สงครามฟุตบอล (
สเปน: Guerra del Fútbol) หรือเรียกอีกชื่อว่า
สงครามร้อยชั่วโมง (Guerra de las Cien Horas) เป็นสงครามระยะสั้น ๆ ในปี
ค.ศ. 1969 ระหว่าง
เอลซัลวาดอร์กับ
ฮอนดูรัส ต้นเหตุของสงครามเป็นเรื่องเศรษฐกิจและสังคม กล่าวคือ มาจากการที่รัฐบาลฮอนดูรัสตรากฎหมายปฏิรูปที่ดิน
ค.ศ. 1962[1] ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1967 โดยให้อำนาจรัฐบาลและเทศบาลต่าง ๆ ในการยึดที่ดินคืนจากเกษตรกรชาวเอลซัลวาดอร์
[2] ซึ่งเป็น
ผู้ครอบครองปรปักษ์หรือได้ครอบครองที่ดินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง แล้วนำไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรและคนงานชาวฮอนดูรัสซึ่งยากจนและไม่มีที่ดินทำกิน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดแรงกดดันจากกลุ่มดังกล่าวซึ่งอาจรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาล นอกจากนี้ ในฮอนดูรัสยังมีการจัดตั้งกลุ่มลับชื่อ "มันชาบราบา" (Mancha Brava) เพื่อตามข่มขู่และสังหารชาวเอลซัลวาดอร์อีกด้วย ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ชาวเอลซัลวาดอร์จำนวนมากจึงอพยพกลับประเทศของตนความตึงเครียดระหว่างประเทศทั้งสองมาปะทุถึงขีดสุดในช่วงการแข่งขันรอบคัดเลือกของ
ฟุตบอลโลก 1970 โดย
ทีมชาติฮอนดูรัสได้พบกับ
ทีมชาติเอลซัลวาดอร์ 3 ครั้งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1969 และเอลซัลวาดอร์เป็นฝ่ายชนะฮอนดูรัสไป 2 ครั้ง ระหว่างนี้ได้เกิดเหตุจลาจลระหว่างแฟนบอลทั้งในกรุง
เตกูซิกัลปาและกรุง
ซานซัลวาดอร์ซึ่งเป็นสนามแข่งขัน ในวันที่ 26 มิถุนายน รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับฮอนดูรัส โดยแถลงว่า "รัฐบาลฮอนดูรัสยังไม่ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลงโทษบรรดาอาชญากรรมซึ่งถือเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ และยังไม่ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับชาวเอลซัลวาดอร์ด้วย"
[3] จากนั้น สงครามได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม เมื่อกองทัพเอลซัลวาดอร์เปิดฉากโจมตีฮอนดูรัส
องค์การนานารัฐอเมริกันได้เจรจาให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบในคืนวันที่ 18 กรกฎาคม (จึงเรียกว่า "สงครามร้อยชั่วโมง") โดยมีผลอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 20 กรกฎาคม กองทัพเอลซัลวาดอร์ถอนกำลังออกไปในต้นเดือนสิงหาคม