พระราชชนนีผู้น่าอับอาย ของ อีซาแบลแห่งอ็องกูแลม


วิลเลียม มาร์แชล เอิร์ลแห่งเพมโบรกผู้มากความสามารถถูกตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคู่กับอูแบร์ เดอ บะระ ในตอนที่พระเจ้าจอห์นสิ้นพระชนม์อังกฤษตกอยู่ในภาวะอนาธิปไตยและสงครามกลางเมือง กรุงลอนดอนและท่าเรือของช่องแคบส่วนใหญ่ตกอยู่ในการครอบครองของฝรั่งเศส มาร์แชลได้ประกาศตนว่าจะปกครองตามเงื่อนไขในแม็กนาคาร์ตา ผู้รุกรานฝรั่งเศสถูกขับไล่ออกไป สันติภาพกลับคืนสู่อังกฤษอีกครั้ง


ในรัชสมัยของพระเจ้าจอห์นอีซาแบลไม่มีทั้งเงินและอำนาจ หลังการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 สถานะของพระนางก็ยังคงเหมือนเดิม ในปี ค.ศ. 1217 หลังพระเจ้าเฮนรีที่ 3 ราชาภิเษกได้ไม่ถึงหนึ่งปี อีซาแบลได้เดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อไปแสดงสิทธิ์ในอ็องกูแลม มรดกที่พระนางได้รับมาจากบิดา โดยทิ้งพระโอรสไว้ในการดูแลของวิลเลียม มาร์แชล พระนางได้พาโจน พระธิดาคนโตเดินทางไปกับพระนางด้วย โดยเป้าหมายอย่างเป็นทางการของการเดินทางครั้งนี้คือเพื่อพาตัวโจนไปส่งให้แก่อูกที่ 10 แห่งลุยซียญ็อง เคานต์แห่งลามาร์ช ตามการคลุมถุงชนที่ได้ตระเตรียมไว้ โดยอูกนั้นเป็นบุตรชายของอูกที่ 9 อดีตคู่หมายของอีซาแบล โจนถูกพาตัวไปที่ราชสำนักลุยซีนญ็องเพื่อเตรียมตัวสมรสตามธรรมเนียมในยุคนั้น ทว่าเมื่อได้เห็นความงามที่ไม่เสื่อมคลายของอีซาแบล อูกกลับถูกใจพระมารดาของเด็กน้อยมากกว่า ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1220 อีซาแบลได้สมรสกับอูกที่ 10 แห่งลุยซีนญ็องโดยอ้างว่าทรงทำไปเพื่อช่วยพระธิดาจากความเสี่ยงในการสมรสและการตั้งครรภ์ในวัยที่ยังเด็กเกินไป พระองค์ได้เขียนจดหมายถึงพระโอรสในอังกฤษความว่า

"พระเจ้าทรงรู้ว่าเราทำเช่นนี้เพื่อเจ้า ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง"


การสมรสของอีซาแบลกับอูกเกิดขึ้นโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากสภากษัตริย์ซึ่งตามหลักการแล้วพระราชินีม่ายแห่งอังกฤษต้องได้รับการอนุญาตจากสภาก่อนทำการสมรสใหม่ สภาตอบโต้การฝ่าฝืนกฎครั้งนี้ด้วยการริบดินแดนนอร์ม็องดีซึ่งเป็นมรดกจากพระสวามีผู้ล่างลับและริบเบี้ยหวัดที่ได้รับในฐานะพระราชินีม่ายแห่งอังกฤษ สองสามีภรรยาใช้เจ้าหญิงโจนเป็นเครื่องต่อรองกับฝ่ายบริหารของอังกฤษโดยแจ้งว่าจะคืนตัวเจ้าหญิงให้ก็ต่อเมื่ออีซาแบลได้รับข้อตกลงด้านการเงินที่น่าพอใจ ไม่เช่นนั้นจะไม่ส่งตัวเจ้าหญิงโจนให้ไปสมรสกับพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่งสกอตแลนด์ซึ่งเป็นคู่หมั้นคนใหม่ สมเด็จพระสันตะปาปาซึ่งอยู่ฝ่ายพระเจ้าเฮนรีที่ 3 ข่มขู่ว่าจะตัดอีซาแบลกับอูกออกจากศาสนา แต่สุดท้ายอังกฤษก็ยอมจ่ายเงินชดเชยค่าดินแดนที่ยึดมาจากอีซาแบลและกลับมาจ่ายเบี้ยหวัดบางส่วนให้แก่พระนาง


ชีวิตสมรสของอีซาแบลกับอูกไม่ค่อยมั่นคงนักเนื่องจากอูกไม่ซื่อสัตย์ต่อพระนาง ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้งและข่มขู่ว่าจะเลิกกันหลายครั้ง แต่กระนั้นก็มีบุตรธิดาด้วยกันถึง 9 คน คือ

  1. อูกที่ 11 แห่งลุยซีนญ็อง (เกิด ค.ศ. 1221)
  2. อีย์มาร์ เดอ แวล็องส์ (เกิด ค.ศ. 1222) บิชอปแห่งวินเชสเตอร์
  3. แอนเญ็ส เดอ โชวีนญี (เกิด ค.ศ. 1224) สมรสกับกีโยมที่ 2 เดอ โชวีนญี
  4. อาลีส เดอ ลุยซีนญ็อง เคาน์เตสแห่งเซอร์รีย์ (เกิด ค.ศ. 1224) สมรสกับจอห์น เดอ วอเรนน์ เอิร์ลแห่งเซอร์รีย์
  5. กีย์ เดอ ลุยซีนญ็อง ถูกสังหารในสมรภูมิลูอิส
  6. จูฟเฟรย์ เดอ ลุยซีนญ็อง
  7. กีโยม เดอ แวล็องส์ เอิร์ล์ที่ 1 แห่งเพมโบรก
  8. มาร์เกอรีต เดอ ลุยซีนญ็อง เคาน์เตสแห่งตูลูส (เกิด ค.ศ. 1226) สมรสครั้งแรกกับแรมงที่ 7 เคานต์แห่งตูลูส ต่อมาสมรสกับอีย์มาร์ที่ 9 เดอ ตัวร์
  9. อีซาแบล เดอ แร็งกง (เกิด ค.ศ. 1234) สมรสครั้งแรกกับโมรีสที่ 4 เดอ คร็อง ต่อมาสมรสครั้งที่สองกับจูฟเฟรย์ เดอ แร็งกง


ใกล้เคียง

อีซาแบลแห่งฝรั่งเศส อีซาแบลแห่งอ็องกูแลม อีซาแบลา เมนิง อีซาแบลแห่งโปรตุเกส อีซาแบลแห่งวาลัว อีซาแบลแห่งแอโน อีซาแบล อาจานี อีซาแบลแห่งกูอิงบรา สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส อีซา อีซาค ฮาลัตนีคอฟ