ชีวประวัติ ของ สะอ์ดี

เกี่ยวกับชีวประวัติของสะอ์ดีนั้นมีบันทึกไว้น้อยมาก แม้แต่แหล่งอ้างอิงเก่าแก่ที่สุดก็ไม่กล่าวชีวประวัติของเขาเอาไว้ในผลงานของตน และเป็นไปได้ว่า สะอ์ดีได้ทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คำพูดของเขามีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นโดยได้ปะปนไปกับนวนิยายหรือเรื่องที่เกินจริง[7] ดังนั้นจึงยังไม่มีภาพที่ลงรายละเอียดและเด่นชัดเกี่ยวกับชีวประวัติของสะอ์ดี[8] ซึ่งมีมากกว่า 680 ข้อมูลที่วางอยู่บนการสมมติฐาน[9]

เกิดและชีวิตวัยเด็ก

เป็นได้อย่างสูงที่สะอ์ดี จะเกิดในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 606 (ประมาณปี 589 และ ค.ศ.ที่ 1210) ที่เมืองชีรอซ  อย่างไรก็ตามมีนักวิชาการบางท่านที่เชื่อว่าท่านเกิดประมาณปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 585 [10] เนื่องจากว่าไม่มีแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่แน่ชัดเกี่ยวกับวันเกิดของสะอ์ดี ทั้งสองต่างก็อ้างตามการวินิจฉัยของนักวิชาการจากการวิเคราะห์ผลงานของสะอ์ดี[11]ตามความเชื่อของ Jan Rypka เป็นได้สูงที่สะอ์ดีจะเกิดในช่วงปี 610-615  ซึ่งอธิบายโดย อับบาส อิกบาล นักประวัติศาสตร์และนักอักษรศาสตร์แห่งยุคสมัย แม้ว่าตามการสมมติฐานนี้ อายุของสะอ์ดีจะยาวนานก็ตาม

แหล่งอ้างอิงที่เก่าแก่ที่สุด บันทึกว่า ชื่อของเขาคือ มุศลิฮุดดีน อะบูมุฮัมหมัด อับดุลลอฮ์ บิน มุชัรรัฟ บิน มุศเลี้ยะห์ บิน มุชัรรัฟ ชื่อเล่นของเขาคือ สะอ์ดี , มุศเลี้ยะห์ ที่ตั้งชื่อมาจากปู่ของเขา สะอ์ดีได้รับการศึกษาและการอบรมตั้งแต่เด็กเป็นเด็กที่ใฝ่เรียนรู้เหมือนบิดาของเขา[یادداشت 1] สะอ์ดี อายุสูญเสียบิดาไปตั้งแต่อายุได้ 12 ขวบ  และอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของคุณตา มัสอูด บิน มุเลี้ยะห์ อัลฟารซี เขาได้เรียนหลักไวยากรณ์เบื้องต้นและบทกวีตั้งแต่เด็กที่เมืองชีรอซ  บ้างกล่าวกันว่าสะอ์ดีเป็นหลานของกุฏบุดดีน ชีรอซี นักวิชาการและนักปรัชญาที่มีชื่อเสีย วัยเด็กและวัยหนุ่มของสะอ์ดีอยู่กับสะอ์ด บิน แซงฆี ในฟอร์ส ซึ่งตรงกับยุคการบุกโจมตีของมองโกล[12] สถานการณ์ที่ไม่สงบสิ้นสุดลงในยุคสุลต่าน มุฮัมหมัด ควอร์ซัมชอฮ์ โดยเฉพาะเมื่อสุต่าน ฆิยาษุดดีน ควอร์ซัมชอฮ์ พี่ชายของ ญะลาลุดดีน ควอร์ซัมชอฮ์ บุกเมืองชีรอซในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 620 ทำให้สะอ์ดอพยพไปยังเมืองแบกแดด

การศึกษาและการเดินทาง

ประมาณปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 623  قสะอ์ดีได้เข้าเรียนในโรงเรียน นีซอมียะฮ์ของแบกแดด โรงเรียนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 459 โดยคำสั่งของคอเญะฮ์ นิซอมุลมะลิก ฏูซี รัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงของเซลจุค เป็นนักเรียนประจำ โดยเรียนวิชา ไวยากรณ์ภาษาอาหรับ , กุรอาน , ฟิกฮ์ , ฮะดีษ ,อุซูล, การแพทย์ , ปรัชญา และดาราศาสตร์ จุดประสงค์ของการสร้างโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นก็เพื่อผลิตผู้พิพากษา นักนิติศาสตร์อิสลามและนักฮะดีษชาวซุนนะฮ์ขึ้น อิมามฆอซซาลีสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ในปีฮิจเราะฮ์ศักราช 484  ถือได้ว่ามีอิทธิพลต่อระบบการเรียนการสอนอยู่เป็นเวลานาน (แม้กระทั่งในยุคการเรียนของสะอ์ดี)  หนังสือเรียนที่สำคัญที่สุดคือ เอี้ยะห์ยา อุลูมิดดีน.  เป็นโรงเรียนที่ส่งเสริมฟิกฮ์ชาฟิอีและกะลามอัชอะรี เพื่อเป็นเขื่อนกั้นแนวคิดอิสมาอีลียะฮ์

