนึ่งของกลุ่มที่คว้าอันดับ 1[9] ของชาร์ตโอริคอนมาครองได้

พ.ศ. 2546

กลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2546)

ในเดือนกุมภาพันธ์ มอร์นิงมูซูเมะได้ออกผลงานซิงเกิลที่ 17 ในชื่อ มอร์นิงมูซูเมะ โนะเฮียวก์โกริเฮียวตันจิมะ มา เพลงนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นเพลงที่นำกลับมาร้องใหม่ และเป็นเพลงแรกของกลุ่มที่สึงกุไม่ได้ประพันธ์เนื้อร้องให้ ต่อมาในเดือนเมษายน ทางกลุ่มได้ออกงานซิงเกิลมาอีกงานหนึ่ง ชื่อ แอสฟอร์วันเดย์ เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถขายได้ 129,893 ชุด[11] และได้รับอันดับที่ 1[9] ในชาร์ตเพลงโอริคอนด้วย

ก่อนหน้าที่มีการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 6 มอร์นิงมูซูเมะได้ออกอัลบั้มที่ 5 มา โดยใช้ชื่อชุดว่า "นัมเบอร์ไฟว์" อัลบั้มชุดนี้เป็นอัลบั้มสุดท้ายที่เค ยาซูดะ และนัตสึมิ อาเบะ มีส่วนร่วม ในขณะเดียวกัน มันก็ยังเป็นอัลบั้มชุดแรกที่นำอดีตสมาชิกของกลุ่มกลับมาร่วมงานด้วย (อดีตสมาชิกผู้นั้นคือ มากิ โกะโต เธอได้มาร่วมบันทึกเสียงในเพลง เยส! ป็อกกี้เกิร์ลส และ ซตสึเงียวโรวโกะ ที่อยู่ในอัลบั้มชุดนี้) ภายในอัลบั้มชุดนี้ประกอบไปด้วยเพลงซิงเกิลเพียง 2 เพลงเท่านั้นได้แก่ เพลง ดูอิท! นาว และ โคโกะนิอิรุเซ!

ต่อมา สมาชิกของมอร์นิงมูซูเมะรุ่นที่ 6 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ประกอบไปด้วย เอริ คาเมอิ, ซายูมิ มิจิชิเงะ และเรนะ ทานากะ ซึ่งหลังจากที่พวกเธอประสบความสำเร็จจากการปรากฏตัวผ่านรายการเพลงช่วงปีใหม่ที่ชื่อ โคฮากุอูตะกัสเซ็ง ก็มีคำสั่งให้เพิ่มตัวมิกิ ฟูจิโมโตะ ศิลปินเดี่ยวในสังกัดที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว เข้าไปเป็นสมาชิกรุ่นที่ 6 อีกคนหนึ่ง [10]

คอนเสิร์ตแรกของสมาชิกในรุ่นที่ 6 เป็นคอนเสิร์ต ‘สำเร็จการศึกษา’ ของเค ยาซูดะ หลังจากคอนเสิร์ตในครั้งนั้นเสร็จสิ้นลง สึงกุได้ประกาศว่ามอร์นิงมูซูเมะรุ่นที่ 6 นี้เป็นรุ่นแรกที่มีสมาชิกถึง 16 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งกลุ่มนักร้องผู้หญิงกลุ่มนี้ขึ้นมา

เพลงซิงเกิลเพลงแรกของสมาชิกรุ่นที่ 6 คือเพลง ชาบนดามะ ซิงเกิลเพลงนี้มีเนื้อร้องที่หาฟังได้ยากแต่ก็ยังผสมผสานไปด้วยการเต้นในแบบมอร์นิงมูซูเมะที่เห็นจนคุ้นตา

หลังจากที่เค ยาซูดะ ออกจากกลุ่มไป ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้ากลุ่มคนแรกคือมาริ ยางูจิ โดยขณะนั้นเธอยังได้รับหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนและผู้ช่วยให้กับนักร้องในสังกัด "เฮลโล! โปรเจกต์ คิดส์" อีกด้วย ซึ่งต่อมา เธอและนักร้องในสังกัดนี้อีก 5 คน ได้มาตั้งกลุ่มนักร้องอีกกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า ซิกซ์

ในช่วงปลายปีเดียวกัน มอร์นิงมูซูเมะได้ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม เพื่อเพิ่มจำนวนการเดินสายไปตามเมืองต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถรองรับการจัดงานแสดงของกลุ่ม/คณะศิลปินที่มีจำนวนสมาชิก 15 คนขึ้นไปได้

กลุ่มทั้งสองนี้มีชื่อว่า มอร์นิงมูซูเมะ ซากูระกูมิ และ มอร์นิงมูซูเมะ โอโตเมะกูมิ โดยกลุ่มซากูระกูมิจะเน้นสร้างเพลงที่มีจังหวะช้าและมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก สมาชิกในกลุ่มประกอบไปด้วย นัตสึมิ อาเบะ, มาริ ยางูจิ, ฮิโตมิ โยชิซาวะ, ไอ คาโงะ,ไอ ทากาฮาชิ, ริสะ นีงากิ, อาซามิ คนโนะ และเอริ คาเมอิ ส่วนกลุ่มโอโตเมะกูมินั้น จะเน้นไปที่เพลงป็อปที่มีจังหวะเร็ว โดยสมาชิกในกลุ่มประกอบไปด้วย คาโอริ อีดะ, ริกะ อิชิกาวะ, โนโซมิ สึจิ, มาโกโตะ โองาวะ, มิกิ ฟูจิโมโตะ, ซายูมิ มิจิชิเงะ และเรนะ ทานากะ

กลุ่มย่อยทั้งสองได้สร้างซิงเกิลออกมากลุ่ม 2 เพลง ได้แก่เพลง ฮาเระ อาเมะ โนจิ ซูกิ กับ ซากูระมังไก ของกลุ่มซากูระกูมิ และเพลง ไอโนะโซโนะ ~ทัชมายฮาร์ท!~ กับ ยูโจว ~โคโกโระโนะบูซุนิวะนาระเน!~ ของกลุ่มโอโตเมะกูมิ

มอร์นิงมูซูเมะปิดท้ายปีนี้ด้วยเพลงซิงเกิลที่ชื่อ โกเกิร์ล ~โคอิโนะ วิคทอรี~ เพลงนี้พิเศษตรงที่มีจำนวนผู้ร้องมากที่สุดเท่าที่ตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา

พ.ศ. 2547

กลุ่ม มอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2547)

เดือนมกราคม นัตสึมิ อาเบะ (ผู้มีฉายาว่า “ใบหน้าแห่งมอร์นิงมูซูเมะ (the face of Morning Musume) ”) ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ ไป เพื่อที่จะเข้าสู่สายอาชีพศิลปินเดี่ยวอีกคนหนึ่ง ผลงานซิงเกิลสุดท้ายที่เธอได้ร่วมร้องคือเพลง ไออาราบะ อิสท์ออลไรท์

หลังจากนั้น มอร์นิงมูซูเมะก็ออกซิงเกิลมาอีก 2 เพลง ได้แก่ โรมัน ~มายเดียร์บอย~ (ซิงเกิลที่ 22) และ โจชิคาชิมาชิโมโนงาตาริ (ซิงเกิลที่ 23) โดยเพลงหลังได้มีการนำมาสร้างใหม่อีกสองครั้งในชื่อ "โจชิคาชิมาชิโมโนงาตาริ 2" และ "โจชิคาชิมาชิ โมโนงาตาริ 3" ซึ่งได้รับการบันทึกลงในงานอัลบั้มที่ 6 และที่ 7 ด้วย

