พฤติกรรมและนิเวศวิทยา ของ อีกาโคนปากขาว

กะโหลกศีรษะ ของอีกาโคนปากขาว อีกาโคนปากขาว เป็นนกสังคมอย่างมาก ในตอนค่ำจะรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ ซึ่งอาจเป็นพัน ๆ บางครั้งอาจรู้สึกว่ารวมตัวกันเป็นฝูงนี้เป็นความรำคาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมือง เสียงตัวอย่างของอีกาโคนปากขาว

อีกาโคนปากขาว เป็นนกสังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูง โดยทั่วไปจะเห็นเป็นฝูงขนาดต่างๆ โดยอีกาโคนปากขาวเพศผู้และเพศเมียใช้ชีวิตคู่กันตลอดชีวิต (pair-bond for life) และอยู่ด้วยกันกับคู่อื่น ๆ เป็นฝูง ในตอนพลบค่ำอีกาโคนปากขาวเหล่านี้มักจะกลับไปที่รังฝูง และจากนั้นบินไปรวมฝูงเกาะราวนอนในเวลากลางคืนด้วยกันที่จุดพักรวมฝูง (communal roosting) ที่ฝูงเลือกไว้ ฝูงนกจะเพิ่มขนาดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงโดยมีกลุ่มต่าง ๆ รวมตัวกันและนกที่มารวมตัวกันในตอนค่ำก่อนที่จะรวมฝูง ซึ่งมักมีจำนวนมากและอาจร่วมอยู่ในกลุ่มของ อีกาแจ๊กโดว การรวมฝูงนอน (Roosting) มักเกิดขึ้นในป่าไม้หรือพื้นที่เพาะปลูกที่มีไม้ยืนต้นมาก แต่นกส่วนน้อยจำนวนหนึ่งที่อายุไม่มากอาจยังคงเกาะนอนอยู่ที่รังฝูงของพวกมันตลอดฤดูหนาว และนกตัวผู้ที่โตเต็มวัยอาจเกาะอยู่รวมกันในบริเวณใกล้เคียง นกจะย้ายออกทันทีในตอนเช้าโดยแยกย้ายกันไปเป็นระยะทางห่างกันถึง 10 กิโลเมตร (6 ไมล์)[8]

การหาอาหารส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนพื้นดิน อีกาโคนปากขาวเดินหรือบางครั้งกระโดด สำรวจพื้นดินด้วยจะงอยปากที่ทรงพลังโดยปกติการบินของอีกาโคนปากขาวจะบินตรงด้วยการกระพือปีก และใช้การร่อนในการบินเมื่อพบเป้าหมายซึ่งเป็นส่วนน้อยในการบินปกติ ในทางตรงกันข้ามนกอาจจะร่อนนานมากขึ้นเมื่อเป็นการบินแบบพักผ่อนซึ่งมักทำใกล้กับบริเวณรังฝูง ในฤดูใบไม้ร่วงบางครั้งฝูงนกจะทำการบินเป็นกลุ่มในแบบที่น่าประทับใจ ได้แก่ การบินแบบประสานกันเป็นฝูง และการบินผาดแผลงแบบการบินดิ่ง การบินควงรอบ (บินควงสว่าน) และการบินตีลังกา[8]

อาหารและการให้อาหาร

การตรวจสอบเนื้อหาในกระเพาะอาหารพบว่าประมาณ 60% ของอาหารเป็นพืชผัก และส่วนที่เหลือเป็นเนื้อสัตว์ อาหารประเภทผัก ได้แก่ ธัญพืช มันฝรั่ง รากผลไม้ โอ๊ก เบอร์รี่และเมล็ดพืชในขณะที่ส่วนของสัตว์ส่วนใหญ่เป็น ไส้เดือน และ ตัวอ่อนของแมลง ซึ่งนกพบได้จากการตรวจสอบพื้นดินด้วยใบที่แข็งแรง นอกจากนี้ยังกินแมลงปีกแข็ง แมงมุม กิ้งกือ ทาก หอยทาก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก นกขนาดเล็ก ไข่ และลูกอ่อนของนก และอาหารบางครั้งก็มาจากซากสัตว์[8]

