แผนกสหรัฐอเมริกา ของ มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์

มูลนิธิได้ให้เงินบริจาคในหัวข้อดังต่อไปนี้

การยุติการบริจาคเพื่อทำแท้ง

เมลินดา เกตส์ได้กล่าวว่า มูลนิธิ "ได้ตัดสินใจที่จะไม่ให้ทุนในการทำแท้ง"[99]เมื่อถามถึงการตัดสินใจในเรื่องนี้ เมลินดาได้กล่าวในบล็อกเดือนมิถุนายน 2557 ว่า เธอ "ได้ขบคิดหาทางในประเด็นนี้" และว่า"การคุยกันเรื่องการทำแท้งที่มักจะเร้าอารมณ์และเต็มไปด้วยความรู้สึกส่วนตัว ได้เริ่มขัดขวางมติที่มีร่วมกัน (ของผู้ทำงาน) เกี่ยวกับการช่วยชีวิตโดยการวางแผนครอบครัว"[99]คือจนกระทั่งถึงปี 2557 มูลนิธิได้ให้เงินบริจาคแก่ Planned Parenthood ซึ่งเป็นองค์กรทำแท้งหลักของสหรัฐอเมริกา และแก่องค์กรที่เกี่ยวข้องกันอื่น ๆ[100]

ห้องสมุด

ในปี 2540 มูลนิธิได้เริ่มโครงการริเริ่มสำหรับห้องสมุดในสหรัฐอเมริกาที่มีเป้าหมายว่า "ถ้าคุณสามารถไปห้องสมุดได้ คุณก็จะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้" ตามสถิติแล้ว คนแค่ 35 เปอร์เซ็นต์ในโลกสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้[101]มูลนิธิได้ให้เงินช่วยเหลือ ติดตั้งคอมพิวเตอร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และให้การฝึกและการสนับสนุนทางเทคนิค โดยร่วมมือกับห้องสมุดสาธารณะทั่วประเทศ เพื่อที่จะเพิ่มการเข้าถึงและความรู้[101]ต่อมา มูลนิธิได้บริจาค 12.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 397 ล้านบาท) แก่ Southeastern Library Network เพื่อช่วยเหลือห้องสมุดในรัฐลุยเซียนาและมิสซิสซิปปี เป็นรัฐติดชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเกิดความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาและพายุเฮอร์ริเคนริต้า

การศึกษา

การดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษาของมูลนิธิในสหรัฐที่สำคัญด้านหนึ่งก็คือ การยกเครื่องนโยบายการศึกษาของประเทศในสถาบันการศึกษาระดับประถม มัธยมและมหาวิทยาลัย รวมทั้งการสนับสนุนการประเมินครู การสนับสนุนโรงเรียน charter (ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐแต่ไม่ได้ดำเนินการโดยรัฐ) และการต่อต้านการเลิกจ้างครูตามความอาวุโสและนโยบายอื่น ๆ ในระบบการศึกษาที่สหภาพครูมักจะสนับสนุน[102]มูลนิธิได้ให้เงินบริจาค 373 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12,805 ล้านบาท) เกี่ยวกับการศึกษาในปี 2552[102]และยังให้เงินบริจาคกับสหภาพครูที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่งในประเทศ[102]มูลนิธิเป็นผู้สนับสนุนเบื้องต้นที่ใหญ่ที่สุดในโครงการ Common Core State Standards Initiative คือการมีมาตรฐานเดียวกันในรัฐต่าง ๆ ว่า นักเรียนที่จบการศึกษาแต่ละชั้นเรียนควรจะรู้อะไร[102]

เป้าหมายของมูลนิธิอย่างหนึ่งก็คือการลดความยากจนโดยเพิ่มจำนวนผู้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐ และมูลนิธิได้ให้ทุนในโครงการ "จินตนาการใหม่ในการออกแบบและให้ความช่วยเหลือ (Reimagining Aid Design and Delivery)" แก่องค์กรผู้เชี่ยวชาญ (think tank) และองค์กรสนับสนุนนโยบาย เพื่อที่จะสร้างไอเดียเพื่อเปลี่ยนระบบการช่วยเหลือการศึกษาของรัฐบาลกลางแก่นักศึกษามหาวิทยาลัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราผู้จบการศึกษา[103][104]วิธีการหนึ่งที่มูลนิธิได้พยายามเพิ่มจำนวนผู้จบการศึกษาก็คือให้สามารถเรียนผ่านมหาวิทยาลัยได้เร็วขึ้น แต่ว่า ไอเดียนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรมหาวิทยาลัยต่าง ๆ[105]โดยเป็นส่วนของการสนับสนุนการศึกษา มูลนิธิได้ให้ทุนกับนักข่าว องค์กรผู้เชี่ยวชาญ องค์กรวิ่งเต้นกับรัฐบาล และรัฐบาลต่าง ๆ โดยที่เงินเป็นล้าน ๆ ดอลลาร์ที่ให้แก่สำนักงานข่าว ได้สนับสนุนการออกข่าวการศึกษาทุกระดับ รวมทั้งเงินทุน 1.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 44 ล้านบาท) ที่ให้แก่สมาคมนักเขียนเกี่ยวกับการศึกษา (Education Writers Association) เพื่อสนับสนุนการศึกษาและการฝึกอบรมให้แก่นักข่าวการศึกษา[106]

