ประวัติ ของ เฉิน_เฉิง

ชีวิตในช่วงแรก

เฉิน เฉิง ปีค.ศ. 1920

เฉิน เฉิง เกิดในเมืองชิงเทียน, มณฑลเจ้อเจียง เขาสำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนทหารเป่าติ้ง ในปี 1922 และเข้ามาศึกษาที่โรงเรียนการทหารหวงผู่ สองปีต่อมา ที่นี่เป็นที่ซึ่งเขาพบ เจียง ไคเชก เป็นครั้งแรกซึ่งในขณะนั้นเจียงก็ได้เป็นผู้อำนวยการของสถาบัน ต่อมาเฉินได้เข้าร่วมเป็นทหารของกองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีน และมีส่วนเข้าร่วมรบในการกรีฑาทัพขึ้นเหนือ

บทบาทในกองทัพ

เฉิน เฉิง ยืนตรงกลางระหว่าง ไป้ ช่งฉี่(ซ้าย) หลี่ จงเหริน(ขวา)ขณะตรวจราชการที่เมืองหนานหนิง วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1936

ในระหว่างการกรีฑาทัพขึ้นภาคเหนือ เฉินแสดงความสามารถในการเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมของเขา ภายในหนึ่งปีแห่งการพิชิตเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากผู้บังคับบัญชาไปยังหน่วยงานต่างๆ

ต่อมาหลังจากการเดินทางเฉินก็เริ่มทำงานในสงครามต่อต้านขุนศึก ความสำเร็จของเขาในการต่อสู้เหล่านี้ทำให้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกครั้ง ในคราวนี้เขาได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการของกองทัพบกที่ 18(กองทัพปฏิวัติแห่งชาติ)

เฉิน เฉิงได้ร่วมรบกับเจียง ไคเชกกรีฑาทัพขึ้นเหนือสำเร็จ โค่นล้มรัฐบาลเป่ยหยาง เป็นผลให้เหล่าขุนศึกถูกปราบ แผ่นดินรวมเป็นหนึ่ง มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้รัฐบาลชาตินิยม หรือ "รัฐบาลจีนคณะชาติ" ของพรรคก๊กมินตั๋งที่กรุงหนานจิง ในระหว่างที่ทำพิธีจัดตั้งรัฐบาลเฉิน เฉิงได้ร่วมเป็นหนึ่งในพิธีที่กรุงหนานจิงด้วย

การงานที่รัฐบาลคณะชาติหนานจิง

เมื่อได้มีการตั้งรัฐบาลจีนคณะชาติที่กรุงหนานจิงแล้ว รัฐบาลจีนขณะนั้นได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากรัฐบาลนาซีเยอรมัน เฉิน เฉิงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้คุมและผู้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่เยอรมัน ในการฝึกกองทัพที่เขาบัญชาการอยู่ นอกจากนี้เฉิน เฉิงยังได้เดินทางบินไปศึกษาดูงานที่เยอรมนีหลายครั้ง จนได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะทูตทหารจีนประจำเยอรมันและได้รับมอบเครื่องอิสริยาภรณ์อินทรีเยอรมัน

การต่อต้านคอมมิวนิสต์

สงครามกลางเมืองจีนครั้งแรก

เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1931 เฉินได้รับมอบหมายให้ปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมีกองทัพเป็นของตนเองคือกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนหรือ "กองทัพแดง" ภารกิจของเฉินในการรบต่าง ๆ เพื่อค้นหากำลังหลักของกองทัพแดง หน่วยของเฉินประสบกับการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ในการรณรงค์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ครั้งที่ห้าในที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะพวกคอมมิวนิสต์ได้และบีบให้กองทัพแดงเปิดฉากการเดินทัพทางไกล

การรณรงค์ต่อต้านกองทัพแดงสิ้นสุดลงหลังจาก อุบัติการณ์ซีอาน ซึ่งเจียงไคเชกและเจ้าหน้าที่ของเขาถูกบังคับให้ตกลงร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นการสิ้นสุดสงครามกลางเมืองจีนชั่วคราว พรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์จีนร่วมมือกันเพื่อต่อต้านการรุกรานประเทศจีนของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น

สงครามต่อต้านญี่ปุ่น

สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง

เฉิน เฉิงในช่วงระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองเฉิน เฉิง (ขวาด้านหลัง) ขณะตรวจพลทหารพร้อมจอมทัพเจียง ไคเชก (ด้านหน้า)