ตลอดระยะเวลาที่สะอ์ดีได้เรียนอยู่ที่แบกแดดนั้น เขาได้เรียนกับอาจารย์หลายท่าน ได้แก่ สับฏ์ บิน เญาซี (หมายถึง อิบนุเญาซีที่สอง เป็นหลานของอิบนุเญาซี ที่มีชื่อเสียง) ชะฮาบุดดีน อุมัร สะฮ์ร วัรดี ซูฟีที่มีชื่อเสียง ในช่วงที่เขาเป็นนักเรียนอยู่นั้นก็รับเงินเบี้ยเลี้ยง ด้วยเช่นกัน  หลังจากเรียนจบแล้วเขาก็ได้เดินทางไปบรรยายและชี้นำผู้คนตามเมืองต่างๆ ตามข้อมูลที่มีอยู่มากมายในบสตอนและฆุลิสตอน กล่าวว่า สะอ์ดีได้เดินทางไปยังเมืองต่างๆ สักระยะหนึ่งในเมืองชาม เช่น เมืองดามัสกัส เมืองบะอ์ละบัก และเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นั่น[13]  แน่นอนว่าสะอ์ดี ได้เดินทางไปยัง ฮิญาซ ชาม อานาโตเลีย มาแล้ว  อย่างไรก็ตามก็ยังพบว่าเขาได้เดินทางไปยัง อินเดีย ตุรกี กัซนี อาเซอร์ไบจาน ปาเลสไตน์ จีน เยเมน และแอฟริกาเหนือ แต่ดูเหมือนว่าบางการเดินทางนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น เพื่อเป็นการนำเสนอเกี่ยวกับด้านของจริยธรรมนั่่นเอง Jan Rypka เชื่อว่าเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะเดินทางไปยังตอนเหนือของอิหร่าน ตุุรกีและอินเดีย นักเดินทางผู้นี้ตามการบันทึกหนึ่งระบุว่าท่านใช้เวลาในการเดินทางกว่า 30 ปี[14]

กลับสู่เมืองชีรอซ

สะอ์ดีเดินทางกลับมายังเมืองชีรอซประมาณปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 655 และพำนักอยู่ในอาศรม อะบูอับดิลลาฮ์ บิน คอฟีฟ ถือเป็นคนใกล้ชิดผู้ปกครองแห่งเมืองชีรอซ อะบูบักร์ สะอ์ด แซงฆี เรียกได้ว่าเปรียบดัง บิดา เลยทีเดียว แต่ ษะบีฮุลลอฮ์ ซอฟี เชื่อว่าสะอ์ดีไม่ได้เป็นนักกวีให้กับในพระราชวัง ในช่วงนี้สะอ์ดีได้เขียนบทกวีของท่านออกมามากมาย

ตามหลักฐานที่มีอยู่ในบุสตอน หลังจากกลับจากการเดินทาง สะอ์ดี ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะนำคำพูดที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาลมาฝากเป็นของที่ระลึกเขาจึงเขียนหนังสือ บุสตอนขึ้น ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 655 แล้วมอบให้กับผู้ปกครองเมืองชีรอซ อะบักร์ บิน สะอ์ด แซงฆี  มุฮัมหมัด อาลี ฮุมอยูน กาตูซิยอน ผู้เชี่ยวชาญด้านไวยากรณ์ เชื่อตามหลักฐานในฆุลิสตอนว่าหลังจากที่สะอ์ดีเขียนบุสตอนแล้วก็เกิดความกังวลขึ้นว่าอายุของตนเองนั้นก็ล่วงเลยมาเข้าสู่วัยชราแล้ว จึงต้องการจะวางมือ แต่สหายของเขาคะยั้นคะยอให้เขาเขียนหนังสือเล่มใหม่ สะอ์ดีจึงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีสำหรับการเขียนหนังสือฆุลิสตอน  โดยเริ่มเขียนในวันที่ 1 เดือนโอรเดเบเฮช ปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 6546  (กลิ่นไอของบุสตอนยังไม่ทันจางหาย) การเขียนหนังสือเล่มนี้ก็แล้วเสร็จ ดังนั้นพอสรุปได้ว่าใช้เวลาเขียนประมาณ 5-6 เดือน ซึ่ง มุฮัมหมัด อาลี ฮุมอยูน กาตูซิยอน ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์เลยทีเดียว และบ่งบอกถึงชัยชนะหลังจากที่เกิดความกังวลระยะหนึ่ง สะอ์ดีได้มอบหนังสือเล่มให้แก่ สะอ์ด บิน อะบูบักร์ แซงฆี โดยหวังว่าจะเป็นที่ยอมรับของเขา[15] Jan Rypka กล่าวว่า การที่สะอ์ดีสามารถเขียนหนังสือเล่มนี้แล้วเสร็จในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น ชี้ให้เห็นว่าเขาได้เขียนเนื้อหามันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

