จำนวนสาขา ของ สตาร์บัคส์

[6][88]

ทวีปแอฟริกาทวีปอเมริกาเหนือทวีปโอเชียเนียทวีปอเมริกาใต้ทวีปเอเชียทวีปยุโรป

ในปี ค.ศ. 2008 สตาร์บัคส์ได้ขยายสาขาเพิ่มในอาร์เจนตินา, เบลเยียม, บราซิล, บัลแกเรีย, สาธารณรัฐเช็ก และ โปรตุเกส[19]

อีกทั้งยังขยายสาขาไปยังสแกนดิเนเวียที่ประเทศโปแลนด์ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 อีกทั้งขยายสาขาในยูเทรกต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ ท่าอากาศยานสต็อกโฮล์ม-อาร์ลันดา ที่ประเทศสวีเดน ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน[89]

ในปี ค.ศ. 2010 ได้ขยายสาขาไปยังตลาดใหม่ ซึ่งในเดือนพฤษภาคม โรงแรมเซาเทิร์นซัน ในประเทศแอฟริกาใต้ได้ประกาศว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญากับสตาร์บัคส์ในการเปิดร้านขายกาแฟในโรงแรมเซาเทิร์นซันและโรงแรมซองกาซัน ซึ่งมีทำให้สตาร์บัคส์สามารถเปิดร้านได้ทันในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้[90] ต่อมาในเดือนมิถุนายน สตาร์บัคส์ได้เปิดร้านแรกในบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี และในเดือนพฤศจิกายน ได้เปิดสาขาในอเมริกากลาง ตั้งอยู่ในซานซัลวาดอร์ เมืองหลวงของประเทศเอลซัลวาดอร์[91]

ต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2010 สตาร์บัคส์ได้เปิดตัวสาขาแรกที่ตั้งอยู่บนทะเล โดยความร่วมมือกับรอยัลแคริบเบียนอินเตอร์เนชันแนล ซึ่งได้เปิดร้านบนเรือเอ็มเอส อัลลัวร์ออฟเดอะซีส์ ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่อันดับสองของบริษัท และเรือใหญ่ลำดับสองของโลก[92]

สตาร์บัคส์ สาขาโซโห ถนนบำรุงเมือง บริเวณแยกอนามัย ใกล้กับโรงพยาบาลหัวเฉียว เป็นสาขาที่ได้รับการยอมรับว่าออกแบบได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 สตาร์บัคส์ และ ทาทาคอฟฟี ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของเอเชีย ได้วางแผนเป็พันธมิตรเชิงกุลยุทธ์ร่วมกันเพื่อที่จะเปิดสาขาในประเทศอินเดีย โดยใช้แหล่งวัตถุดิบของเมล็ดกาแฟจากทาทาคอฟฟีในเมืองโคดากู[93] แม้จะเคยล้มเหลวในปี ค.ศ. 2007[94] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2012 สตาร์บัคส์ได้เปิดเผยถึงหุ้นส่วนกับทาทาคอฟฟี ซึ่งถือหุ้นร่วมกัน 50:50 โดยใช้ชื่อว่า ทาทาสตาร์บัคส์ ซึ่งจะใช้ชื่อนี้สำหรับการทำการค้าในประเทศอินเดียเท่านั้น[95] โดยสาขาแรกเปิดที่เมืองมุมไบ ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2012.[96][97][98]

สตาร์บัคส์ที่ พระราชวังต้องห้าม ปักกิ่ง ประเทศจีน

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 สตาร์บัคส์ได้เริ่มทำการขายกาแฟในประเทศนอร์เวย์โดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น โดยสาขาแรกเปิดในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ที่ ท่าอากาศยานออสโล การ์เดอร์มอน ต่อมาในเดือนตุลาคม สตาร์บัคส์ได้เปิดสาขาในปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ภายในเทอร์มินัลที่ 3 (ผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ) ทำให้สาขานี้เป็นสาขาที่ 500 ในประเทศจีน, เป็นสาขาที่ 7 ในสนามบิน โดยมีแผนที่จะขยายสาขาในประเทศจีนเป็น 1,500 สาขา ภายในปี ค.ศ. 2015[99] ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2012 สตาร์บัคส์ได้เปิดสาขาใหม่ในประเทศฟินแลนด์ ที่ท่าอากาศยานเฮลซิงกิ ในเมืองวันดา[100]

