เชิงอรรถ ของ วิวัฒนาการของมนุษย์

  1. 1 2 3 4 5 ให้สังเกตว่า โดยมาก ช่วงเวลาที่ให้เกี่ยวกับการแยกสายพันธุ์มักจะมาจากข้อมูลทางดีเอ็นเอ แต่ว่า ข้อมูลจากงานต่าง ๆ มักจะให้เวลาที่ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับตัวแปรต่าง ๆ ของงานเช่นแบบจำลองของวิวัฒนาการที่ใช้เป็นต้น ดังนั้น ข้อมูลทางดีเอ็นเอนี้ควรจะเป็นช่วงตัวเลขเพื่อให้ตรงกับผลการทดลองโดยทั่ว ๆ ไป แต่ในบางที่ที่ไม่สำคัญ การใช้ตัวเลขเดี่ยว ๆ นั้นเป็นความสะดวก ดูตัวอย่างความหลากหลายของเวลาการแยกสายพันธุ์ของ Hylobatidae จาก Hominidae ที่ Time Tree[6]
  2. 1 2 3 เผ่า Hominini (อังกฤษ: hominin) ปกติใช้เรียกสายพันธุ์ของมนุษย์ที่ลิงชิมแปนซีได้แยกออกไปแล้ว ซึ่งในที่สุดกลายเป็นมนุษย์สกุล Homo
  3. 1 2 3 4 มีหลักฐานใหม่ที่แสดงว่า H. habilis อาจเริ่มวิวัฒนาการขึ้นตั้งแต่ 2.8 ล้านปีก่อน ดูรายละเอียด
  4. 1 2 3 4 5 6 7 8 หลักฐานการใช้เครื่องมือหินที่เก่าที่สุดมีอายุประมาณ 3.4 ล้านปีก่อน (สมัยไพลโอซีนปลาย)คือ มีการพบกระดูกที่มีรอยตัดและรอยทุบในประเทศเอธิโอเปียใกล้กับซากของทารก homonin สปีชีส์ Australopithecus afarensis เหมือนกับลูซี่แต่ว่าเครื่องมือหินเทคโนโลยีแบบ Oldowan ที่เก่าที่สุดมีอายุ 2.6 ล้านปีก่อน ในสมัยไพลโอซีนปลาย (ยุคหินเก่าต้น) พบที่เอธิโอเปียซึ่งเป็นช่วงก่อนการเกิดขึ้นของ H. habilis ซึ่งเป็นสกุลที่นักโบราณคดีสัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยีนี้มากที่สุดหลังจากนี้ เทคโนโลยี Oldowan ก็ได้กระจายไปทั่วแอฟริกา แต่ว่านักโบราณคดียังไม่แน่ใจว่า hominin สกุลไหนสร้างเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาก่อน บางพวกเชื่อว่าเป็น Australopithecus garhi บางพวกเชื่อว่าเป็น Homo habilis[15]แต่ H. habilis เป็นพวกที่ใช้เทคโนโลยีนี้มากที่สุดในแอฟริกา จนกระทั่งถึง 1.9 ถึง 1.8 ล้านปีก่อน ที่ H. ergaster/erectus สืบทอดเทคโนโลยีนี้ต่อมาแม้ว่า เทคโนโลยีนี้จะพบในแอฟริกาใต้และตะวันออกในช่วง 2.6 ถึง 1.7 ล้านปีก่อน แต่ก็มีการกระจายออกไปในยูเรเชียพร้อมกับการอพยพออกจากแอฟริกาของ H. ergaster/erectus ซึ่งนำเทคโนโลยีนี้ไปทางทิศตะวันออกไปจนถึงเกาะชวา (อินโดนีเซีย) เมื่อประมาณ 1.8 ล้านปีก่อน และไปถึงจีนภาคเหนือเมื่อ 1.6 ล้านปีก่อน
  5. 1 2 3 4 5 6 การขยายขนาดของสมอง (อังกฤษ: encephalization) เป็นการขยายขนาดของสมองเมื่อเทียบกับตัว คือสัตว์ที่มีร่างกายใหญ่โตต้องมีสมองที่ใหญ่กว่า ดังนั้น การขยายขนาดสมองของมนุษย์จริง ๆ แล้วเป็นการขยายขนาดของสมองในระดับที่สูงกว่าการขยายขนาดของตัว