แม้ว่าผู้ไม่เห็นด้วยจะวิตกกังวลการที่มูลนิธิได้ชี้แนวทางการพูดคุยเรื่องปัญหาการศึกษา หรือการแสดงความคิดเห็นของมูลนิธิผ่านสื่อมวลชน มูลนิธิได้กล่าวว่า องค์กรได้แสดงรายชื่อของผู้ที่ได้รับบริจาคทั้งหมด และไม่ได้มีการบังคับสิ่งที่รายงาน โดยผู้รับบริจาคมีอิสรภาพในการเขียนและในด้านบรรณาธิการ[102][106][107]ส่วนนักปฏิบัติการของสหภาพครูในนครชิคาโกได้กล่าวหาองค์กรที่ได้รับเงินบริจาคจากมูลนิธิ ที่เป็นองค์กรจัดตั้งขึ้นโดยครูใหม่ ๆ และโดยผู้ขัดแย้งนโยบายการเลิกจ้างครูตามอาวุโส ว่าออกบทความปิดบังทุนที่ได้ทำให้เหมือนว่าเป็นบทความแสดงความเห็นในระดับรากหญ้า[102]และก็มีผู้มีอาชีพในด้านการศึกษา ผู้ปกครอง และนักวิจัยบางพวกที่ไม่เห็นด้วยกับโปรแกรมปรับปรุงสถาบันการศึกษาของมูลนิธิ เพราะมีการชี้ทางกระบวนการพูดคุยในประเด็นปัญหา ในระดับที่อาจจะลดความสำคัญของนักวิจัยที่ไม่สนับสนุนแนวคิดเดียวกับมูลนิธิ[103]

นโยบายต่าง ๆ ที่มูลนิธิได้สนับสนุนรวมทั้งโรงเรียนที่เล็ก, charter school, และ การเพิ่มจำนวนนักเรียนในชั้นเรียน เป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายสูงและทำให้เกิดความแตกแยก แต่งานศึกษาบางงานกลับแสดงว่า เป็นนโยบายที่ไม่ช่วยปรับปรุงผลการศึกษาและอาจมีผลลบ[108][109]ส่วนงานศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายงานที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่มีการทบทวนโดยผู้รู้เสมอกันพบว่า charter school ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพของนักเรียนเทียบกับโรงเรียนปกติ[110][111]

ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงการศึกษาที่สนับสนุนโดยมูลนิธิรวมทั้งการปิดโรงเรียนในพื้นที่ที่ไม่มีประสิทธิภาพ สนับสนุน charter school ที่ดำเนินการโดยเอกชนแล้วใช้คะแนนที่ได้จากการทดสอบมาตรฐานเพื่อประเมินความก้าวหน้าของนักเรียน ครู และโรงเรียนและจ่ายเงินเดือนให้ครูขึ้นอยู่กับคะแนนสอบที่นักเรียนของตนได้ผู้ไม่เห็นด้วยยังเชื่ออีกด้วยว่า มูลนิธิมีอิทธิพลต่อนโยบายการศึกษาของรัฐมากเกินไปโดยที่ไม่ต้องตอบสนองและรับผิดชอบต่อประชาชน[108][112][113]และกล่าวว่า มูลนิธิไม่มองความสัมพันธ์ระหว่างความยากจนกับความสำเร็จทางการศึกษาที่ต่ำ และดูถูกครูเนื่องจากความสำเร็จต่ำของนักเรียนยากจนอย่างไม่ยุติธรรมและกล่าวว่า มูลนิธิควรจะดำเนินการในเรื่องปัญหาความยากจนและรายได้ขั้นต่ำพอที่จะประทังชีวิตได้ แทนการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่ยังไม่ได้ตรวจสอบและไม่มีหลักฐานทางประสบการณ์ที่สนับสนุน[114]ผู้ไม่เห็นด้วยกล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงที่สนับสนุนโดยมูลนิธิเช่นการเพิ่มการใช้เทคโนโลยีในการศึกษา อาจจะให้ผลประโยชน์ทางการเงินแก่บริษัทไมโครซอฟท์และแก่ครอบครัวของเกตส์[103][115][116][117][118]