ต่อมาในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ก็ตามมาด้วยการ ‘สำเร็จการศึกษา’ ของสมาชิกรุ่นที่ 4 อีกสองคน นั่นคือโนโซมิ สึจิ และไอ คาโงะ เพื่อที่จะทำงานในกลุ่มนักร้องคู่ของทั้งสองที่มีชื่อว่า ดับเบิลยู ได้อย่างเต็มที่

ช่วงกลางปีนี้ มีการวางจำหน่ายอัลบั้มรวมเพลงชุดที่ 2 ของมอร์นิงมูซูเมะชื่อ เบสท์! มอร์นิงมูซูเมะ 2 ในอัลบั้มนี้มีการเพิ่มเพลง ยาห์! ไอชิไต ซึ่งเป็นเพลงที่สร้างขึ้นใหม่ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับชุด เบสท์! มอร์นิงมูซูเมะ 1 แล้ว อัลบั้มชุดนี้ยังถือว่าได้รับความนิยมน้อยกว่า

ต่อมา ได้มีการจัดโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 7 ขึ้น โดยโครงการนี้ใช้ชื่อว่า ลัคกีเซเว็น เพื่อจะทำให้เกิดความน่าจดจำแก่สมาชิกรุ่นที่ 7 ที่กำลังจะมาถึง นอกจากนั้นแล้วยังเป็นเพราะว่า การคัดเลือกรอบแรกในครั้งนี้ถูกจัดขึ้น 7 แห่งในประเทศญี่ปุ่น และปีนี้ยังถือเป็นปีที่ 7 ตั้งแต่มอร์นิงมูซูเมะถูกก่อตั้งขึ้นมาอีกด้วย โดยผลการคัดเลือกในรอบแรก มีผู้ผ่านเข้ารอบทั้งสิ้น 6 คนด้วยกัน [10]

การคัดเลือกครั้งนี้ สึงกุได้ออกมาตั้งความหวังและคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่เอาไว้ในระดับที่สูงมาก โดยคนคนนั้นจะต้องมีฝีมืออยู่ในระดับชั้นหนึ่ง หรือที่ตัวเขาเรียกว่า เอซ (ace) ในแบบที่เขานิยามเอาไว้เท่านั้น

เดือนพฤศจิกายน มอร์นิงมูซูเมะได้ออกงานซิงเกิล นามิดะกะโทมาราไนโฮวกาโงะ มาอีกหนึ่งเพลง โดยเพลงนี้ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกที่มีความสามารถทางด้านการร้องเพลงน้อยอย่างซายูมิ มิจิชิเงะ และอาซามิ คนโนะ มาร่วมร้องด้วย หลังจากนั้นไม่นาน ทางกลุ่มก็ได้ออกผลงาน "มอร์นิงมูซูเมะ เออร์ลีซิงเกิลบอกซ์" มาใหม่ งานชิ้นนี้เป็นชุดซีดีเพลง 9 แผ่น โดยรวมเอาเพลงซิงเกิล 8 เพลงแรกของกลุ่มกับเพลงพิเศษของแต่ละซิงเกิลเอาไว้ ประกอบกับซีดีคาราโอเกะของเพลงที่มีชื่อเสียงบางเพลงจากปีที่เพิ่งผ่านมาด้วย

ในเดือนธันวาคม ได้มีการออกอัลบั้มที่ 6 ชื่อ ไอโนได 6 คัง มา ภายในนั้นได้บรรจุเพลงซิงเกิลไว้ 3 เพลง ได้แก่ โรมัน ~มายเดียร์บอย~, โจชิคาชิมาชิโมโนงาตาริ และ นามิดะกะโทมาราไนโฮวกาโงะ อัลบั้มชุดนี้เป็นงานชุดสุดท้ายของไอ คาโงะ, โนโซมิ สึจิ, คาโอริ อีดะ, มาริ ยางูจิ และริกะ อิชิกาวะ ในฐานะสมาชิกของมอร์นิงมูซูเมะ

พ.ศ. 2548

หลังจากที่เปิดคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 7 เมื่อปีก่อน ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2548 สึงกุก็ได้ออกมาประกาศว่า ทั้ง 6 คนจากโครงการลัคกีเซเว็น ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นสมาชิกใหม่ได้เลย เนื่องจากไม่มีผู้ใดที่มีคุณสมบัติถึงขั้น 'เอซ' ที่เขาตั้งไว้แม้แต่คนเดียว [14]

ในวันที่ 30 ของเดือนเดียวกัน คาโอริ อีดะ ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งคนสุดท้าย ก็ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ ไป เพื่อที่จะหันไปสร้างผลงานในฐานะของศิลปินเดี่ยว จึงทำให้มาริ ยางูจิได้รับตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มคนใหม่ และฮิโตมิ โยชิซาวะ ได้รับตำแหน่งเป็นรองหัวหน้ากลุ่มคนต่อมา ซิงเกิลสุดท้ายของอีดะคือเพลง เดอะแมนพาวเวอร์!!! ซึ่งได้ถูกนำมาใช้เป็นเพลงหลักของทีมเบสบอลญี่ปุ่นที่ชื่อ โทโฮกุรากูเต็ง โกลเดนอีเกิลส์ ด้วย [15]

ไฟล์:มอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2548).jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2548)

ในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน ทางต้นสังกัดได้เริ่มการคัดเลือกสมาชิกในรุ่นที่ 7 อีกครั้ง โดยเขาได้กล่าวไว้ว่า การคัดเลือกครั้งนี้ ตัวเขาตั้งใจจะตามหา 'เอซ' คนต่อไปเช่นเดิม และผลได้ปรากฏว่า โคฮารุ คูซูมิ สาวน้อยวัย 12 ปี (ในขณะนั้น) เป็นผู้เดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกในรุ่นที่ 7 ของมอร์นิงมูซูเมะ ในฐานะที่เธอเป็นผู้ที่มีความ 'มหัศจรรย์' ที่สุดที่จะมาเป็นตัวแทนของสมาชิกรุ่นใหม่

ต่อมาในวันที่ 14 เมษายน มาริ ยางูจิ ได้ประกาศปลดตัวเองจากมอร์นิงมูซูเมะ และจะหันไปเอาดีจากการเป็นศิลปินเดี่ยว สาเหตุใหญ่มาจากรูปที่เธอถูกถ่ายคู่กับนักแสดงชายคนหนึ่งในวันที่ 10 ของเดือนเดียวกัน ซึ่งรูปนี้กำลังจะถูกนำไปเผยแพร่ผ่านทางหนังสือแนวซุบซิบนินทาคนดังของญี่ปุ่นชื่อ ฟรายเดย์! ในวันที่ 15 เธอจึงต้องออกมาแถลงข่าวว่าตัวเธอเองนั้นไม่เหมาะสมที่จะเป็นแบบอย่างให้กับมอร์นิงมูซูเมะได้อีกแล้ว เธอจึงรับผิดชอบโดยการสมัครใจออกจากกลุ่มไป ซี่งจากสาเหตุจำเพาะเช่นนี้เอง งานฉลองการ ‘สำเร็จการศึกษา’ ของเธอจึงไม่เกิดขึ้นเหมือนกับอดีตสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่ม เป็นผลให้ในวันที่ 15 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ฮิโตมิ โยชิซาวะ รองหัวหน้ากลุ่มได้ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มแทนยางูจิ และมิกิ ฟูจิโมโตะ ได้รับเลือกให้เป็นรองหัวหน้ากลุ่มคนต่อมา