ก่อนที่สะอ์ดี จะเขียนบุสตอนและฆุลิสตอนนั้น ยังเป็นนักกวีที่ไม่มีชื่อเสียง แต่หลังจากที่ได้เขียนหนังสือสองเล่มนี้ก็ถูกรู้จักมากขึ้น หลังจากที่กลับมาอาศัยที่เมืองชีรอซ เขาก็ได้ใช้ชีวิตไปกับการเขียนบทกวี และจะมอบของขวัญให้แก่บรรดาผู้นำ บรรดาผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่ชื่นชอบท่านด้วยการเขียนบทกวีหรือการกล่าวให้โอวาส

สะอ์ดี กล่าวไว้ในฆุลิสตอนว่า  เขาเป็นสหายกับรัฐมนตรีของราชวงศ์ข่านอินในยุคนั้น คือ ชัมซุดดีน มุฮัมหมัด ญุวัยนี และอะฏอ มะลิก ญุวัยนี ทั้งสองท่านนี้เป็นนักพูดและนักกวี ซึ่งได้พบกับสะอ์ดีอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่สะอ์ดี กลับมายังเมืองชีรอซ ได้เดินทางไปทำพิธีฮัจญ์หนึ่งคร้้ง ขากลับได้ใช้เส้นทางอาเซอร์ไบจานเพื่อไปพบสองท่านนี้  ทั้งสองพาสะอ์ดีเข้าพบกษัตริย์ของราวงศ์ข่านอิน อะกอคอน และกษัตริย์ก็ขอให้สะอ์ดีทำการตักเตือนเขา[16]  ตลอดระยะเวลาที่อยู่เมืองชีรอซ สะอ์ดีได้พบกับนักวิชาการแห่งยุคหลายท่าน เช่น เชคซอฟียุดดีน อิรดิบีลีแต่Jan Rypka ไม่เชื่อว่าการพบปะต่างๆ จะเป็นที่น่าเชื่อถือ

กอฎี นูรุลลอฮ์ ชูชตะรี ไดับันทึกการพบกันระหว่างสะอ์ดีกับคอเญะฮ์นะซีรุดดีน ฏูซี ในเมืองชีรอซ ไว้ในหนังสือ กิซอซุลอุละมา เนื่องจากสะอ์ดีได้อ่านบทสรรเสริญแก่มุสตะอ์ซอม คอลีฟะฮ์อับบาซี จึงถูกสั่งโบยฝ่าเท้า จากนั้นไม่กี่วันทำให้เขาเสียชีวิตจากการลงโทษนี้ อย่างไรก็ตาม ในทรรศนะของ อิบรอฮีม นักโบราณคดีเปอร์เซีย แม้ว่าการลงโทษสะอ์ดีเนื่องจากการกล่าวสรรเสริญมุสตะอ์ซอม อับบาซี จะเป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดของเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สร้างขึ้น เพราะไม่เคยมีระบุว่าคอเญะฮ์เดินทางไปชีรอซ นอกจากนั้นสะอ์ดีก็ยังมีชีวิตอยู่หลังจากการเสียชีวิตของคอเญะฮ์นะซีรอีกหลายปี[17]

เสียชีวิต

มีแหล่งข้อมูลหลากหลายเกี่ยวกับการเสียชีวิตของสะอ์ดี บ้างก็ระบุว่าเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 690-695  แต่การบันทึกที่น่าเชื่อถือมากที่สุดที่ท่านสะอีด นะฟีซี อธิบายไว้ คือ เขาเสียชีวิตในวันที่ 27 เดือน ซุลฮัจญะฮ์ ปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 690 هและฝังท่านไว้ในอาศรมของท่าน