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 สตาร์บัคส์ได้วางแผนที่จะขยายเป็น 1,000 สาขาในสหรัฐอเมริกาภายในระยะเวลา 5 ปี[101] ในเดือนเดียวกันนั้นได้มีการเปิดสาขาของสตาร์บัคส์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ภายในมหาวิทยาลัยอาลาบามาส์ เฟอร์กูสัน[102]

ในปี ค.ศ. 2013 สตาร์บัคส์ได้จับมือกับซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเดนมาร์ก ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยเปิดสาขาแรกในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ในเมืองออลบอร์ และ ออร์ฮูส[103]

สตาร์บัคส์ได้ประกาศว่าจะเปิดสาขาในประเทศโบลิเวียในปี ค.ศ. 2014 ตั้งอยู่ในเมืองซันตาครุซเดลาเซียรา และสาขาแรกในประเทศปานามาในปี ค.ศ. 2015[104]

ในวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2015 สตาร์บัคส์ได้เปิดสาขาใน ดิสนีส์แอนิมอลคิงดอม ที่ดิสคัฟเวอรีไอส์แลนด์ โดยสวนสนุกนี้ไม่อนุญาตให้ใช้หลอดพลาสติกเนื่องจากอาจจะเป็นอันตรายต่อสัตว์ ทำให้สาขานี้จึงใช้หลอดพิเศษสำหรับเครื่องดื่มเย็น[105] ทำให้สาขานี้เป็นสาขาที่ 6 ของสตาร์บัคส์ที่เปิดภายในวอลต์ดิสนีย์เวิลด์รีสอร์ต[106]

บิล สลีธ รองประธานด้านดีไซน์ของสตาร์บัคส์ ได้เห็นถึงความต้องการที่จะสร้างความแปลกใหม่ของร้าน โดยเขากล่าวว่า "ลูกค้าไม่ต้องการที่จะเดินเข้ามาในร้านที่ดาวน์ทาวน์ของซีแอทเทิล, เดินเข้าไปในร้านชานเมืองของซีแอทเทิล และมาที่ซานโฮเซ แล้วเห็นร้านเหมือน ๆ กัน" และได้กล่าวต่อว่า "ลูกค้าได้พูดว่า ‘ทุกที่ที่ฉันไปมีเหมือนกันหมด’ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เราต้องการที่จะทำร้านให้แตกต่างกัน" ในการจัดการตกแต่งร้านของสตาร์บัคส์ จะพยายามทำให้แบรนด์มีเอกพจน์ แต่การตกแต่งจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นนั้น[107]

สตาร์บัคส์เปิดร้านแรกบนเกาะ ในต้นปี ค.ศ. 2015 ที่ย่านธุรกิจของท่าเรือเซนต์ปีเตอร์ ในเกิร์นซีย์[108]

ต่อมาในวันที่ 10 กันยายน สตาร์บัคส์ได้เปิดสาขาแรกในประเทศอาเซอร์ไบจาน ที่ห้างสรรพสินค้าพอร์ตบากู

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 โฮเวิร์ด ชูลซ์ ประธานกรรมการบริษัท ได้ยืนยันอย่างเป็นส่วนตัวว่าจะเปิดสาขาในประเทศโคลอมเบีย โดยสาขาแรกจะเปิดในปี ค.ศ. 2014 ที่โบโกตา และขยายอีก 50 ร้านในเมืองใหญ่ของประเทศภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลประเทศโคลอมเบียกับองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา สำหรับการเสริมสร้างวัฒนธรรมการปลูกกาแฟในท้องถิ่นและแบ่งปันมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าให้กับคนทั่วโลก โดยสตาร์บัคส์ได้ร่วมหุ้นกับอัลซี และ กรูโปนูเตรซา สำหรับวัตถุดิบในประเทศ หลังจากสร้างศูนย์ส่งเสริมเกษตรกรในเมืองมานีซาเลส[109]

สตาร์บัคส์ในโลมัสเดซาโมรา ประเทศอาร์เจนตินา

ในวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2015 สตาร์บัคส์ได้เปิดสาขาในอัลมาเตอ ประเทศคาซัคสถาน โดยวันต่อมาก็ได้เปิดเพิ่มอีก 1 สาขา[110]

สตาร์บัคส์สาขาแรกในประเทศสโลวาเกียเปิดในอูพาร์ก ตั้งอยู่ในบราติสลาวา ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2016[111][112] อีกทั้งยังยืนยันที่จะเพิ่มอีก 2 สาขาในบราติสลาวาภายในช่วงปลายปี ค.ศ. 2016