ไม่กี่วันหลังจากที่ยางูจิออกจากกลุ่มไป ในวันที่ 27 เมษายน โอซากะโคอิโนะอูตะ ซิงเกิลที่ 26 ของกลุ่มก็ได้ออกวางจำหน่าย โดยในเพลงนี้ยังมีเสียงของยางูจิร่วมร้องอยู่ด้วยแม้ว่าจะปลดตัวเองออกไปแล้วก็ตาม สาเหตุเนื่องจากว่าทางผู้สร้างไม่มีเวลาที่จะนำเพลงนี้มาบันทึกเสียงและรีมิกซ์ใหม่นั่นเอง เนื้อเพลงเพลงนี้ถูกเขียนออกมาให้ร้องแบบสำเนียงโอซากะ ซิงเกิลเพลงนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของริกะ อิชิกาวะ ก่อนที่จะ ‘สำเร็จการศึกษา’ จากมอร์นิงมูซูเมะไปในวันที่ 7 พฤษภาคม เพื่อที่จะเป็นหัวหน้าของกลุ่มนักร้อง 3 คนที่ชื่อ วี-ยู-เด็ง (กลุ่มนักร้องสามคนของเฮลโล! โปรเจกต์ ซึ่งเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า บิยูเด็ง) อย่างเต็มที่

ซิงเกิลแรกของโคฮารุ คูซูมิ คือเพลง อิรปโปอิจิเร็ตไต เพลงนี้วางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม และสามารถสร้างรายได้มากที่สุดในบรรดาซิงเกิลอื่น ๆ ของกลุ่มที่ผลิตออกมาในปีนี้ทั้งหมด นอกจากนั้นการโปรโมทเพลง ๆ นี้ ยังได้รับความร่วมมือกันจากเมือง 3 เมืองในญี่ปุ่นมาช่วยโปรโมทอีกด้วย ต่อมา ทางกลุ่มก็ได้ออกงานซิงเกิลมาอีกหนึ่งเพลง ชื่อว่า จกกัง 2 ~โนงาชิตะซากานะวะโอกีโซะ!~ เพลงนี้เกิดจากการนำเพลงที่อยู่ในอัลบั้มที่แล้วกลับมาทำใหม่ โดยในตอนแรกจะตั้งชื่อเพลงนี้ว่า โคอิวะฮัสโซว ดูเดอะฮัสเซิล! แต่สุดท้ายก็ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้น และแยกเพลงโคอิวะฮัสโซว ดูเดอะฮัสเซิล! ให้เป็นอีกเพลงหนึ่ง ซิงเกิลนี้ถือเป็นงานซิงเกิลชิ้นสุดท้ายประจำปีนี้ของกลุ่ม

วันที่ 31 ธันวาคม สมาชิกที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วซึ่งได้แก่ คาโอริ อีดะ, นัตสึมิ อาเบะ, มาริ ยางูจิ, ยูโกะ นากาซาวะ, ไอ คาโงะ, โนโซมิ สึจิ, ริกะ อิชิกาวะ, มากิ โกะโต และเค ยาซูดะ ได้กลับมาร่วมกันแสดงคอนเสิร์ตในเพลงเลิฟว์แมชีน ซึ่งเป็นเพลงหลักของกลุ่ม ผ่านทางรายการโคฮากุอูตะกัสเซ็ง ฉบับปี 2005/2006[16] โดยการแสดงครั้งนี้ถือว่าเป็นการแสดงครั้งแรกของมาริ ยางูจิ หลังจากที่ลากลุ่มมอร์นิงมูซูเมะไปเป็นเวลา 8 เดือนครึ่ง

พ.ศ. 2549

ไฟล์:มอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2549).jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2549)

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2549 ได้มีการประกาศให้มอร์นิงมูซูเมะชนะรางวัล คานากาวะ อิมเมจอัพ ในฐานะที่เฮลโล! โปรเจกต์ ให้การสนับสนุนโครงการรณรงค์ต่อต้านมลภาวะ โดยฮิโตมิ โยชิซาวะ, มิกิ ฟูจิโมโตะ และไอ ทากาฮาชิ เป็นตัวแทนของกลุ่มที่ได้ขึ้นรับรางวัลในครั้งนั้น

เดือนกุมภาพันธ์ มอร์นิงมูซูเมะก็ได้ออกอัลบั้มที่ 7 มาโดยใช้ชื่อชุดว่า "เรนโบว์ 7" ผลงานนี้เป็นงานอัลบั้มชิ้นแรกของโคฮารุ คูซูมิ และเป็นชิ้นสุดท้ายของอาซามิ คนโนะ และมาโกโตะ โองาวะ ก่อนที่จะ 'สำเร็จการศึกษา' ออกไปด้วย ภายในอัลบั้ม ได้มีการบันทึกเพลงซิงเกิล "เดอะแมนพาวเวอร์!!!", "โอซากะโคอิโนะอูตะ", "อิรปโปอิจิเร็ตไต" และ "จกกัง 2 ~โนงาชิตะซากานะวะโอกีโซะ!~ (เวอร์ชันรีมิกซ์) " เอาไว้ (แต่ในรายชื่อของผู้ร้องนั้น ไม่ได้มีชื่อของคาโอริ อีดะ, ริกะ อิชิกาวะ และมาริ ยางูจิ ซึ่งได้ร่วมร้องเอาไว้ในเพลงเหล่านี้ รวมอยู่) นอกจากนั้นยังมีเพลงใหม่ 3 เพลงที่ร้องโดยสมาชิกบางคนในรูปแบบคู่หรือกลุ่มย่อยอีกด้วย

เดือนมีนาคม เพลงซิงเกิล เซ็กซีบอย ~โซโยะคาเซะนิโยริซตเตะ~ ก็ได้ออกวางจำหน่ายและประสบความสำเร็จพอสมควร ซิงเกิลเพลงนี้เป็นเพลงที่ใช้ท่าเต้นแบบพาระพาระประกอบ ซึ่งเป็นการเต้นที่ง่ายที่จะหัดเต้นตาม

วันที่ 23 กรกฎาคม อาซามิ คนโนะ ได้ ‘สำเร็จการศึกษา’ จากกลุ่มไป เพื่อที่จะใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย โดยคอนเสิร์ตส่งท้ายของเธอคือคอนเสิร์ต เฮลโล! โปรเจกต์ 2006 ซัมเมอร์ ~วันเดอร์ฟูลฮาร์ทสแลนด์~ และต่อมา มาโกโตะ โองาวะ เพื่อนร่วมรุ่น ก็ ‘สำเร็จการศึกษา’ ไปอีกคนในวันที่ 27 สิงหาคม เพื่อที่จะเดินทางไปเรียนด้านภาษาในต่างประเทศ ทั้งสองได้ออกจากกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะไปในทันทีหลังการ ‘สำเร็จการศึกษา’ โดยที่โองาวะจะกลับเข้ามาสู่เฮลโล! โปรเจกต์ อีกครั้ง หลังจากจบการศึกษาในต่างประเทศแล้ว[17] แต่สำหรับคนโนะ เธอจะหมดสัญญากับทางต้นสังกัดเฮลโล! โปรเจกต์ ไปอย่างสิ้นเชิง

เพลงซิงเกิลสุดท้ายที่คนโนะและโองาวะได้ฝากเสียงเอาไว้คือเพลง แอมบิเชียส! ยาชิมเตกิเดะอีจัง เพลงนี้ได้รับการเรียบเรียงโดยใช้จังหวะแบบพาระพาระอีกครั้งหนึ่ง และเนื่องจากเพลงนี้เป็นงานซิงเกิลเพลงที่ 30 ของมอร์นิงมูซูเมะพอดี ทางผู้สร้างจึงได้ผลิตซีดีจำนวนจำกัดที่บรรจุเพลงพิเศษความยาว 30 นาที โดยเป็นเพลงที่นำเอาซิงเกิลทั้ง 30 เพลงของกลุ่มมารีมิกซ์รวมกันหมด

