ลุฟท์วัฟเฟอ
ลุฟท์วัฟเฟอ

ลุฟท์วัฟเฟอ

ลุฟท์วัฟเฟอ (เยอรมัน: Luftwaffe) เป็นเหล่าทัพสงครามทางอากาศของแวร์มัคท์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เหล่าทัพนี้จัดตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1935 นับเป็นกองทัพอากาศแรกของเยอรมนีในรอบ 15 ปีนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เนื่องจากสนธิสัญญาแวร์ซายได้ห้ามเยอรมนีมีกองกำลังทางอากาศใดๆในช่วงสมัยระหว่างสงคราม นักบินเยอรมันได้รับการฝึกฝนกันอย่างลับๆโดยละเมิดสนธิสัญญาที่ฐานทัพอากาศลีแพ็ส (Lipetsk) การก้าวขึ้นสู่อำนาจของพรรคนาซีและละเลยสนธิสัญญาแวร์ซาย ลุฟท์วัฟเฟอได้ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1935, หน่วยทหารนกแร้ง หน่วยกองกำลังย่อยของลุฟท์วัฟเฟอซึ่งได้ถูกส่งออกไปเพื่อช่วยเหลือกองกำลังฝ่ายชาตินิยมในสงครามกลางเมืองสเปน ได้มีข้อกำหนดบังคับกับการทดสอบที่มีประโยชน์สำหรับกฏเกณฑ์ใหม่และเครื่องบินรบ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์การสู้รบครั้งนี้ ลุฟท์วัฟเฟอได้กลายเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่มีความซับซ้อน เทคโนโลยีชั้นสูง และมีประสบการณ์การสู้รบมากที่สุดในโลกเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองได้อุบัติขึ้นในปี ค.ศ. 1939 ในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1939 ลุฟท์วัฟเฟอได้มีอยู่ทั้งหมด 28 เกสวาเดอร์ (Geschwader) (ปีก) ลุฟท์วัฟเฟอยังได้มีหน่วยทหารโดดร่มฟัลเชียร์มเยเกอร์ลุฟท์วัฟเฟอได้แสดงพิสูจน์ให้เห็นถึงชัยชนะเหนือโปแลนด์และยุโรปตะวันตกในปี ค.ศ. 1939 และ ค.ศ. 1940 ในช่วงยุทธการที่บริเตน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร (RAF) และในช่วงภายหลังเดอะบลิตซ์ ได้ทำลายล้างเมืองอังกฤษหลายแห่ง กองทัพอากาศเยอรมันได้ล้มเหลวในการรบเร้าอังกฤษเพื่อที่จะให้ยอมจำนนแต่โดยดี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1942 การทัพทางอากาศเพื่อทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรได้ค่อยๆทำลายเครื่องบินรบขับไล่ของลุฟท์วัฟเฟอ ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1942 ลุฟท์วัฟเฟอได้ใช้กองกำลังทางภาคพื้นดินที่มีเหลือ หน่วยสนับสนุนและบุคลากรอื่นๆเพื่อจัดตั้งกองพลสนามลุฟท์วัฟเฟอ (Luftwaffe Field Division)นอกเหนือจากได้ทำหน้าที่ในด้านตะวันตก ลุฟท์วัฟเฟอได้ออกปฏิบัติการตั้งแต่สหภาพโซเวียต แอฟริกาเหนือ และยุโรปทางตอนใต้ แม้ว่าจะมีความล่าช้าในการใช้เทอร์โบเจ็ทขั้นสูงและเครื่องบินรบขับเคลื่อนไอพ่นเพื่อทำลายฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร ลุฟท์วัฟเฟอต้องพบความพ่ายแพ่โดยจำนวนที่เหนือกว่าของฝ่ายสัมพันธมิตร และกลยุทธ์ที่ดีขึ้น และขาดแคลนการฝึกนักบินและเชื้อเพลิงเครื่องบิน ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1945 ในช่วงการปิดฉากของยุทธการตอกลิ่ม ลุฟท์วัฟเฟอได้พยายามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะเอาชนะทางอากาศที่เหนือกว่าและต้องพบกับความล้มเหลว ด้วยทรัพยากรที่เหลือได้หมดลงอย่างรวดเร็วของเชื้อเพลิงปิโตเลียม น้ำมัน และน้ำมันหล่อลื่นภายหลังการทัพครั้งนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่มีเหลือทั้งหมดของแวร์มัคท์ ลุฟท์วัฟเฟอได้สิ้นสุดของการเป็นกองกำลังสู้รบที่มีประสิทธิภาพ หลังความปราชัยของเยอรมนี ลุฟท์วัฟเฟอได้ถูกยุบในปี ค.ศ. 1946 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นักบินเยอรมันได้กล่าวอ้างว่าได้รับชัยชนะทางอากาศมาประมาณ 70,000 ครั้ง ในขณะที่เครื่องบินรบของลุฟท์วัฟเฟอทั้งหมด 75,000 ลำได้ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในส่วนนี้, จำนวนเกือบ 40,000 นายได้สูญหายไปทั้งหมด ลุฟท์วัฟเฟอได้มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพียงสองคนในประวัติศาตร์ตลอดกาล: แฮร์มันน์ เกอริง และ คนสุดท้าย จอมพลไรช์ โรแบร์ท ริทเทอร์ ฟอน ไกรม์ กองบัญชาการใหญ่กองทัพอากาศเยอรมัน (Oberkommando der Luftwaffe-OKL) ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองมนุษย์ของนาซี และทหารทางภาคพื้นดินของลุฟท์วัฟเฟอได้ทำการสังหารหมู่ในอิตาลี กรีซ และโปแลนด์

ลุฟท์วัฟเฟอ

บัลเคนครอยซ์ (ถังเชื้อเพลิง/ใต้ปีก)[3]
ฮันเคินครอยซ์ (สวัสดิกะ) (ครีบหาง 1939–1945)[5]
รูปแบบ กองทัพอากาศ
ประเทศ  ไรช์เยอรมัน
บัลเคนครอยซ์ (บนปีก)[4]
ผบ.สำคัญ จอมพลไรช์ แฮร์มันน์ เกอริง (1933–45)
จอมพลอากาศ ฟอน ไกรม์ (1945)
ปฏิบัติการสำคัญ สงครามกลางเมืองสเปน
สงครามโลกครั้งที่สอง
กำลังรบ อากาศยาน 119,871[1] (การผลิตรวมทั้งหมด) ; กำลังพล 3,400,000 (ทั้งหมดที่เคยรับราชการระหว่างปี 1,939-45)[2]