ในพื้นที่เขตเมือง เศษอาหารของมนุษย์จากแหล่งถมขยะ (บ่อขยะ) และตามถนนจะถูกนำมาเป็นอาหารของอีกาทั่วไป (corvids) รวมถึงอีกาโคนปากขาว ในเวลาหัวค่ำหรือตอนค่ำซึ่งค่อนข้างเงียบ บางครั้งอีกาโคนปากขาวมักจะชอบแหล่งอาหารที่มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในระดับสูง และมักจะพบว่ากำลังไล่หาอาหารในพื้นที่ท่องเที่ยวหรือจิกกระสอบหรือถุงขยะในถังแบบเปิด [9] ในฝรั่งเศสอีกาโคนปากขาวถูกใช้งานผ่านการฝึกให้เก็บขยะในสวนสนุก [10]

การติดพัน

โดยปกติแล้วอีกาโคนปากขาวตัวผู้จะเริ่มต้นการเกี้ยวพาราสีบนพื้นดิน หรือบนต้นไม้ โดยการผงกหัวหลาย ๆ ครั้งแก่ตัวเมียด้วยปีกที่ลู่ลง ในขณะเดียวกันก็ร้อง "กา ๆ" และรำแพนหางออก อีกาตัวเมียอาจตอบสนองโดยการหมอบลง โก้งโค้งหลัง และสั่นปีกเร็วสั้น ๆ หรืออาจเป็นฝ่ายให้ท่าก่อนโดยการย่อหัวและปีกลง รำแพนออกบางส่วนและยกหางไปทางลำตัวด้านหลัง[8] มากไปกว่านั้นคือ อีกาตัวเมียมักแสดงพฤติกรรมคล้ายกับการขออาหาร และอีกาตัวผู้นำแสดงพฤติกรรมคล้ายกับการให้อาหาร ก่อนการทับกันซึ่งจะเกิดขึ้นในรัง ในขั้นตอนนี้อีกาตัวผู้อื่น ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมักจะเข้ารุมโจมตีคู่ผสมพันธุ์และเกิดการต่อสู้แย่งชิงในเวลาต่อมา อีกาตัวผู้ตัวที่ไม่ใช่คู่อาจชนะและสามารถเกาะบนหลังของอีกาตัวเมียจะพยายามทับตัวเมียนั้น แต่ตัวเมียจะยุติขั้นตอนการผสมพันธุ์ลงเมื่อมันรู้ว่าเป็นอีกาตัวผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่ของมันเอง ด้วยการออกจากรังและเกาะอยู่ใกล้ ๆ[11] อีกาโคนปากขาวที่เป็นคู่ชีวิตกันมักจะไซ้จะงอยปากของกันและกัน และพฤติกรรมนี้ก็พบเห็นได้แม้นอกฤดูผสมพันธุ์ เช่นในฤดูใบไม้ร่วง[8]

การผสมพันธุ์

Egg, Collection Museum Wiesbaden Germany

การทำรังในรังฝูงมักเป็นแบบอาณานิคมเสมอ โดยปกติจะอยู่บนยอดไม้ใหญ่ ซึ่งมักจะอยู่บนเศษซากรังของปีก่อนหน้า ในพื้นที่ที่เป็นเนินเขาอีกาโคนปากขาวอาจทำรังภายในพุ่มไม้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนปล่องไฟหรือยอดแหลมของโบสถ์ นกทั้งสองเพศมีส่วนร่วมในการสร้างรังโดยตัวผู้จะหาวัสดุทำรังเป็นส่วนใหญ่และตัวเมียวางเรียงวัสดุ รังมีลักษณะเป็นรูปถ้วยและประกอบด้วยไม้รวมกับดินและมีหญ้า มอส รากไม้ ใบไม้แห้ง และฟาง [8] กิ่งไม้และกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่เป็นโครงของรัง นกหักออกจากต้นไม้โดยตรง แต่ยังพบว่ามีวัสดุทำรังจำนวนไม่น้อยที่ขโมยจากรังใกล้เคียง เช่นเดียวกับวัสดุบุรังมักจะถูกนำมาจากรังอื่น ๆ และที่เก็บรวบรวมโดยตรงจากต้นไม้[12]