  6. ในมนุษย์ SRGAP2 เป็นยีนที่เข้ารหัสโปรตีน "SLIT-ROBO Rho GTPase-activating protein 2"[20][21]เป็นหนึ่งใน 23 ยีนที่เกิดการก๊อปปี้ในมนุษย์ที่ไม่ปรากฏในไพรเมตประเภทอื่น[22]คือเกิดการทำซ้ำถึงสามครั้งในจีโนมมนุษย์ภายใน 3.4 ล้านปีที่ผ่านมา ชุดแรกเรียกว่า SRGAP2B ที่ 3.4 ล้านปีก่อน ชุดที่สองเรียกว่า SRGAP2C ที่ 2.4 ล้านปีก่อน และชุดสุดท้ายเรียกว่า SRGAP2D ที่ 1 ล้านปีก่อนส่วนยีน SRGAP2 เป็นชุดที่มีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด (เป็นชุดที่ในมนุษย์เรียกว่า SRGAP2A) และชุด SRGAP2C ทำให้เกิดการแสดงออกเป็นโปรตีนแบบสั้นที่มีในมนุษย์ปัจจุบันทั้งหมด[23]เป็นโปรตีนที่มีหน้าที่ยับยั้งการแสดงออกของ SRGAP2A ที่เกิดขึ้นก่อน ทำให้เกิดผลสองอย่างคือ[24]
    • ช่วยให้นิวรอนเคลื่อนไปจากแหล่งกำเนิดสู่จุดเป้าหมายได้เร็วขึ้น
    • ยืดระยะเวลาที่ไซแนปส์จะถึงจุดสูงสุดในการพัฒนา และเพิ่มความหนาแน่นของไซแนปส์ในเปลือกสมอง (cerebral cortex)
    ส่วนโปรตีน SRGAP2 (หรือ SRGAP2A ในมนุษย์) ที่มาจากบรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีหน้าที่เกี่ยวกับ
    • การให้นิวรอนเคลื่อนไปจากแหล่งกำเนิดไปสู่จุดเป้าหมายในสมอง (neuronal migration)[25]
    • การจำแนกเป็นประเภทเฉพาะของนิวรอน (neuronal differentiation)[25]
    • พัฒนาการของไซแนปส์[24]
  7. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ในงานปี 2560 การหาอายุของเครื่องมือหินในชั้นตะกอนเดียวกับซากดึกดำบรรพ์มนุษย์ Homo sapiens ที่เก่าแก่ที่สุด ณ โบราณสถาน Jebel Irhoud ประเทศโมร็อกโก ได้ใช้เทคนิค thermoluminescence ซึ่งสามารถหาเวลาที่ผ่านไปหลังจากเผาแร่ผลึกในเครื่องมือหินเป็นครั้งสุดท้าย โดยได้อายุต่าง ๆ 14 รายการ[201] และมีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ 315,000 ± 34,000 ปี[195] เทียบกับอายุราว 195,000 ปีของซาก Omo remains โดยเพิ่มอายุเก่าแก่ที่สุดของซากมนุษย์ที่เคยขุดพบราว 100,000 ปี จาก 200,000 ปี เป็น 300,000 ปี[197][198][199][200][202] ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่หัวข้อซากมนุษย์ H. sapiens/"ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน" ที่เก่าแก่ที่สุด
  8. 1 2 3 4 Genetic admixture เกิดขึ้นเมื่อสัตว์หรือบุคคลจากกลุ่มประชากรที่ก่อนหน้านี้อยู่แยกขาดจากกันเกิดการผสมพันธุ์กัน มีผลเป็นการสร้างสายพันธุ์ใหม่ในประชากร ซึ่งบางครั้งมีผลเป็นการทำการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ (local adaptation) ให้เนิ่นช้า เพราะว่าได้รับเอาลักษณะทางพันธุกรรม (genotype) ที่ไม่ได้มีการปรับตัว ที่ไม่เหมือนกับของบุคคลในพื้นที่ มีผลเป็นการป้องกันการเกิดสปีชีส์ใหม่เพราะทำกลุ่มต่าง ๆ ให้เหมือนกัน