ช่วงกลางปีนี้ มอร์นิงมูซูเมะได้เปิดการแสดงละครเวทีเรื่อง ริบบงโนะคิชิ โดยมีไอ ทากาฮาชิ มารับบทหลัก ส่วนบทบาทรองลงมานั้น เป็นของสมาชิกในสังกัดเดียวกันคนอื่น ๆ ในการแสดงแต่ละรอบนั้น จะปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตซึ่งถือเอาว่าเป็น "คอนเสิร์ตสำเร็จการศึกษา" ของมาโกโตะ โองาวะ เสมอ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากว่า ในคอนเสิร์ตใหญ่ประจำปีของมอร์นิงมูซูเมะ วันเดอร์ฟูลฮาร์ทส 2006 นั้น ถูกใช้เป็นคอนเสิร์ตสำเร็จการศึกษาของอาซามิ คนโนะ ไปแล้วนั่นเอง (แต่ในนาทีสุดท้ายของคอนเสิร์ตครั้งนั้น โองาวะก็ได้มาร่วมอำลาด้วย) ผลงานเพลงที่ใช้ในละครเวทีเรื่องนี้ได้ถูกนำมาจำหน่ายในรูปของอัลบั้มที่ชื่อ "ริบบงโนะคิชิ: เดอะมิวสิเคิลซองซีเล็คชัน"

ต่อมา ในรายการเฮลโล! มอร์นิง ที่ออกอากาศในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมปีเดียวกัน ได้มีการประกาศชื่อผู้ที่ได้เป็นสมาชิกใหม่รุ่นที่ 8 ออกมา เธอคนนั้นคือ ไอกะ มิตสึอิ สาวน้อยวัย 13 ปี (ในขณะนั้น) จากจังหวัดชิงะ[18]

เพลงซิงเกิลสุดท้ายของกลุ่มในปีนี้คือเพลง อารูอิเตรุ เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนสามารถขึ้นไปติดชาร์ตเพลงอันดับที่ 1 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีครึ่ง[9] (เพลงซิงเกิลของกลุ่มเพลงสุดท้ายที่ได้รับอันดับที่ 1 คือเพลง แอสฟอร์วันเดย์) นอกจากนั้นแล้ว สึงกุยังได้นำเพลงนี้ไปร้องใหม่ในแนวร็อกในนามของวงชารัม คิว ด้วย

ในเดือนธันวาคม มอร์นิงมูซูเมะได้ออกผลงานมินิอัลบั้มที่ชื่อ "7.5 ฟูยุฟูยุมอร์นิงมูซูเมะ มินิ!" มาเป็นครั้งแรก ในอัลบั้มนี้ได้บรรจุเพลง อารูอิเตรู และเพลงใหม่อีก 5 เพลงที่ร้องแบบเดี่ยวและกลุ่มย่อย ๆ

พ.ศ. 2550

ไฟล์:มอร์นิงมูซูเมะ 2-2550.jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2550)

ช่วงต้นปีนี้ ได้มีการสร้างกลุ่มพิเศษขึ้นมาในชื่อ มอร์นิงมูซูเมะ ทันโจ 10 เน็งคิเน็นไต เพื่อใช้ในการฉลองครบรอบ 10 ปีแห่งการก่อตั้งมอร์นิงมูซูเมะ โดยสมาชิกของกลุ่มนี้ประกอบด้วย คาโอริ อีดะ นัตสึมิ อาเบะ มากิ โกะโต ริสะ นีงากิ และโคฮารุ คูซูมิ โดยการจัดตัวสมาชิกเช่นนี้ก็เพื่อที่จะจำลองให้เหมือนสมาชิกของกลุ่มในรุ่นก่อตั้งที่มีอายุระหว่าง 13 ถึง 24 ปีและมีจำนวน 5 คนเหมือนกัน พร้อมกันนี้ ทางกลุ่มได้ออกงานเพลงซิงเกิลที่ชื่อ โบกูระกะอิกิรุ มายเอเชีย[19] มาอีกหนึ่งเพลง โดยผลงานชิ้นนี้มีเนื้อหาที่ตั้งใจจะพาผู้ฟังให้รำลึกถึงจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของกลุ่มนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว[20][21]

เดือนกุมภาพันธ์ ทางกลุ่มได้ออกผลงานซิงเกิล เอะงะโอะเยสนูด มาอีก 1 เพลง โดยเพลงนี้ถือเป็นผลงานชิ้นแรกของไอกะ มิตสึอิ ในนามมอร์นิงมูซูเมะ และยังเป็นบทเพลงที่ทำให้นึกถึงเพลงเก่า ๆ ของกลุ่มในช่วงรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 อีกด้วย ซิงเกิลเพลงนี้ ถึงแม้ว่าทำยอดขายได้พอ ๆ กับเพลง อะรุอิเตะรุ ก็ตาม แต่ก็ยังทำได้ดีที่สุดที่อันดับ 4 ของชาร์ตโอริคอนเท่านั้น[9]

วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม สึงกุได้ออกมาเปิดเผยผ่านทางเทปบันทึกรายการเฮลโล! มอร์นิง ว่า เขาจะประกาศข่าวสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับมอร์นิงมูซูเมะต่อผู้ชมในเทปบันทึกภาพรายการนี้ที่จะฉายในครั้งต่อไป ซึ่งไม่กี่วันต่อจากนั้น (วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม) ก็ได้มีข่าวประกาศออกมาว่า มอร์นิงมูซูเมะได้รับสมาชิกใหม่ในรุ่นที่ 8 จากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คน ได้แก่ หลี่ ฉุน และเฉียน หลิน[22] โดยทั้งสองคนนี้จะมาเข้าร่วมกับกลุ่มในฐานะของ "นักเรียนแลกเปลี่ยน" ทางด้านสึงกุนั้น ก็ได้กล่าวถึงพวกเธอว่า สมาชิกทั้งสองนี้จะสามารถเป็นกุญแจสำคัญสำหรับแผนการของเขาที่จะขยายมอร์นิงมูซูเมะให้กลายเป็นกลุ่มนักร้องที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งทวีปเอเชีย

วันพุธที่ 21 มีนาคม ได้มีการวางจำหน่ายอัลบั้มเพลงที่ 8 ของกลุ่มโดยใช้ชื่อว่า "เซ็กซี 8 บีท" ซึ่งอัลบั้มนี้จะเป็นผลงานอัลบั้มแรกของไอกะ มิตสึอิ และเป็นอัลบั้มสุดท้ายของฮิโตมิ โยชิซาวะ ในฐานะของมอร์นิงมูซูเมะ โดยเพลงที่อยู่ในอัลบั้มนี้จะมีทั้งเพลงซิงเกิลที่ได้รับการโปรโมทไปแล้วอย่างเพลง อารูอิเตรุ, เองาโอะ เยส นู๊ด, เซ็กซีบอย ~โซโยกาเซะนิโยริซตเตะ~ และ แอมบิเชียส! ยาชินเตกิเดะอีจัง และเพลงอื่น ๆ ที่ทางกลุ่มสร้างขึ้นมาใหม่ด้วย