งานริเริ่มทางการศึกษาของมูลนิธิรวมทั้ง

  • การสนับสนุนโรงเรียนที่เล็กลง - มูลนิธิอ้างว่า นักเรียน 1 ใน 5 ไม่สามารถอ่านและเข้าใจเนื้อความ และนักเรียนแอฟริกันอเมริกันและเชื้อสายลาตินอเมริกาจบจากไฮสกูลโดยมีทักษะเทียบเท่ากับที่นักเรียนมัธยมต้นจะพึงมี[119] มูลนิธิได้ให้ทุนเกินกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,972 ล้านบาท) เพื่อสร้างโรงเรียนขนาดเล็ก ลดอัตรานักเรียนต่อครู และแบ่งไฮสกูลใหญ่ ๆ ออกเป็นส่วน ๆ เป็นแบบโรงเรียนภายในโรงเรียน[119]
  • มหาวิทยาลัยคอร์เนล คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ (Faculty of Computing and Information Science) ได้รับเงินบริจาค 25 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 880 ล้านบาท) จากมูลนิธิเพื่อสร้างอาคารใหม่ ซึ่งจะได้ชื่อว่า อาคารบิลและเมลินดาเกตส์ (Bill and Melinda Gates Hall) โดยค่าก่อสร้างคาดว่าน่าจะถึง 60 ล้านดอลลาร์ การก่อสร้างเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2555 และเปิดใช้อาคารเมื่อเดือนมกราคม 2557[120]
  • มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน - มูลนิธิบริจาค 20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 755 ล้านบาท) ให้แก่คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างอาคารใหม่มีชื่อว่า ศูนย์วิทยาการคอมพิวเตอร์เกตส์ (Gates Center for Computer Science)[121] ซึ่งเปิดใช้เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2552[122]
  • สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ส่วนของอาคารหนึ่ง (Ray and Maria Stata Center) รู้จักกันว่าตึกเกตส์ (Gates Tower) เพื่อให้เกียรติว่าได้รับทุนส่วนหนึ่งจากมูลนิธิ
  • ทุนการศึกษา D.C. Achievers Scholarships - มูลนิธิประกาศวันที่ 22 มีนาคม 2550 ว่าจะให้ทุนการศึกษา 122 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,932 ล้านบาท) เพื่อส่งนักเรียนที่ยากจนที่สุดในเขตวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นร้อย ๆ ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย[123]
  • ทุนการศึกษา Gates Cambridge Scholarships มูลนิธิบริจาค 210 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,082 ล้านบาท) ในเดือนตุลาคม 2543 เพื่อช่วยนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่มีความสามารถนอกสหราชอาณาจักรเพื่อให้เรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ทุกปี มีนักศึกษาที่ได้รับทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 100 คน[124]
  • ทุนการศึกษา Gates Millennium Scholars มีมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 52,787 ล้านบาท) ให้สำหรับนักศึกษาชนกลุ่มน้อยที่เก่งทั้งในเรื่องการศึกษาและความเป็นผู้นำ และมีความจำเป็นในการได้รับความช่วยเหลือ[125]
  • NewSchools Venture Fund มูลนิธิบริจาคทุน 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,056 ล้านบาท) เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถบริหาร charter school ได้มากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมนักเรียนเข้าสู่สาขาวิชาในมหาวิทยาลัยและอาชีพที่มีบุคลากรน้อย
  • Strong American Schools - วันที่ 25 เมษายน 2550 มูลนิธิร่วมมือกับ Eli and Edythe Broad Foundation สัญญาเงินทุน 60 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,930 ล้านบาท) ร่วมกันเพื่อจะสร้างโปรเจ็กต์ Strong American Schools เพื่อรณรงค์ให้ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐปี 2551 รวมการศึกษาเข้าในประเด็นการหาเสียงเลือกตั้งของตน[126]
  • Teaching Channel - มูลนิธิประกาศในเดือนกันยายน 2554 การบริจาค 3.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 107 ล้านบาท) เพื่อเริ่มบริการหลายระบบที่ส่งวิดีโอฝึกอาชีพให้ครูทางอินเทอร์เน็ต ทางโทรทัศน์สื่อมวลชน ทางโทรทัศน์ผ่านสายเคเบิล และทางสื่อดิจิตัลอื่น ๆ[127] ปัจจุบันชุมชนมีสมาชิกประมาณ 840,000 คน เป็นครู ผู้บริหารโรงเรียน ครูฝึกกีฬา และเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนอื่น ๆ[128]
  • The Texas High School Project - เป็นโปรเจ็กต์มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการเรียนจบไฮสกูลของนักเรียนในรัฐเท็กซัส โดยมูลนิธิได้กำหนดงบประมาณ 84.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,977 ล้านบาท) เริ่มตั้งแต่ปี 2546 โดยพุ่งความสนใจไปที่โรงเรียนและเขตที่มีความต้องการสูงทั่วทั้งรัฐ โดยเน้นเขตเมืองและเขตชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก[129]
  • University Scholars Program - มูลนิธิได้บริจาคเงิน 20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 827 ล้านบาท) เพื่อตั้งทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเก่าของเมลินดา เกตส์ คือ มหาวิทยาลัยดุ๊ก[130] โปรแกรมนี้ให้ทุนการศึกษาเต็มสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี 10 คนต่อปี และนักศึกษาคนหนึ่งในคณะแพทย์ ธุรกิจ นิติศาสตร์ เทววิทยา (divinity) สิ่งแวดล้อม พยาบาล และนโยบายรัฐบาล และนักศึกษาบัณฑิตศึกษาที่กำลังเรียนมีจุดหมายในการจบปริญญาเอกในคณะไหนก็ได้ นักศึกษาผู้ได้ทุนชั้นบัณฑิตศึกษาจะทำงานเป็นพี่เลี้ยง (mentor) ให้กับนักศึกษาปริญญาตรี ซึ่งจะได้รับเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการทางการเงิน และความสนใจทางวิชาการที่ข้ามสาขา ผู้ได้ทุนจะได้รับเลือกในฤดูใบไม้ผลิจากนักศึกษาใหม่ สำหรับโปรแกรมทั้งปริญญาตรี บัณฑิตศึกษา และสาขาเกี่ยกับวิชาชีพ โปรแกรมนี้ยังจัดสัมมนาที่ประชุมผู้ได้รับทุนการศึกษาทั้งหมด เพื่อการพูดคุยทางวิชาการข้ามสาขา และจัดประชุมเอกสารัตถ์ในฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย
  • Washington State Achievers Scholarship - เป็นโปรแกรมที่สนับสนุนโรงเรียนในรัฐวอชิงตัน (ซึ่งเป็นรัฐที่อยู่ของเกตส์) ให้สร้างวัฒนธรรมเพื่อให้นักเรียนได้ความสำเร็จทางการศึกษาในระดับสูง ในขณะที่ให้ทุนการศึกษากับนักเรียนบางคนที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
  • William H. Gates Public Service Law Program เป็นโปรแกรมที่ให้ทุนการศึกษาเต็ม 5 ทุนต่อคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้ได้ทุนจะต้องทำงานในตำแหน่งบริการสาธารณะทางกฎหมายที่มีรายได้น้อยเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีหลังจากจบการศึกษา[131]
  • มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน ได้ทุน 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,057 ล้านบาท) เพื่อสร้างกลุ่มอาคารวิทยาการคอมพิวเตอร์บิลและเมลินดาเกตส์ (Bill & Melinda Gates Computer Science Complex)[132]

