ดินแดนนอกอดีตยูโกสลาเวีย:
สงครามยูโกสลาเวีย (
อังกฤษ: Yugoslav Wars) หรืออาจเรียกว่า
สงครามกลางเมืองยูโกสลาเวีย เป็นสงครามซึ่งสู้รบกันในดินแดน
อดีตยูโกสลาเวียระหว่าง พ.ศ. 2534 ถึง 2544 สงครามมีความซับซ้อน โดยมีลักษณะของความขัดแย้งทางเชื้อชาติอันขมขื่นระหว่างเชื้อชาติในอดีตยูโกสลาเวีย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่าง
ชาวเซิร์บ (และในขอบเขตที่เล็กกว่า คือ
ชาวมอนเตเนกริน) ฝ่ายหนึ่ง กับ
ชาวโครแอตและ
บอสเนีย (และในขอบเขตที่เล็กกว่า คือ
ชาวสโลวีน) อีกฝ่ายหนึ่ง หากทว่าสงครามยังมีความขัดแย้งระหว่างชาวบอสนิคกับโครแอตใน
บอสเนีย นอกเหนือไปจากความขัดแย้งแยกต่างหากซึ่งสู้รบกันระหว่างกลุ่มบอสนิคด้วยกันเองในบอสเนียอีกด้วย สงครามยุติลงด้วยผลที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วส่งผลให้นานาชาติรับรองรัฐอธิปไตยใหม่หลายรัฐอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ด้วยการขัดขวางทางเศรษฐกิจขนานใหญ่ในประเทศเกิดใหม่เหล่านี้สงครามครั้งนี้มักถูกเรียกว่าเป็นความขัดแย้งอันนองเลือดที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่
สงครามโลกครั้งที่สองยุติ ความขัดแย้งดังกล่าวกลายเป็นสิ่งเลวทรามเนื่องจากมี
อาชญากรรมสงครามเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งการกวาดล้างเชื้อชาติขนานใหญ่
[1] สงครามยูโกสลาเวียเป็นความขัดแย้งครั้งแรงนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองที่ถูกตัดสินว่ามีลักษณะของ
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นทางการ และบุคคลสำคัญจำนวนมากที่เกี่ยวข้องถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมสงครามในเวลาต่อมา
[2] ศาลอาญาระหว่างประเทศในอดีตยูโกสลาเวียถูกจัดตั้งขึ้นโดย
สหประชาชาติเพื่อพิจารณาอาชญากรรมเหล่านี้ความตึงเครียดในยูโกสลาเวียได้เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 ก่อนจะลงเอยในปี พ.ศ. 2533 ท่ามกลางความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ยูโกสลาเวียก็ต้องเผชิญกับ
ชาตินิยมที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางกลุ่มเชื้อชาติอันหลากหลาย ที่สภาสันนิบาติคอมมิวนิสต์แห่งยูโกสลาเวียวิสามัญครั้งที่ 14 เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2533 สมัชชาซึ่ง
เซอร์เบียมีอำนาจมากที่สุดนั้น ตกลงที่จะยกเลิกระบบพรรคการเมืองเดียว อย่างไรก็ตาม
สโลโบดัน มิโลเชวิช หัวหน้าสันนิบาติคอมมิวนิสต์แห่งเซอร์เบีย ได้ใช้อิทธิพลในการขัดวางและลงมติไม่ยอมรับข้อเสนออื่นจากผู้แทนพรรคโครเอเชียและสโลวีเนีย ซึ่งทำให้ผู้แทนโครเอเชียและสโลวีเนียเดินออกจากการประชุมและทำให้พรรคล่มสลาย
[3]ศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน รายงานว่าสงครามยูโกสลาเวียคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 140,000 ศพ
[4] และศูนย์กฎหมายมนุษยธรรมรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 130,000 ศพ ในสงคราม
[5]