ประวัติ ของ วัฒนธรรมหย่างเฉา

ในปีพ. ศ. 2464 โยฮัน กุนนาร์ แอนเดอร์สัน นักธรณีวิทยาชาวสวีเดนผู้ทำการสำรวจฟอสซิลไดโนเสาร์ได้ขุดเครื่องปั้นดินเผาโดยบังเอิญ (ซึ่งต่อมาเรียกว่าเครื่องปั้นดินเผาทาสี) ทางตะวันตกของลั่วหยางใกล้ริมฝั่งแม่น้ำหวงในหมู่บ้านหย่างเฉา เทศมณฑลซานเหมินเซีย มณฑลเหอหนาน มีการพบซากที่อยู่อาศัยในลักษณะซากปรักหักพังใต้ชั้นดิน

การค้นพบนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาโบราณคดีจีนสมัยใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีการค้นพบแหล่งโบราณคดีของวัฒนธรรมหย่างเฉา หลายพันแห่งในประเทศจีน ชื่อของวัฒนธรรมหย่างเฉา มาจากแหล่งขุดค้นแห่งแรกซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านหย่างเฉา ในเทศมณฑลเหมียนชี นครระดับจังหวัดซานเหมินเซีย มณฑลเหอหนาน สิ่งที่น่าสนใจคือแหล่งโบราณคดีหย่างเฉาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแหล่งโบราณคดีเล็ก ๆ อีกต่อไป แต่กลายเป็นชื่อของวัฒนธรรมหย่างเฉา การค้นพบของ แอนเดอร์สัน เป็นความร่วมมือทางโบราณคดีระหว่างจีนและสวิตเซอร์แลนด์ ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายถือครองครึ่งหนึ่งของการขุดค้นและผลการวิจัยจะต้องตีพิมพ์ในวารสารวิชาการของจีน "Chinese Palaeontology" การขุดค้นที่เก็บไว้โดยฝั่งสวิสตอนนี้ถูกนำไปจัดแสดงใน Oriental Museum ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของสิ่งที่ขุดในครั้งนั้นถูกส่งกลับไปยังประเทศจีนและได้สูญหายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง[2]

ในปีพ. ศ. 2497 Chinese Academy of Sciences ได้ขุดพบซากสมัยหย่างเฉาในซีอานมณฑลส่านซีและค้นพบอาคารกึ่งใต้ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว 20 เมตรนอกจากนี้ยังพบสุสานจากวัฒนธรรมหย่างเฉาในที่ต่างๆด้วย [3]