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ชูลซ์ ได้ประกาศว่าจะเปิดสาขาในประเทศอิตาลี โดยจะเปิดสาขาแรกในมิลาน ภายในปี ค.ศ. 2017[113]

สาขาในอดีต

ในปี ค.ศ. 2003 หลังจากที่ต่อสู้ในการแข่งขันกับร้านกาแฟท้องถิ่นอย่างยาวนาน สตาร์บัคส์ได้ปิด 6 สาขาใน ประเทศอิสราเอล โดยระบุว่า "มีความท้าทายในการดำเนินงานมากเกินไป" และ "มีความยากลำบากทางสภาพแวดล้อมของธุรกิจ"[114][115]

สตาร์บัคส์ในพระราชวังต้องห้าม ในปักกิ่ง ได้ปิดตัวลงเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2007 ซ฿่งเป็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องในความเหมาะสมตั้งแต่เปิดร้านใน ค.ศ. 2000 ซึ่งผู้ประท้วงได้อ้างว่าการที่มีร้านค้าอเมริกันมาตั้งในพระราชวังต้องห้ามเป็นการ "เหยียบย่ำวัฒนธรรมจีน"[116][117]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 บริษัทได้ยืนยันที่จะปิด 600 สาขาที่มีประสิทธิภาพต่ำ และลดการขยายสาขาในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตไม่แน่นอน[118][119] ในวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 สตาร์บัคส์ได้ตัดแรงงานที่ไม่ได้อยู่ในร้านค้าอีก 600 ตำแหน่ง เพื่อสร้างแบรนด์ให้มีกำไรมากขึ้น ซึ่งการตัดแรงงานทำให้พนักงาน 550 คนยังว่างงานหลังจากถูกปลดออกจากงาน[120] ซึ่งการกระทำครั้งนี้ทำให้ระยะของการขยายตัวและเติบโตของบริษัทได้สิ้นสุดลง นับตั้งแต่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางยุค 90

อีกทั้งสตาร์บัคส์ยังประกาศออกมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 ในเรื่องของการปิด 61 จาก 84 สาขาในประเทศออสเตรเลีย ในเดือนถัดไป[121] โดย นิก ไวลส์ นักวิเคราะห์สถิติการจัดการของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ได้กล่าวว่า "สตาร์บัคส์ไม่เข้าถึงวัฒนธรรมร้านกาแฟในออสเตรเลีย"[122] ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 สตาร์บัคส์ได้ยืนยันว่าบริษัทได้ขาดทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศออสเตรเลีย และขายร้านค้าที่ยังคงเหลือให้กับวีเธอส์กรุป[123]

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 สตาร์บัคส์ได้ประกาศปิดร้านค้า 300 ร้าน และปลดพนักงานอีก 7,000 ตำแหน่ง ซึ่ง ชูลซ์ ได้กล่าวว่าเขาได้รับการพิจารณาจากบอร์ดให้ลดเงินเดือนของเขาด้วย[124] ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 จนถึง เดือนมกราคม ค.ศ. 2009 สตาร์บัคส์ได้ปลดพนักงานในสหรัฐอเมริกาถึง 18,400 ตำแหน่ง และปิดร้านค้าทั่วโลก 977 ร้าน[125]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009 อาโฮลด์ได้ประกาศปิดและปรับปรุงร้านสตาร์บัคส์ 43 แห่งในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ก็ยังไม่มีการปิดร้านทั้งหมด ซึ่งพวกเขายังมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 5 ร้านภายในปี ค.ศ. 2009[126][127]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 บริษัทได้ประกาศที่จะปิดร้านค้าในทวีปยุโรปที่ขาดทุนทันที[128]

แหล่งที่มา

WikiPedia: สตาร์บัคส์ http://www.thenational.ae/thenationalconversation/... http://www.ausfoodnews.com.au/2008/07/31/starbucks... http://www.news.com.au/national/breaking-news/new-... http://www.theaustralian.com.au/news/breaking-news... http://blog.keyhole.co/post/69080821142/starbucks-... http://www.adweek.com/news/advertising-branding/ho... http://attractionsmagazine.com/new-starbucks-locat... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bizjournals.com/seattle/blog/2015/01/sc... http://www.bizjournals.com/seattle/blog/2015/01/st...