  9. Symbolic culture (แปลว่า วัฒนธรรมสัญลักษณ์) เป็นบัญญัติที่ใช้โดยนักโบราณคดี[35]นักมานุษยวิทยาเชิงสังคม[36]และนักสังคมวิทยา[37]เพื่อทำวัฒนธรรมของมนุษย์สปีชีส์ Homo sapiens ให้แตกต่างจากวัฒนธรรมทั่ว ๆ ไปที่สัตว์อื่น ๆ มากมายมีการมีวัฒนธรรมสัญลักษณ์ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ความสามารถในการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งเท่านั้นแต่ต้องมีการบัญญัติสิ่งที่จริง ๆ แล้วไม่มีในโลก แต่ปรากฏเหมือนเป็นสิ่งที่มีจริง ๆ ในวัฒนธรรมนั้น ๆยกตัวอย่างคือ ความดีความชั่ว พระเป็นเจ้าและนรก และบัญญัติที่เป็นที่ยอมรับของสังคมอื่น ๆ เช่นเงินตราและระบบประชาธิปไตย[38]
  10. มีที่อ้างอิงที่แสดงว่า Homininae แบ่งออกเป็น 3 เผ่า คือ Gorillini, Panini, และ Hominini (ดังนั้น สกุล Pan จึงอยู่ใต้เผ่า Panini และ Homo จึงอยู่ใต้เผ่า Hominini)[12][45]
  11. ตัวอย่างเช่น วิวัฒนาการของมนุษย์เป็นความจริงที่ได้รับการพิสูจน์มาจากวิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆอย่างชัดเจน ดูหลักฐานจากศาสตร์ต่าง ๆ ที่เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) นี้[66]
  12. 1 2 บรรพมานุษยวิทยา (อังกฤษ: Paleoanthropology) มาจากภาษากรีกแปลว่า การศึกษามนุษย์โบราณ เป็นการรวมการศึกษาของสาขาบรรพชีวินวิทยาและมานุษยวิทยากายภาพ (physical anthropology) เข้าด้วยกัน เป็นการศึกษามนุษย์โบราณตามหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ในเผ่าย่อย homonini เช่นศึกษากระดูกที่กลายเป็นหิน หรือรอยเท้าที่สัตว์สายพันธุ์มนุษย์ได้ทิ้งไว้ เป็นการศึกษาวัฒนธรรม สังคม และชีวภาพของมนุษย์ เพื่อหาต้นกำเนิดของลักษณะทางกายภาพและพฤติกรรมที่สืบมาทางสายพันธุ์[14]
  13. คือ ในช่วงนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ลิงกอริลลาและลิงชิมแปนซีเป็นไพรเมตที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากกว่ากับมนุษย์ และประมาณว่า สายพันธุ์ของลิงเหล่านั้นแยกออกจากสายมนุษย์เมื่อประมาณ 15 ถึง 28 ล้านปีก่อน เมื่อมีการค้นพบลิงใหญ่สกุล Ramapithecus มีอายุ 14 ล้านปี ซึ่งมีลักษณะบางอย่างคล้ายมนุษย์ จึงเข้าใจว่า สกุลนี้อยู่ในสายพันธุ์ของมนุษย์ และสกุลนี้เป็นหลักฐานยืนยันเวลาของการแยกสายพันธุ์ของมนุษย์ (ปี ค.ศ. 1966) ต่อมาเมื่อมีหลักฐานทางกรรมพันธุ์เกี่ยวกับเวลาการแยกสายพันธุ์ของมนุษย์ และหลักฐานทางซากดึกดำบรรพ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้น จึงปรากฏชัดเจนขึ้นว่า Ramapithecus เป็นบรรพบุรุษของลิงอุรังอุตัง ไม่ใช่เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ (ปี ค.ศ. 1982)[11]