ในระหว่างยุทธการเซี่ยงไฮ้ เขาเป็นหนึ่งในผู้ช่วยทหารชั้นนำของเจียงไคเชก เฉินมีแนวความคิดที่จะแสวงหาการกระทำที่เด็ดขาดในภาคใต้แทนที่จะเผชิญหน้ากับญี่ปุ่นในภาคเหนือของจีน ซึ่งกองกำลังชาตินิยมอยู่ในสภาพที่ไม่ดีและขาดพาหนะขนส่ง หลังจากการล่มสลายของเมืองเซี่ยงไฮ้และเมืองหลวงหนานจิง ทำให้รัฐบาลจีนคณะชาติย้ายเมืองหลวงหนีไปเมืองอู่ฮั่น เฉินได้ย้ายไปตั้งหลักที่เมืองหูเป่ย เพื่อวางแผนบัญชาการรบป้องกันเมืองอู่ฮั่นในยุทธการอู่ฮั่น ในช่วงปี ค.ศ. 1938 อู่ฮั่นเป็นฐานทัพบัญชาการใหญ่ชั่วคราวของกองทัพจีน อย่างไรก็ตามกองทัพญี่ปุ่นสามารถเอาชนะกองทัพจีนได้แม้ว่าจะประสบกับความสูญเสียหนักและอู่ฮั่นถูกญี่ปุ่นเข้ายึด เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1938

ในปีต่อๆมาของสงคราม เฉิน เฉิงได้รับมอบหมายในการวางแผนป้องการเมืองฉางชาในยุทธการฉางชาและได้รับชัยชนะอย่างงดงามเป็นครั้งแรกต่อกองทัพญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1943 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังรบนอกประเทศของจีนในการรบที่พม่า

เนื่องจากเฉินได้มีอาการเจ็บป่วยบ่อยๆ การบัญชาการของเขาได้ถูกแทนที่โดย เหว่ย หลี่หวง ซึ่งได้รับตำแหน่งให้ทำการแทน

สงครามกลางเมืองจีน

ดูบทความหลักที่: สงครามกลางเมืองจีน
เฉิน เฉิงในนิตยสารกองทัพสาธารณรัฐ

หลังจากสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองสิ้นสุดลง เฉินกลายเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่กองทัพสาธารณรัฐและผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพเรือ เขาทำตามคำสั่งของจอมทัพเจียง ไคเชกในการปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้สิ้นซากและเริ่มโจมตีพื้นที่ "ปลดปล่อย" ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน การโจมตีของเขาครั้งนี้เป็นการเปิดฉากสงครามกลางเมืองจีนอีกครั้ง

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1947 เจียง ไคเชกได้แต่งตั้งเฉินเป็นผู้อำนวยการสำนักงานฐานทัพใหญ่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณแถบแมนจูเรีย โดยให้เป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังจีนคณะชาติในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ดังกล่าว เฉิน เฉิงทำผิดพลาดครั้งสำคัญในการตัดสินใจยุบกองกำลังรักษาความปลอดภัยในท้องถิ่นเพราะพวกเขาเคยร่วมมือและรับใช้ในกองทัพแมนจูกัวของญี่ปุ่น เพียงเพราะเห็นว่าเป็นมรดกของผู้รุกรานชาวญี่ปุ่น อันเป็นผลให้ความแข็งแกร่งของกองทัพคณะชาติในแมนจูเรียลดลงจาก 1.3 ล้านเหลือน้อยกว่า 480,000 นาย นอกจากนี้เขายังสั่งปลดผู้บัญชาการทหารที่มีความสามารถมากที่สุดเช่น ตู้ หยูหมิง, ซุนลี่เจน, เจิ้งตงกวนและเฉินหมิงเหริน เป็นผลให้เขาประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ต่อพรรคคอมมิวนิสต์และทำให้เจียงไคเชกถึงกับตำหนิเฉินอย่างรุนแรงที่หนานจิงและส่งเหว่ย หลี่หวงไปแทนที่เขาอีกครั้งในการรบต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่เสิ่นหยางในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดแทนเขา[1] แต่กองทัพของเหว่ย หลี่หวงก็ไม่สามารถป้องกันกองทัพคอมมิวนิสต์ได้จึงประสบกับความพ่ายแพ้ เมื่อ ปี ค.ศ. 1949 รัฐบาลคณะชาติของพรรคก๊กมินตั๋งได้พ่ายแพ้สงครามกลางเมืองจีนให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนและหนีไปตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นที่เกาะไต้หวัน เฉิน เฉิงได้หลบหนีไปไต้หวันอย่างปลอดภัยและเพื่อรักษาโรคกระเพาะอาหารเรื้อรังของเขา