เขต Pacific Northwest

  • Discovery Institute เป็นองค์กรผู้เชี่ยวชาญบ่อยครั้งสัมพันธ์กับพวกเคร่งศาสนาแบบอนุรักษนิยม - มูลนิธิได้บริจาคทุน 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 40.2 ล้านบาท) ในปี 2543 และสัญญา 9.35 ล้าน (ประมาณ 389 ล้านบาท) จ่ายกระจายเป็น 10 ปี ในปี 2546 รวมทั้งเงินเดือนของหัวหน้า แต่ตามมูลนิธิ เงินบริจาคจำกัดเฉพาะกับโปรเจ็กต์การขนส่งเพื่อลดปัญหาการจราจรในเขต และไม่อาจใช้เพื่อกิจกรรมอื่น ๆ ของสถาบันรวมทั้งการโปรโหมตวิทยาศาสตร์เทียมเรื่อง intelligent design[133]
  • ทุนการศึกษา Rainier Scholars - มูลนิธิบริจาคทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ - มูลนิธิบริจาค 15 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 614 ล้านบาท) ในเดือนตุลาคม 2548[134]

ใกล้เคียง

มูลนิธิวิกิมีเดีย มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ มูลนิธิเส้นด้าย มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2555 มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2553 มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2554 มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2556 มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย

แหล่งที่มา

WikiPedia: มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ http://www.bbc.com/news/health-29145497 http://berkshirehathaway.com/donate/bmgfltr.pdf http://news.biharprabha.com/2014/03/worlds-first-s... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=newsarchive... http://www.bloomberg.com/news/2013-05-16/bill-gate... http://www.breitbart.com/Big-Government/2014/06/12... http://www.businessinsider.com/most-generous-peopl... http://images.businessweek.com/slideshows/2013-12-... http://businesswireindia.com/news/news-details/new... http://chronicle.com/article/How-Gates-Shapes-Stat...