  14. Molecular evolution (แปลว่า วิวัฒนาการทางโครงสร้างโมเลกุล หรืออณูวิวัฒนาการ) เป็นการเปลี่ยนแปลงลำดับของโมเลกุลในเซลล์เช่น ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ และโปรตีน ในระยะเวลายาวศาสตร์นี้มุ่งหมายจะอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพที่ระดับโมเลกุลและระดับเซลล์โดยใช้หลักของศาสตร์ชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการ (evolutionary biology) และพันธุศาสตร์ประชากร (population genetics)ประเด็นการศึกษารวมทั้ง
    • อัตราการเปลี่ยนแปลง และผลการเปลี่ยนแปลง แบบนิวคลีโอไทด์เดี่ยว (single nucleotide)
    • วิวัฒนาการที่ไร้ผล (neutral evolution) เทียบกับ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ (คือวิวัฒนาการที่มีผลบวก)
    • กำเนิดของยีนใหม่ ๆ
    • ธรรมชาติของยีนที่ทำให้เกิดลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ที่ซับซ้อน
    • ธรรมชาติของยีนที่ทำให้เกิดสปีชีส์ขึ้นมาใหม่
    • วิวัฒนาการของพัฒนาการ (evolution of development)
    • อิทธิพลของกระบวนการวิวัฒนาการต่อความเปลี่ยนแปลงในจีโนมและลักษณะทางพันธุกรรม
  15. ข้อมูลวิถีการอพยพมาจากงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของไมโทคอนเดรีย เส้นขาดแสดงทางอพยพที่ยังเป็นสมมติฐานตัวเลขบ่งโดยสีมีหน่วยเป็นพันปีก่อน (kya)เส้นสีน้ำเงินเป็นเขตที่คลุมไปด้วยน้ำแข็งหรือทุ่งทุนดรา (ทุ่งในอากาศหนาวเย็น มีต้นไม้บางประเภทได้เท่านั้น) ในช่วงยุคน้ำแข็งยุคก่อนส่วนอักษรต่าง ๆ เป็น haplogroup ของดีเอ็นเอนของไมโทคอนเดรีย (mtDNA) ซึ่งสืบสายมาจากมารดาเพียงเท่านั้นและสามารถใช้กำหนดกลุ่มชนต่าง ๆ โดยกรรมพันธุ์ ที่มักจะเป็นไปตามเขตภูมิภาคยกตัวอย่างเช่น นี้เป็นการจำแนก mtDNA haplogroup โดยทั่วไป คือคนแอฟริกา (L, L1, L2, L3) คนตะวันออกใกล้ (J, N) คนยุโรปใต้ (J, K) คนยุโรปทั่วไป (H, V) คนยุโรปเหนือ (T, U, X) คนเอเชีย (A, B, C, D, E, F, G โดยที่ M หมายถึง C, D, E, G) และ คนพื้นเมืองอเมริกัน (A, B, C, D, และบางครั้ง X)หลักฐานอ้างอิงเดิม (Behar et al. 2008, Gonder et al. 2007, Reed and Tishkoff) น่าจะหมายถึงงานต่อไปนี้