โดยปกติไข่จะมีจำนวน 3 ถึง 5 ฟอง (บางครั้ง 6 และน้อยครั้งมากที่เป็น 7 ฟอง) และอาจวางไข่ในปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายนในสหราชอาณาจักร แต่ในสภาพที่รุนแรงกว่าของยุโรปตะวันออกและรัสเซียอาจเป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคมก่อนที่การฟักไข่เสร็จสมบูรณ์ [12] สีของไข่เป็นสีเขียวอมฟ้าถึงเขียวอมเทา และเกือบทั้งฟองแต้มด้วยจุดสีเทาและน้ำตาล ไข่มีขนาดเฉลี่ย 28.3-40 มม. [8] ฟักไข่เป็นเวลา 16-18 วัน ซึ่งการฟักไข่เกือบทั้งหมดทำโดยตัวเมียและมีตัวผู้เป็นผู้หาอาหารให้ หลังจากฟักไข่ตัวผู้จะนำอาหารไปที่รังในขณะที่ตัวเมียกกลูก หลังจากผ่านไป 10 วันตัวเมียจะร่วมกับตัวผู้ในการหาและให้อาหารซึ่งบรรจุมาในช่องคอ นกรุ่นจะออกจากรังเมื่ออายุ 32 หรือ 33 วัน แต่ยังคงได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ต่อไปหลังจากนั้นสักพัก ปกติจะมีคลอกเดียวในแต่ละปี แต่มีบันทึกเกี่ยวกับนกที่พยายามผสมพันธุ์ในฤดูใบไม้ร่วง[8]

ในฤดูใบไม้ร่วงนกรุ่นจะรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่พร้อมกับนกที่ไม่ได้จับคู่ในฤดูกาลก่อน ๆ ซึ่งบางครั้งจะอยู่รวมฝูงกับนกกาอื่น ในช่วงเวลานี้ของปีจะมีการแสดงการบินทางอากาศที่งดงาม งอีกาโคนปากขาวมีคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว โดยตัวเต็มวัยจะจับคู่ในระยะยาว คู่นกมักจะสนับสนุนซึ่งกันและกันในการเผชิญหน้าในทุกสถานการณ์ และนกอาจกลับไปหาคู่ของมันหลังจากการทะเลาะกันซึ่งอาจเกิดขึ้นได้[13]

อายุขัย

อัตราการตายของอีกาโคนปากขาว ในอายุปีแรกและปีที่สองอยู่ระหว่าง 54 ถึง 59 เปอร์เซ็นต์ และมีอายุขัยเฉลี่ยต่ำกว่า 3.5 ปี การสูญเสียส่วนใหญ่เกิดจากการขาดอาหารโดยตรง หรือโดยอ้อมจากโรค[14] ในบางกรณีเท่านั้นที่อีกาโคนปากขาวอาจจะมีอายุยืนยาว อายุสูงสุดของอีกาโคนปากขาวในปัจจุบันจากการวัดอายุในอีกาที่ตายแล้วในบริเตนใหญ่ อยู่ที่ 22 ปี 11 เดือน[15]

เสียง

เสียงร้องของอีกาโคนปากขาว มักมีเสียงคล้าย คอ ๆ หรือ กา ๆ และเสียงร้องค่อนข้างคล้ายกับอีกากินซาก แต่แหบปร้าน้อยกว่า ซึ่งเป็นเสียงร้องมีความหลากหลายในระดับเสียงสูงต่ำต่าง ๆ กัน และอาจหลายรูปแบบเสียงต่าง ๆ กันในสถานการณ์ที่แตกต่างกันด้วย

การร้องเกิดขึ้นทั้งในขณะบินและขณะเกาะอยู่ ซึ่งในแต่ละครั้งที่ร้องนกจะรำแพนหางและโก้งโค้งหัว

โดยปกติการร้องในขณะบินจะทำเพียงตัวเดียว ซึ่งตรงกันข้ามกับอีกากินซาก ซึ่งร้องในขณะบินเป็นกลุ่มสามหรือสี่ตัว เสียงร้องอื่น ๆ เกิดขึ้นรอบ ๆ รังฝูง เช่น เสียงแหลมสูง เสียง "เรอ" และเสียงร้องเจื้อยแจ้วคล้ายนกชนิดอื่น อีกาโคนปากขาวที่โดดเดี่ยวจะร้องเป็นครั้งคราวให้กับตัวมันเอง โดยการเปล่งเสียงแปลก ๆ เช่น เสียงกิก ๆ เสียงหวีดฮืด ๆ ที่คล้ายมนุษย์ที่กำลังนอน และเสียงร้องที่ทำเลียนแบบนกกิ้งโครง[8]

