เพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค หรือชื่อเต็มคือ
เพาล์ ลูทวิช ฮันส์ อันโทน ฟ็อน เบ็นเน็คเคินดอร์ฟ อุนท์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค (
เยอรมัน: Paul Ludwig Hans Anton von Beneckendorff und von Hindenburg) เป็น
จอมพลและรัฐบุรุษเยอรมัน เขาเป็นผู้บัญชาการ
กองทัพบกเยอรมันในช่วง
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และต่อมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเยอรมนีในปีค.ศ. 1925 จนถึงแก่อสัญกรรม จอมพลฮินเดินบวร์คมีส่วนสำคัญที่ทำให้
ฮิตเลอร์ได้เถลิงอำนาจในปีค.ศ. 1933 (แม้เขาจะไม่ชอบฮิตเลอร์) เขายอมลงนามแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ขณะนั้นพรรคนาซียังเป็นเสียงข้างน้อยในสภา
ไรชส์ทาคฮินเดินบวร์คเกิดในตระกูลขุนนางปรัสเซียระดับล่าง เขาเข้าร่วมกองทัพปรับเซียในปีค.ศ. 1866 และผ่าน
สงครามออสเตรีย-ปรัสเซีย สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ฮินเดินบวร์คเกษียณราชการในปีค.ศ. 1911 ขณะมียศเป็น
พลเอกทหารราบ แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นในปีค.ศ. 1914 เขาก็ถูกเรียกเข้ารับราชการใหม่ในวัย 66 ปี เขาสร้างชื่อเสียงไปทั่วประเทศจากชัยชนะใน
ยุทธการที่ทันเนินแบร์คและได้เลื่อนยศเป็นจอมพลในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1914 ต่อมาฮินเดินบวร์คได้รับตำแหน่ง
หัวหน้าคณะเสนาธิการใหญ่จักรวรรดิในปีค.ศ. 1916
[1] ความนิยมชมชอบในตัวเขาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็น
ลัทธิบูชาบุคคล จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มทรงเพิ่มอำนาจเขาในกรมบัญชาการทหารสูงสุด ในที่สุด ฮินเดินบวร์คและผู้ช่วยอย่างพลเอก
เอริช ลูเดินดอร์ฟ ก็กลายเป็นสองผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือกองทัพภายหลังเยอรมนีแพ้สงคราม ฮินเดินบวร์คก็เกษียณอีกครั้งในปีค.ศ. 1919 แต่แล้วก็กลับสู่แวดวงระดับชาติอีกครั้งในปีค.ศ. 1925 เพื่อสมัครลงรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่สองและเขาก็ชนะการเลือกตั้ง ฮินเดินบวร์คชนะการเลือกตั้งอีดครั้งในปีค.ศ. 1932 โดยกวาดที่นั่งเหนือพรรคนาซีอย่างขาดลอย แม้ฮินเดินบวร์คพยายามจะขัดขวางฮิตเลอร์และพยายามรักษาเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากกระแสคอมมิวนิสต์ การยุบสภาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1932 ทำให้พรรคนาซีชนะเลือกตั้งได้ครองเสียงข้างมากในสภา ฮินเดินบวร์คยอมแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในต้นปีค.ศ. 1933 และเดือนต่อมาก็ลงนามใน
กฤษฎีกาเพลิงไหม้ไรชส์ทาคซึ่งระงับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ท้ายที่สุด สถานการณ์ก็บีบให้เขาลงนามใน
รัฐบัญญัติมอบอำนาจแก่ฮิตเลอร์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1933 อันเป็นการเปิดฉาก
นาซีเยอรมนีอย่างเป็นทางการ ฮินเดินบวร์คเริ่มลดบทบาทตัวเองลงเนื่องด้วยเหตุผลทางสุขภาพในปีถัดมา ประธานาธิบดีฮินเดินบวร์คซึ่งพำนักอยู่ในบ้านพักที่
ปรัสเซียตะวันออก ได้ถึงแก่อสัญกรรมจากโรค
มะเร็งปอดในวัย 86 ปี ฮิตเลอร์จึงได้ให้คณะรัฐมนตรีผ่าน "กฎหมายว่าด้วยตำแหน่งประมุขสูงสุดแห่งไรช์" ประกาศตนเป็น "
ฟือเรอร์และนายกรัฐมนตรีไรช์" แทนที่ตำแหน่งประธานาธิบดี
[2]