  16. คือ เมื่อมีการอพยพย้ายถิ่นฐานออกจากที่ที่หนึ่ง ผู้ที่อพยพออกมีส่วนน้อยกว่าส่วนที่ดำรงอยู่ (founder event) ดังนั้นความหลายหลากของจีโนมจะมีอยู่ในระดับที่สูงกว่าในกลุ่มประชากรที่เป็นต้นกำเนิดของการอพยพ งานวิจัยในปี ค.ศ. 2009 พบว่า มีระดับความหลายหลากสูงในกลุ่มประชากรแอฟริกา, ยุโรปและตะวันออกกลาง, อินเดีย, เอเชียตะวันออก, โอเชียเนีย, และคนพื้นเมืองอเมริกัน ไปตามลำดับ[7] ซึ่งโดยคร่าว ๆ แล้ว เป็นลำดับเวลาการตั้งถิ่นฐานในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกของมนุษย์ปัจจุบัน งานทดลองนี้จึงสนับสนุนว่า แอฟริกาเป็นแหล่งกำเนิดของมนุษย์ที่อพยพไปในที่ต่าง ๆ
  17. นี้เป็นคำบรรยายประกอบภาพการหมุนตัวของทารกในเวลาคลอด เบื้องต้น ทารกหันหน้าเยื้องไปทางตะโพกของแม่ด้านใดด้านหนึ่ง (แถวบนสุด) เมื่อกล้ามเนื้อมดลูกของแม่ดันทารกไปถึงฐานเชิงกราน คางของทารกก็จะเริ่มไปชิดกันกับหน้าอก เมื่อศีรษะที่ชิดกับหน้าอกมาจรดฐานเชิงกรานแล้ว ก็จะเกิดการหมุนศีรษะ (internal rotation) โดยไม่ได้หมุนตัวหรือไหล่ ให้หันหน้าไปทางด้านทวารหนักของแม่ (แถวที่ 2 ซ้าย) เมื่อศีรษะโผล่ออกจากช่องคลอดแล้ว ก็จะเกิดการหมุนศีรษะกลับไปตรงกับแนวตัวและไหล่อีก (restitution) และต่อจากนั้นก็จะมีการหมุนไหล่ให้ด้านหนึ่งอยู่บนด้านหนึ่งอยู่ล่างพร้อมทั้งศีรษะซึ่งหันหน้าไปทางต้นขาของแม่ (external rotation แถว 2 ขวา) และเมื่อหมอช่วยให้ไหล่ด้านบนออกมาได้แล้ว ก็จะช่วยให้ไหล่ด้านล่างออกมาได้ต่อไป (แถว 3 ซ้าย)[96][97][98]ดูภาพยนตร์ (ไม่มีเสียงบรรยาย) จำลองการคลอดที่[99]
  18. 1 2 ให้สังเกตว่า สำหรับสกุล Propliopithecus และ Aegyptopithecus นักวิชาการบางพวกเชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษร่วมกันของลิงโลกเก่าและเอป (รวมทั้งมนุษย์)[14] ส่วนบางพวกเชื่อว่า เป็นเอปยุคต้น ๆ (คือลิงโลกเก่าได้แยกสายพันธุ์ออกไปแล้ว ไม่เป็นบรรพบุรุษของลิงโลกเก่า)[119][118] ข้อมูลในที่นี้จึงเหมือนกับจะขัดแย้งกัน เพราะว่าแล้วแต่ว่าใช้หลักฐานไหน แต่ว่า นี้เป็นปัญหาโดยทั่ว ๆ ไปของการวิเคราะห์ซากดึกดำบรรพ์ที่เกิดใกล้ ๆ ช่วงระยะเวลาที่มีการแยกสายพันธุ์ คือนักวิชาการมีความเห็นต่าง ๆ กันเกี่ยวกับการจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ของซากที่พบ
  19. นักวิทยาศาสตร์บางท่านไม่คิดว่าควรจัดเป็นลิงจำพวกเอป แต่ควรจะจัดไว้ในอีกหน่วยอนุกรมวิธานที่เป็นพี่น้องกัน[122]
  20. หลักฐานที่ "Conroy et al., 1992"[124]จัดเข้ากับเอป ไม่ได้จัดเข้าวงศ์ลิงใหญ่