ในภาพวาด The Rooks Have Returned (1871) โดย Alexei Savrasov แสดงการมาถึงของอีกาโคนปากขาว ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังมาถึงภาพเคลื่ิอนไหวของอีกาโคนปากขาวในรัง ฝูงอีกาโคนปากขาว

ความสามารถทางสติปัญญา

แม้ว่าจะไม่สามารถสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มอีกาโคนปากขาวในธรรมชาติในเรื่องความน่าจะเป็นที่แสดงเห็นถึงการใช้เครื่องมือ แต่ในกลุ่มที่เลิ้ยงในที่กักขังได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้เครื่องมือและการแก้ปัญหาปริศนา หนึ่งในปริศนาที่ได้รับการทดสอบบ่อยที่สุดคือ ปริศนากับดักท่อกลม ซึ่งอีกาโคนปากขาวเรียนรู้วิธีการได้รางวัลจากในท่อ โดยหลีกเลี่ยงกับดักอีกด้านหนึ่งได้[16][17]

และยังได้รับการบันทึกว่าอีกาโคนปากขาวเป็นนกชนิดหนึ่งในหลาย ๆ ชนิดที่นอกจากจะสามารถใช้เครื่องมือ ยังสามารถปรับเปลี่ยนเครื่องมือให้ตรงกับความต้องการได้[18]

อีกาโคนปากขาวเรียนรู้ได้ว่าถ้าพวกมันผลักก้อนหินออกจากแผ่นกระดานให้ตกลงไปในท่อจะได้รับอาหาร อีกาโคนปากขาวยังค้นพบอีกว่าพวกมันสามารถหาก้อนหิน ใช้ และนำหินกลับมาใช้ใหม่ได้อีก และพวกมันยังสามารถใช้ไม้และลวดรวมทั้งหาวิธีการงอลวดให้เป็นตะขอเพื่อเข้าถึงสิ่งของได้ด้วย [19] อีกาโคนปากขาวมีความเข้าใจความคิดเรื่องระดับน้ำ สามารถใช้ก้อนหินที่ได้รับจำนวนหนึ่งไปทิ้งลงในท่อที่มีน้ำกึ่งหนึ่งให้เต็ม และได้รางวัลที่ลอยขึ้นมาเมื่อระดับน้ำสูงพอ พวกมันไม่เพียงแค่เข้าใจว่าต้องใช้หินเหล่านั้น แต่ยังเข้าใจว่าหินก้อนใดดีที่สุดที่ควรใช้ด้วย[20]

หนึ่งในการทดลองหลายรูปแบบ อีกาโคนปากขาวสามารถเคาะรางวัลออกจากแท่นได้โดยการกลิ้งก้อนหินลงท่อไปที่ฐานของแท่น ดูเหมือนว่า อีกาโคนปากขาวจะเข้าใจความคิดที่ว่าหินที่หนักกว่าจะกลิ้งเร็วกว่าและมีแนวโน้มที่จะกระแทกพื้นมากขึ้น ในการทดสอบเดียวกันนี้ อีกาโคนปากขาวแสดงให้เห็นว่าพวกมันเข้าใจว่าพวกมันจำเป็นต้องเลือกหินที่มีรูปร่างที่จะกลิ้งได้ง่าย[18]

อีกาโคนปากขาวยังแสดงความสามารถในการทำงานร่วมกัน (ปริศนาความร่วมมือ) เพื่อรับรางวัล ในการได้รับรางวัลอีกาแต่ละตัวจะต้องช่วยกันดึงเชือก ให้แผ่นกระดานยกขึ้นและพวกมันได้รับรางวัลที่กลิ้งออกมา แต่ดูเหมือนว่าอีกาโคนปากขาวจะไม่ชอบการทำงานเป็นกลุ่มเมื่อเทียบกับการทำงานเดี่ยว[21]

พวกมันยังดูเหมือนจะเข้าใจแนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วง ซึ่งเทียบได้กับทารกอายุ 6 เดือน และแม้แต่มีความสามารถเกินความสามารถของลิงชิมแปนซี [22] แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช้เครื่องมือในธรรมชาติ แต่การศึกษาวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า อีกาโคนปากขาวสามารถทำได้ในการทดสอบความรู้ความเข้าใจ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือ และ สามารถพอจะทัดเทียมกันได้กับลิงชิมแปนซี และในบางสถานการณ์ก็มีประสิทธิภาพสูงกว่าลิงชิมแปนซีอีกด้วย[23]