ช่วงปลายเดือนเมษายน ได้มีการเปิดตัวเพลงซิงเกิลลำดับที่ 33 ของกลุ่มที่ชื่อ คานาชิมิ ทไวไลท์[23] แนวของเพลงนี้แตกต่างไปจากเพลงก่อน ๆ ของมอร์นิงมูซูเมะอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นระดับเสียงที่ดัง มีการเรียบเรียงทำนองแบบร็อก และมีเนื้อร้องที่เกรี้ยวกราดพอ ๆ กับเพลงชาบนดามะ

หลังจากที่คานาชิมิ ทไวไลท์ ประสบความสำเร็จ ในวันอังคารที่ 1 พฤษภาคม มอร์นิงมูซูเมะติดทำเนียบกลุ่มนักร้องหญิงที่สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวน 11,085,000 ชุดด้วยกัน โดยความสำเร็จครั้งนี้เป็นการทำลายสถิติของกลุ่มพิงค์เลดีที่มียอดขายรวมสูงสุดอยู่ที่ 11,037,000 ชุด[24]

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม ฮิโตมิ โยชิซาวะ ได้สำเร็จการศึกษาจากกลุ่มอย่างเป็นทางการ โดยที่เธอได้ขึ้นแสดงคอนเสิร์ตในฐานะของสมาชิกมอร์นิงมูซูเมะเป็นครั้งสุดท้ายในการทัวร์คอนเสิร์ตประจำปีภาคฤดูใบไม้ผลิ ท่ามกลางผู้ชมกว่า 30,000 คน ณ ไซตามะซูเปอร์อารีนา จังหวัดไซตามะ บ้านเกิดของเธอ ซึ่งผู้ที่รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มแทนโยชิซาวะก็คือ มิกิ ฟูจิโมโตะ ส่วนผู้ที่เป็นรองหัวหน้ากลุ่มคนต่อไปก็คือ ไอ ทากาฮาชิ ซึ่งทั้งสองเริ่มต้นหน้าที่ดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม นอกจากนั้น คอนเสิร์ตครั้งนี้ยังเป็นเวทีเปิดตัวต่อสาธารณชนในฐานะของสมาชิกมอร์นิงมูซูเมะเป็นครั้งแรกของหลี่ ฉุน และเฉียน หลินอีกด้วย[25][26]

แต่ในวันศุกร์ที่ 1 มิถุนายนปีเดียวกัน ด้วยระยะเวลาเพียง 26 วัน ไอ ทากาฮาชิ ก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มเป็นคนถัดมา เนื่องจากมิกิ ฟูจิโมโตะ ตัดสินใจปลดตัวเองออกจากมอร์นิงมูซูเมะในวันเดียวกันนั้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะของหัวหน้ากลุ่มกับการที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวกับศิลปินตลกโทะโมะฮะรุ โชจิ[27] โดยผู้ที่มารับตำแหน่งรองหัวหน้ากลุ่มต่อจากทากาฮาชิก็คือริสะ นีงากิ[28][29] (จากเหตุการณ์นี้ทำให้ฟูจิโมโตะเป็นหัวหน้ากลุ่มของมอร์นิงมูซูเมะที่มีระยะเวลาในตำแหน่งสั้นที่สุด คือ 26 วันเท่านั้น และยังเป็นหัวหน้ากลุ่มคนที่สองที่ปลดตัวเองออกจากกลุ่มต่อจากมาริ ยางูจิ อีกด้วย)

วันที่ 25 กรกฎาคม ได้มีการวางจำหน่ายเพลงซิงเกิลเพลงที่ 34 ของกลุ่ม ที่มีชื่อว่า "อนนะนิซะจิอะเระ" ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเพลงซิงเกิลเพลงนี้ถือเป็นผลงานเพลงเปิดตัวของหลี่ ฉุน และเฉียน หลิน

วันที่ 26 ตุลาคม ไอ ทากาฮาชิ ริสะ นีงากิ และโคฮารุ คูซูมิ ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อโปรโมทอัลบั้มรวมเพลงซิงเกิล "มอร์นิงมูซูเมะออลซิงเกิลส์คอมพลีท ~เท็นท์แอนนิเวอร์ซารี~" (Morning Musume All Singles Complete ~10th Anniversary!) ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม[30] ในโอกาสนี้ ทากาฮาชิและนีงากิยังได้ไปปรากฏตัวในรายการวิทยุของเกาหลีใต้ที่ชื่อ "เมย์บีส์เทิร์นอัปเดอะวอลุม" (메이비의 볼륨을 높여요) ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษอีกด้วย

วันที่ 21 พฤศจิกายน มอร์นิงมูซูเมะวางจำหน่ายผลงานอัลบั้มซิงเกิลที่ 35 ชื่อว่า "มิกัง" ผลงานชิ้นนี้ถือเป็นผลงานอัลบั้มซิงเกิลที่สร้างยอดจำหน่ายได้น้อยที่สุดของกลุ่ม และเป็นอัลบั้มซิงเกิลชิ้นแรกในรอบ 10 ปีที่ไม่สามารถติด 1 ใน 5 อันดับแรกของตารางจัดอันดับเพลงโอริคอนได้

พ.ศ. 2551

ไฟล์:ResonantBluePromo.jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2551)

ในปีนี้ ทางกลุ่มได้วางจำหน่ายผลงานเพลงซิงเกิล 2 เพลง ได้แก่ "เรโซแนนต์บลู" (Resonant Blue) วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 16 เมษายน และ "เปปเปอร์เคบุ" (ペッパー警部) วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 กันยายน สำหรับ "เรโซแนนต์บลู" ในความเป็นจริงมีกำหนดที่จะวางจำหน่ายก่อนหน้านั้น แต่ต้องเลือกออกมาเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับตารางการทำงานของกลุ่ม ผลงานชุดนี้สามารถเปิดตัวสัปดาห์แรกเป็นอันดับที่ 2 ของตารางจัดอันดับโอริคอน และมียอดจำหน่ายสัปดาห์แรกที่ดีกว่า "มิกัง" ซิงเกิลก่อนหน้านั้น อยู่ 20,004 ชุด ส่วน "เปปเปอร์เคบุ" นั้น เป็นการนำเอาเพลงเปิดตัวของวง พิงก์เลดี เมื่อปี พ.ศ. 2519 กลับมาร้องใหม่ ซิงเกิลชุดนี้ถือเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจากด้านรายได้จาก "เรโซแนนต์บลู" โดยสามารถติดอันดับที่ 3 ของโอริคอน

สำหรับงานการแสดงคอนเสิร์ต ปีนี้มอร์นิงมูซูเมะได้เดินทางไปเปิดแสดงคอนเสิร์ตในไต้หวันไทเปนันกังเอกซิบิชันฮอล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2551 ซึ่งถือเป็นคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมอร์นิงมูซูเมะที่แสดงนอกประเทศญี่ปุ่น

วันที่ 5 เมษายน ไอกะ มิตสึอิ ได้มีอาการปวดท้องขึ้นมา หลังจากจบคอนเสิร์ตที่ ฮาชิโอจิ ซิติเซนฮอล เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน และต้องพักถึง 2สัปดาห์ ซึ่งทำเธอไม่ได้ร่วมขึ้นแสดงคอนเสิร์ตในวันที่ 12-13 เมษายน

ในด้านการแสดง ไอ ทากาฮาชิ เอริ คาเมอิ เรนะ ทานากะ และซายูมิ มิจิชิเงะ ได้รับเลือกให้แสดงในละครเพลงเรื่อง "โอะจิกิ 30 ดีกรีส์" โดยแสดง ณ โรงละครชินจุกุ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์2 มีนาคม และทางกลุ่มยังได้แสดงละครเพลงเรื่อง "ซินเดอเรลลา" ร่วมกับคณะละครหญิงทะกะระซุกะ เป็นจำนวน 33 รอบ เมื่อวันที่ 6 - 25 สิงหาคม และในปีนี้นับเป็นปีแรกที่ทางกลุ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกใดๆทั้งสิ้น