  21. นักวิทยาศาสตร์ผู้นำทีมที่พบซากของ "Ardi" (ทิม ไวท์) กล่าวว่า hominin สามสปีชีส์นี้คือ Sahelanthropus tchadensis, Orrorin tugenensis และ Ardipithecus kadabba (5.8 ล้านปี) เป็นสัตว์สองเท้า มีสังคมที่แตกต่างไปจากเอปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และสูญพันธุ์ไปแล้วซึ่งรู้ได้จากขนาดของฟันที่เล็กกว่าที่ไม่ได้ใช้เพื่อเป็นอาวุธ เป็นสัตว์ที่ไม่เหมือนเอปปัจจุบัน และมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงเหมือนกับ hominin สกุล Australopithecus ที่ตามมาเท่านั้น ส่วนหลักฐานที่พบพร้อมกับ "Ardi" (อาร์ดี้) ซึ่งจัดอยู่ในสปีชีส์ Ardipithecus ramidus (4.4 ล้านปี) แสดงว่า อาร์ดี้เป็นสัตว์สองเท้า กินทั้งพืชและสัตว์ มีฟันเขี้ยวเล็ก มีความแตกต่างของเพศที่ลดลงเทียบกับเอป ต่างจากลิงชิมแปนซีและ Australopithecus เกินกว่าที่คาดไว้ และเป็นสัตว์อยู่ในป่าโปร่งไม่ใช่ทุ่งหญ้า (ให้สังเกตว่า ในระหว่าง A. kadabba และ A. ramidus มีช่องว่างในระหว่างที่ยังไม่พบซากดึกดำบรรพ์ของ hominin ถึงประมาณ 1.2-1.4 ล้านปี) นอกจากนั้นแล้ว สามสปีชีส์นั้นก็ยังมีตัวอย่างที่น้อยมาก จนไม่สามารถกล่าวอะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างชัดเจน[55]
  22. นักวิทยาศาสตร์ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่า Australopithecus africanus อาจเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์ แต่หลักฐานที่เกิดขึ้นมาภายหลังคัดค้านกับสมมติฐานนี้ ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์โดยมากเชื่อว่าเป็นญาติของบรรพบุรุษมนุษย์[134]
  23. มีการพบท่อนกระดูกขัดแหลมในชั้นหิน Member I อายุระหว่าง 1.8 ถึง 0.5 ล้านปีก่อน ในมรดกสถานแห่งชาติ Swartkrans ประเทศแอฟริกาใต้[149] ในถ้ำที่พบกระดูกของทั้ง H. habilis[150] และ Paranthropus robustus[151] ที่หาอายุได้ใกล้ ๆ กัน
  24. กะโหลกศีรษะเลขที่ "NG 6" ใกล้หมู่บ้าน Ngandong ประเทศอินโดนีเซีย พบในปี ค.ศ. 1931-1933 มีอายุประมาณ 27,000-53,000 ปี[33]
  25. 1 2 ความสัมพันธ์ระหว่าง Denisovan กับมนุษย์ปัจจุบันและ Neanderthal ยังไม่ชัดเจน คือ งานวิจัยที่หาลำดับ mtDNA ของ Denisovan ในปี ค.ศ. 2010 เสนอว่า[175]
    • มนุษย์สาย Denisovan มีบรรพบุรุษเดียวกันกับมนุษย์สาย Neanderthal และสกุล Homo ประมาณ 1 ล้านปีก่อน
    • Denisovan สืบสายพันธุ์มาจากมนุษย์ที่อพยพออกมาจากแอฟริกาก่อนสายพันธุ์ของมนุษย์ปัจจุบัน และหลังจาก Homo erectus ที่มาก่อนหน้านั้น
    ส่วนงานวิจัยโดยจีโนมจากนิวเคลียสเซลล์ต่อมาในปีเดียวกันกลับพบว่า Denisovan
    • มีบรรพบุรุษร่วมกันกับ Neanderthal ที่แยกออกจากสายพันธุ์มนุษย์ 600,000 ปีก่อน[176]
    • แยกออกจากสายพันธุ์ของ Neanderthal น่าจะในตะวันออกกลางเมื่อ 400,000 ปีก่อน[140]
    บทความนี้ใช้ข้อมูลจากงานวิจัยโดยจีโนมจากนิวเคลียสเซลล์
  26. ตัวอย่างขนาดสมองอื่น ๆ ของมนุษย์ปัจจุบัน