และในปีนี้เองทางค่ายได้ยุติการออกอากาศรายการ เบอรี่คิว! และ ฮาโลโมนิ@ และได้ทดแทนด้วยรายการ โยโรเซน! ซึ่งออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 6 ตุลาคม ปีเดียวกัน

พ.ศ. 2552

ไฟล์:NanchatteRenaiPromo.jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2552)

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ มอร์นิงมูซูเมะได้มีการวางจำหน่ายผลงานซิงเกิลที่ 38 มีชื่อว่า "นาอิเชา กาโม" หลังจากนั้น ในวันที่ 18 มีนาคม ทางกลุ่มก็ได้ออกอัลบั้มที่ 9 โดยใช้ชื่อว่า "แพลทินัม 9 ดิสค์" ซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้ายที่โคฮารุ คูซูมิมีส่วนร่วม ซึ่งภายในอัลบั้มมีผลงานซิลเกิล 5 เพลงด้วยกัน

มอร์นิงมูซูเมะได้ออกผลงานซิงเกิลที่ 39 "โชกาไน ยูเมะ โออิบิโตะ" ในวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งซิงเกิลนี้สามารถคว้าอันดับที่ 1 ในตารางจัดอันดับเพลงโอริคอนอีกครั้ง ซึ่งห่างจากผลงานซิงเกิลอันดับที่1ครั้งล่าสุดอย่าง "อะรุอิเตะรุ" ไปถึง 3 ปีทีเดียว และยังเป็นผลงานซิงเกิลอันดับที่ 1 ครั้งแรก ของสมาชิกรุ่นที่ 8 อีกด้วย และ3.2.1 เบรกกิน'เอาท์ เพลงในซิงเกิลนี้ ได้เป็นเพลงประจำงาน เอนิเมะ เอ็กซ์โป 2009 ที่เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนี่ย มอร์นิ่งมูซูเมะก็ได้เข้าร่วมงานและขึ้นแสดงอีกด้วย ซึ่งเป็นการแสดงสดครั้งแรกในทวีปอเมริกาเหนือ (ไม่นับรวมแฟนคลับทัวร์ที่ฮาวาย)

หลังจากที่ โชกาไน ยูเมะโออิบิโตะประสบความสำเร็จ มอร์นิ่งมูซูเมะก็ได้วางจำหน่ายผลงานถัดมา มีชื่อว่า นันจัตเตะ เรนไอ ในวันที่ 12 สิงหาคม และด้วยซิงเกิลนี้เป็นผลงานลำดับที่ 40 ของกลุ่ม จึงได้มีการจัดจำหน่ายซีดีปกพิเศษเนื่องในโอกาสมีผลงานครบ 40 ซิงเกิลอีกด้วย ซึ่งผลงานชุดนี้ได้รับความนิยมในอันดับที่ 2 และยังทำรายได้เปิดตัวสูงสุดในขณะนั้นนับตั้งแต่ผลงานซิลเกิล อิรปโปอิจิเร็ตไต ในปี พ.ศ. 2548 โดยทำรายได้ไปทั้งหมดกว่า 70,000 ชุด

หลังจากนั้น ในวันที่ 28 ตุลาคม มอร์นิ่งมุซเมะก็ได้วางจำหน่าย คิมากุเระ ปรินเซส ผลงานซิงเกิลลำดับที่ 41 ซึ่งเป็นครั้งแรกของมอร์นิ่งมุซุะเมะ ที่ได้มีการจำหน่ายซีดีที่มีปกแตกต่างกันทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งในแบบสุดท้าย ได้คละปกทั้งหมด 10 แบบด้วยกัน ซึ่งทางกลุ่มได้เคยมีปกลักษณะแบบนี้มาแล้วในซิงเกิล แอมบิเชียส! ยาชิมเตกิเดะอีจัง

ในช่วงปลายปี โคฮารุ คุซุมิ สมาชิกรุ่นที่เจ็ดได้ "สำเร็จการศึกษา" เพื่อที่จะไปเอาดีทางด้านการแสดง ซึ่งเป็นเวลากว่าสองปีที่ไม่มีสมาชิกคนใดสำเร็จการศึกษา นับตั้งแต่ โยชิซาว่า ฮิโตมิ สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2550

พ.ศ. 2553

ไฟล์:Morningmusume 2553.jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2553)

มอร์นิงมูซูเมะวางจำหน่ายผลงานซิงเกิลลำดับที่ 42 โออึนกะเมดะเตะ นาเซะอิเคไน ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นไม่นาน สตูดิโออัลบั้มที่ 10 เท็น มายเมะ ก็ได้วางจำหน่ายในวันที่ 17 มีนาคม

ช่วงกลางปี มอร์นิงมูซูเมะได้วางจำหน่ายผลงานซิงเกิลที่ 43 คือ เซย์ชุน คอลเล็กชั่น ในวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งซิงเกิลนี้ได้เป็นเพลงประจำละครเวทีของมอร์นิงมูซูเมะที่มีชื่อว่า แฟชั่นเนเบิ้ล หลังจากมอร์นิงมูซูเมะได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน เจแปน เอ็กซ์โป 2010 ที่ เมืองปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มอร์นิงมูซูเมะแสดงสดในยุโรป และเพลงประจำงานคือเพลง โทโมะ ซึ่งเป็นเพลงในซิงเกิลนี้อีกด้วย

ในวันที่ 8 สิงหาคม สึงกุ ได้ประกาศในกลางงานคอนเสิร์ตว่า สมาชิกรุ่นที่ 6 เอริ คาเมอิ และสมาชิกรุ่นที่ 8 หลี่ ฉุน เฉียน หลิน จะ'สำเร็จการศึกษา' จากมอร์นิงมูซูเมะหลังจากจบคอนเสิร์ตทัวร์ประจำฤดูใบไม้ผลิ โดยสึงกุให้เหตุผลว่า เอริ คาเมอิ ต้องการรักษาโรคภูมิแพ้ผิวหนังที่เธอเผชิญอยู่ ส่วนเฉียน หลิน และหลี่ ฉุนนั้นจะกลับไปเป็นนักร้องและนักแสดงที่ประเทศจีน เป็นครั้งแรกที่มีสมาชิกในกลุ่มสำเร็จการศึกษาพร้อมกันถึง 3 คน ทำให้มอร์นิงมูซูเมะเหลือสมาชิกเพียง 5 คน เท่ากับสมาชิกในรุ่นก่อตั้ง และ สึงกุยังได้ประกาศประกาศรับสมัครโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 9 ขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เว็บไซต์ที่เป็นทางการ ก็ได้ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้ว่า ผู้ที่เข้ารับการคัดเลือกต้องมีอายุระหว่าง 10 ถึง 17 ปี ทำให้มีผู้มาสมัครกว่า 9,000 คน

ผลงานสุดท้ายที่ เอริ คาเมอิ หลี่ ฉุน เฉียน หลินได้มีส่วนร่วมคือ โออึนนะโตะโอโตโกะโนะ ลัลลาบายเกมส์ ซิงเกิลที่ 44 ของมอร์นิงมูซูเมะ ซึ่งวางจำหน่ายในวันที่ 24 พฤศจิกายน และ แฟนตาซี จูอิจิ สตูดิโออัลบั้มที่ 11 วางจำหน่ายในวันที่ 1 ธันวาคม หลังจากที่ทำกิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว ทั้ง 3 คน ก็ได้สำเร็จการศึกษาในวันที่ 15 ธันวาคม