  27. 1 2 งานวิจัยโดยประเมินระยะเวลาการแยกสายพันธุ์ของเหาตัวและเหาศีรษะ ซึ่งนักวิชาการใช้อนุมานถึงการใช้เสื้อผ้า ประเมินเวลาการใช้เสื้อผ้าของมนุษย์ที่ระหว่าง 83,000 - 170,000 ปีก่อน[231]หรือระหว่าง 65,000 - 149,000 ก่อน[232]ส่วนนักโบราณคดีได้พบเข็มเย็บเสื้อผ้าทำด้วยกระดูกและงาในประเทศรัสเซียมีอายุประมาณ 30,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช[233] และในจีนมีอายุประมาณ 23,000-30,000 ปีก่อน[234]พบใยฝ้ายย้อมสีที่อาจใช้ทำเสื้อผ้าในถ้ำก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศจอร์เจียมีอายุ 36,000 ปีก่อน[86]
  28. 1 2 มีหลักฐานว่า Neanderthal เป็นมนุษย์พวกแรกที่ตั้งใจฝังคนตาย โดยฝังในหลุมตื้น ๆ พร้อมกับเครื่องมือหินและกระดูกสัตว์ (ซึ่งตีความหมายว่าเป็นเพราะมีความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย)[228] แต่ก็มีนักวิชาการที่คัดค้านว่า ซากเหล่านี้อาจเกิดการฝังเพราะเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อทางจิตวิญญาณ[229]ส่วนหลักฐาน "ที่ไม่มีใครคัดค้าน" ที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุ 100,000 ปี เป็นซากของมนุษย์ที่แต้มสีเหลืองหรือส้มหรือน้ำตาลที่ทำจากดิน พบในถ้ำ Skhul ในประเทศอิสราเอล ซึ่งมีของต่าง ๆ ฝังรวมกับผู้ตาย[230]
  29. ตั้งชื่อตามชั้นหินที่พบซากดึกดำบรรพ์ ที่เก่าที่สุดจะอยู่ล่างสุด
  30. โรคคูรุ เป็นการติดเชื้อไวรัสนอกแบบที่ระบบประสาทส่วนกลาง พบที่ประเทศปาปัวนิวกินี เป็นโรคประสาทเสื่อมที่แก้ไขไม่ได้เกิดจากพรีออนหนึ่งที่มีในมนุษย์[238]

ใกล้เคียง

วิวัฒนาการของมนุษย์ วิวัฒนาการ วิวัฒนาการกระดูกหูสำหรับได้ยินของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม วิวัฒนาการของตา วิวัฒนาการของการเห็นเป็นสีในไพรเมต วิวัฒนาการของคอเคลีย วิวัฒนาการในมุมมองของศาสนาอิสลาม วิวัฒน์ ศัลยกำธร วิวัฒนาการของการเห็นสี วิวัฒน์ ผสมทรัพย์

แหล่งที่มา

WikiPedia: วิวัฒนาการของมนุษย์ http://www.birth.com.au/2nd-stage-of-labour/your-b... http://australianmuseum.net.au/Australopithecus-af... http://australianmuseum.net.au/Australopithecus-af... http://australianmuseum.net.au/Australopithecus-se... http://australianmuseum.net.au/Complex-technology http://australianmuseum.net.au/Homo-antecessor http://australianmuseum.net.au/Homo-ergaster http://australianmuseum.net.au/Homo-floresiensis http://australianmuseum.net.au/Homo-habilis http://australianmuseum.net.au/Homo-heidelbergensi...