ในปีนี้ได้มีการจัดตั้ง กลุ่มพิเศษ ซึ่งเป็นการกลับมารวมตัวอีกครั้งของอดีตสมาชิกมอร์นิงมูซูเมะ คือ ยูโกะ นากาซาวะ คาโอริ อีดะ เค ยาซูดะ มาริ ยางูจิ ริกะ อิชิกาวะ ฮิโตมิ โยชิซาวะ มาโกโตะ โองาวะ มิกิ ฟูจิโมโตะ และโคฮารุ คูซูมิซึ่งทั้งหมดได้ทำกิจกรรมภายในชื่อ ดรีม มอร์นิงมูซูเมะ และได้วางจำหน่ายอัลบั้มที่มีชื่อว่า โดริมุซุ 1 มีเพลงใหม่บรรจุลงในอัลบั้ม 2 เพลง และเพลงเก่าของมอร์นิงมูซูเมะอีกด้วย

พ.ศ. 2554

ไฟล์:Morningmusume 2554.jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2554)

ในวันที่ 2 มกราคม สึงกุได้เปิดตัวผู้ชนะในโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 9 ทั้งหมด 3 คน ได้แก่ อิคุตะ เอรินะ ริโฮะ ซายาชิ คานอน ซุซุกิ และสึงกุ ยังได้ประกาศให้ มิสุกิ ฟุกุมุระ สมาชิก ฮัลโล! โปร เอกก์ส ได้ข่าวร่วมเป็น สมาชิกมอร์นิงมูซูเมะ ทำให้สมาชิกรุ่นที่ 9 มีทั้งหมด 4 คน หลังจากนั้นเพียง 1 อาทิตย์ ไอ ทากาฮาชิ ได้ประกาศจบการศึกษาจากมอร์นิงมูซูเมะ และ เฮลโล! โปรเจ็กต์ ซึ่งเธอทำกิจกรรมในฐานะมอร์นิงมูซูเมะและสำเร็จการศึกษาจนถึงเดือนกันยายน และในวันนั้นยังได้มีการประกาศโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 10 อีกด้วยผลงานชิ้นแรกที่สมาชิกรุ่นที่ 9 มีส่วนร่วมคือ ซิงเกิล เมจิเดสสุกะ สกา! ผลงานซิงเกิลที่ 45 ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายเดิม ในวันที่ 23 มีนาคม แต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในญี่ปุ่น ในช่วงก่อนวันวางจำหน่าย จึงได้เลื่อนวันวางจำหน่ายเป็นวันที่ 6 เมษายน และซิงเกิลนี้ยังได้รับอันดับที่ 5 ในตารางจัดอันดับ โอริคอน ชาร์ตอีกด้วย

ในวันที่ 15 มิถุนายน ผลงานซิงเกิลที่ 46 ก็ได้วางจำหน่าย ซึ่งมีชื่อว่า อนลี่ ยู ซึ่งได้มีการจำหน่ายรูปแบบปกทั้งหมด 5 ปกด้วยกัน และซิงเกิลนี้ได้อันดับที่ 4 ในตารางจัดอันดับ โอริคอนชาร์ต ต่อมา ในวันที่ 8 พฤษภาคม โครงการคัดเลือสมาชิกรุ่นที่ 10 ก็ได้เปิดรับสมัคร โดยมีชื่อโครงการว่า "เก็งกิจิรุชิ" โดยเปิดรับสมัครผู้เข้าคัดเลือกจนถึงวันที่ 13 มิถุนายน ทำให้แฟนคลับประหลาดใจกันมาก เพราเพียงแค่ 4 เดือน นับตั้งแต่ต้อนรับสมาชิกรุ่นที่ 9 ก็มีโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 10 อีกครั้ง

ในเดือนกันยายน ผลงานซิงเกิลที่ 47 ของมอร์นิงมูซูเมะ ที่มี่ชื่อว่า โคโนะชิกิวโนะเฮย์วะโวฮงกิเดะเนะกะเตะรันดาโย! ได้วางจำหน่ายในวันที่ 12 กันยายนซึ่งเป็นผลงานซิงเกิลสุดท้าย ที่ ไอ ทากาฮาชิ ได้มีส่วนร่วม เพื่อเป็นการใหเกียรติหลังจากที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกมอร์นิงมูซูเมะมา 10 ปี จึงเป็นครั้งแรกที่มอร์นิงมูซูเมะออกผลงานแบบซิงเกิลคู่ โดยโปรโมทเพลงในซิงเกิลนี้ทั้งหมด 2 เพลง ด้วยกัน และได้มีการจำหน่ายรูปแบบปกทั้งหมด 5 ปกด้วยกัน ซึ่งในแบบที่ 2 หรือ (limited B) ได้มีการบรรจุเพลงเดี่ยวของ ไอ ทากาฮาชิ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเพลงสำเร็จการศึกษาของเธอ ซึ่งมีชื่อเพลงว่า "จิชินโมตเตะ ยูเมะโวะ โทบิทัตสุคาระ และยังเป็นครั้งแรกที่มอร์นิงมูซูเมะได้มีการบรรจุเพลงที่มีสมาชิกร้องคนเดียวลงในซิงเกิลอีกด้วย ซิงเกิลนี้ได้อันดับที่ 2 ในตารางจัดอันดับ โอริคอนชาร์ต

ไอทากาฮาชิ สำเร็จการศึกษาในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งคอนเสิร์ตสำเร็จการศึกษาของเธอได้จัดขึ้นใน นิปปงบุโดกัง และในวันที่ 29 กันยายน ก่อนวันสำเร็จการศึกษาของเธอ สึงกุได้ประกาศผู้ชนะโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 10 ทั้งหมด 4 คนได้แก่ ฮารุนะ อิคุโบะ อายูมิ อิชิดะ มาซากิ ซาโตะ และฮารุกะ คุโด้ ซึ่งเป็นสมาชิก ฮัลโล! โปร เอกก์ส ทำให้มอร์นิงมูซูเมะ มีสมาชิกทั้งหมด 12 คน (ไม่นับรวม ไอ ทากาฮาชิ) ซึ่งมีจำนวนสมาชิกมากที่สุด นับหลังจากที่ คาโอริ อีดะ สมาชิกรุ่นแรก จบการศึกษาไปในปี พ.ศ. 2548 หลังจาก ไอ ทากาฮาชิสำเร็จการศึกษาไป ผู้ที่มารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มแทนคือ ริสะ นีงากิ เพื่อนร่วมรุ่นของเธอ ทำให้ริสะ นีงากิเป็นสมาชิกมอร์นิงมูซูเมะยาวนานที่สุด และเป็นสมาชิกคนแรกที่เข้าร่วมกลุ่มจากการเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม จนได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม ส่วนรองหัวหน้ากลุ่ม ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ ซายูมิ มิจิชิเงะ

วันที่ 12 ตุลาคม สตูดิโออัลบั้มที่ 12 ก็ได้วางหน่าย มีชื่อว่า ทเวลฟ์ สมาร์ท

พ.ศ. 2555

ไฟล์:Morning-Musume One-Two-Three.jpgกลุ่มมอร์นิงมูซูเมะ (พ.ศ. 2555)

ในวันที่ 2 นีงากิ ริสะ หัวหน้ากลุ่มคนปัจจุบัน ได้ประกาศ 'สำเร็จการศึกษา' จาก มอร์นิงมูซูเมะ โดยเธอจะทำกิจกรรมในฐานะมอร์นิงมูซูเมะไปจนถึงสิ้นสุดคอนเสิร์ตประจำฤดูใบไม้ผลิ ในวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ นิปปงบุโดกัง ก่อนหน้านั้นเธอมีแผนที่จะสำเร็จการศึกษาพร้อมกันกับ ไอ ทากาฮาชิ เพื่อนร่วมรุ่นของเธอ แต่เธอได้ตัดสินใจที่จะทำกิจกรรมในฐานะมอร์นิงมูซูเมะต่อไป เพื่อที่จะได้ดูแลสมาชิกรุ่นที่ 10

ผลงานเปิดตัวสมาชิกรุ่นที่10 คือผลงานซิงเกิลลำดับที่ 48 เปียวโกะ เปียวโกะ อุลตรา ได้วางจำหน่ายในวันที่ 25 มกราคม และยังถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบละคร ชูกากุ โจชิ กากุเอ็น ซึ่งแสดงโดย ศิลปินในสังกัด เฮลโล! โปรเจกต์ แต่ซิงเกิลนี้ไม่ประสบผลสำเร็จในด้านยอดขายเท่าไหร่นัก โดยเป็นผลงานซิลเกิลที่สร้างยอดขายได้ต่ำที่สุดของมอร์นิงมูซูเมะ ซึ่งทำได้เพียง 34,050 แผ่นเท่านั้น

ผลงานซิงเกิลลำดับที่ 49 มีชื่อว่า เรนไอ ฮันเตอร์ วางจำหน่ายในวันที่ 11 เมษายน เป็นผลงานสุดท้ายที่ นีงากิ ริสะ มีส่วนร่วม ในซิงเกิลได้บรรจุเพลงเดี่ยวของเธอ ซึ่งมีชื่อว่า เอกะโอนิ นามิดะ ซึ่งเป็นเพลงที่เรียบเรียงใหม่ จากผลงานของ อายะ มัตสึอุระ ซิงเกิลนี้ได้อันดับที่ 3 จากตารางจัดอันดับ ซึ่งซิงเกิลนี้ทำให้มอร์นิงมูซูเมะทำลายสถิติป็นกลุ่มนักร้องหญิงกลุ่มแรกที่ในระยะเวลา 10 ปีติดต่อกัน ที่สามารถออกเพลงซิงเกิลมาแล้วติดชาร์ตโอริคอนได้ภายใน 10 อันดับแรกทั้งหมดทุกเพลงอีกด้วย หลังจากนั้นไม่นาน ไอกะ มิตสึอิ ก็ได้ประกาศ'จบการศึกษา' ในวันที่ 4 พฤษภาคม เนื่องจากอาการเจ็บที่เท้าซ้ายของเธอ โดยเธอจะสำเร็จการศึกษาพร้อมกันกับ นีงากิ ริสะ ในคอนเสิร์ตประจำฤดูใบไม้ผลิ และในวันสำเร็จการศึกษาของทั้งคู่ ซายูมิ มิจิชิเงะก็ได้ประกาศว่าเธอจะรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มคนต่อไป และในวันนั้นก็ได้มีการประกาศโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 11 ซึ่งมีชื่อโครงการว่า "ซัพพิน อุตะฮิเมะ" โดยจะประกาศผลในวันที่ 25 มิถุนายน

ในวันที่ 4 กรกฎาคม ผลงานซิงเกิลที่ 50 ก็ได้วางจำหน่าย เป็นอีกครั้งที่มอร์นิงมูซูเมะออกผลงานซิงเกิลคู่ โดยใช้ชื่อซิงเกิลว่า วัน•ทู•ทรี/เดอะ มาเทนโรโชว และสามารถสร้างยอดขายภายในวันแรกได้ทั้งหมด 56,139 แผ่น ซิงเกิลนี้มีรูปแบบปกทั้งหมด 7 แบบด้วยกัน ความพิเศษของซิงเกิลนี้คือ ในแต่ละรูปแบบจะมีเพลงบรรจุแตกต่างกันไป เช่น ใน "รูปแบบ เอ และ บี" ได้บรรจุเพลงที่ขับร้องโดย ซายุมิ มิจิชิเงะ และเรนะ ทานากะ "รูปแบบ ซี และ ดี" ได้ได้บรรจุเพลงที่ขับร้องโดยสมาชิกรุ่นที่ 9 "รูปแบบ อี และ เอฟ" ได้ได้บรรจุเพลงที่ขับร้องโดยสมาชิกรุ่นที่ 10 ซิงเกิลนี้ได้อันดับที่ 3 ในตารางจัดอันดับ และประสบความสำเร็จ โดยสามารถสวร้างยอดขายกว่า 100,000 แผ่น ภายในสัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย ซึ่งเป็นผลงานแรกนับตั้งแต่ ซิงเกิล โคะโกะ นิ อิรุเซ! ที่วางจำหนายในพ.ศ. 2545 ที่สามารถสร้างยอดขายเกิน 100,000 แผ่น ภายในสัปดาห์แรก

วันที่ 12 กันยายน สตูดิโออัลบั้มที่ 13 มีชื่อว่า 13 คัลเลอร์ฟูล คาแร็กเตอร์ ก็ได้วางจำหน่าย

วันที่ 14 กันยายน โปรดิวซ์เซอร์ สึงกุ ได้ประกาศผู้ชนะจากโครงการคัดเลือกสมาชิกรุ่นที่ 11 ได้แก่ ซากุระ โอดะ ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับคัดเลือก จากผู้สมัครทั้งหมดกว่า 7,000 คน และจาก 6 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ทำให้เธอเป็น คนที่ 3 ในมอร์นิงมูซูเมะ ที่ได้รับคัดเลือกเพียงคนเดียว ซึ่งที่ผ่านมี มากิ โกะโต(สมาชิกรุ่นที่ 3) โคฮารุ คุซุมิ(สมาชิกรุ่นที่ 7) ก็ได้รับคัดเลือกเพียงคนเดียวเช่นกัน

ผลงานซิงเกิลที่ 51 มีชื่อว่า วะกุเตะกะ เทคอะเชนจ์ ได้วางจำหน่ายในวันที่ 10 ตุลาคม ซิงเกิลนี้อยู่ในอันดับที่ 3 จากตารางจัดอันดับโอริคอนชาร์ต ในวันที่ 20 สิงหาคม อายูมิ อิชิดะ ได้รับการบาดเจ็บที่หัวเข่า ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บเป็นเวลา 1 เดือน ส่งผลให้เธอไม่ได้มีส่วนร่วมในการถ่ายทำมิวสิกวิดิโอ (เวอร์ชันแด๊นซ์ช็อต) ในภายหลังได้มีการถ่ายทำมิวสิกวิดิโออีกครั้ง หลังจากเธอหายจากอาการบาดเจ็บ

วันที่ 18 พฤศจิกายน เรนะ ทานากะ ได้ประกาศ'สำเร็จการศึกษา' โดยเธอจะทำกิจกรรมในฐานะมอร์นิงมูซูเมะจนถึงคอนเสิร์ตประจำฤดูใบไม้ผลิภายในปีหน้า

ใกล้เคียง

มอร์นิงมูซูเมะ มอร์นิงคอฟฟี มอร์นิงมุซุเมะ ทันโจ 10 เน็งคิเน็นไต มอร์นิงมูซูเมะโอโตเมงูมิ มอร์นิงมูซูเมะซากูรางูมิ มอร์นิงซูน มอร์ฟีน มอร์ทัลคอมแบต มอร์เบียส (ภาพยนตร์) มอร์แกน ชเนแดร์แล็ง