เมนูนำทาง
เหยี่ยวออสเปร อนุกรมวิธานเหยี่ยวออสเปรเป็นหนึ่งในหลายๆสปีชีส์ที่ได้รับการบรรยายและจัดจำแนกโดยคาโรลัส ลินเนียสในงานสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ของเขาที่ชื่อ Systema Naturae ลินเนียสได้ตั้งชื่อเหยี่ยวชนิดนี้ว่า Falco haliaeetus[2] ส่วนสกุล Pandion ได้รับการบรรยายและจัดจำแนกโดย มารี ชูเลย์ เซซาร์ ซาวีญย์ (Marie Jules César Savigny) นักสัตววิทยาชาวฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1809[3]
เหยี่ยวออสเปรมีความแตกต่างจากนกล่าเหยื่อในเวลากลางวันชนิดอื่นหลายประการ คือ นิ้วเท้าของมันยาวเท่ากัน กระดูกข้อเท้าเป็นร่างแห และกรงเล็บหมุนรอบได้แทนที่จะเป็นร่อง เหยี่ยวออสเปรและนกเค้าเท่านั้นที่นิ้วเท้าด้านนอกสามารถพลิกกลับได้ ช่วยให้มันจับเหยื่อด้วยสองนิ้วเท้าด้านหน้าและสองนิ้วเท้าด้านหลัง โดยเฉพาะช่วยให้มันจับปลาตัวลื่นๆได้[4] เหยี่ยวออสเปรยังคงสร้างปัญหาให้กับนักอนุกรมวิธาน มันเป็นสมาชิกเพียงชนิดเดียวของวงศ์ Pandionidae และอยู่ในอันดับ Falconiformes ส่วนผังอื่นวางมันไว้ข้างเหยี่ยวและนกอินทรีในวงศ์ Accipitridae ซึ่งด้วยตัวมันเองสามารถพิจารณาเป็นกลุ่มของอันดับ Accipitriformes หรือมิฉะนั้นก็รวมกับ Falconidae ในอันดับ Falconiformes อนุกรมวิธานซิบลีย์-อัลควิสต์ (Sibley-Ahlquist taxonomy) ได้วางมันไว้ร่วมกับนักล่าที่หากินกลางวันชนิดอื่นในอันดับ Ciconiiformes ซึ่งเป็นอันดับที่มีขนาดใหญ่มาก แต่วิธีนี้ขัดกับการจำแนกกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีบรรพบุรุษร่วมกันแต่ไม่ได้รวมทายาททั้งหมดไว้ในกลุ่ม[5]
เหยี่ยวออสเปรที่พบทั่วโลกเป็นชนิดเดียวกันทั้งหมด แม้ว่าจะมีชนิดย่อยอยู่สองสามชนิดแต่ไม่มีการแบ่งแยกที่ชัดเจน มี 4 ชนิดย่อยที่เป็นที่ยอมรับแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย และ ITIS มีรายชื่อเพียงสองชนิดแรกเท่านั้น[3]
ในปัจจุบัน พบนก 2 ชนิดในสกุล Pandion จากซากดึกดำบรรพ์[8] หนึ่งคือ Pandion homalopteron ได้รับการตั้งชื่อโดย สทูอาร์ต แอล. วอร์เทอร์ (Stuart L. Warter) ในปี ค.ศ. 1976 จากซากดึกดำบรรพ์กลางสมัยไมโอซีน ช่วงอายุบาร์สโตเวียน (Barstovian) พบในสิ่งทับถมภาคพื้นสมุทรในตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ชนิดที่สองคือ Pandion lovensis ได้รับการจำแนกในปี ค.ศ. 1985 โดย โจนาทาน เจ. เบกเคอร์ (Jonathan J. Becker) จากซากดึกดำบรรพ์ช่วงอายุตอนปลายคลาเรนโดเนียน (Clarendonian) ที่พบในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเป็นตัวแทนของสายสกุลที่แยกออกมาจาก P. homalopteron และ P. haliaetus มีการค้นพบซากกรงเล็บดึกดำบรรพ์จากตะกอนชั้นหินสมัยไพลโอซีนและสมัยไพลสโตซีนในรัฐฟลอริดาและรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซากดึกดำบรรพ์ของนกวงศ์ Pandionidae ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นซากดึกดำบรรพ์ในสมัยโอลิโกซีน หมวดหินเจเบลเกทรานิ (Jebel Qatrani Formation) เมืองฟายุม (Faiyum) ประเทศอียิปต์ แต่ซากดึกดำบรรพ์ก็ไม่สมบูรณ์พอที่จะระบุสกุลได้[9] ซากกรงเล็บดึกดำบรรพ์อื่นๆ ได้รับการค้นพบในสิ่งทับถมสมัยโอลิโกซีนตอนต้น ลุ่มน้ำไมนทซ์ ประเทศเยอรมนี และได้รับการจำแนกในปี ค.ศ. 2006 โดยเกอร์รัลด์ ไมร์ (Gerald Mayr)[10]
ชื่อสกุล Pandion ตั้งตามชื่อกษัตริย์ในเทพปกรณัมกรีก แพนดีออน (Pandion) แห่งเอเธนส์และเป็นปู่ของธีสซูส (Theseus) ผู้ซึ่งกลายร่างเป็นนกอินทรี[11] ชื่อสปีชีส์ haliaetus มาจากภาษากรีกโบราณ ἁλιάετος"อินทรีทะเล/ออสเปร"[12]
ที่มาของคำว่า Osprey (ออสเปร) นั้นไม่แน่ชัด[13] คำนี้มีบันทึกครั้งแรกราวปี ค.ศ. 1460 กลายมาจากภาษาแอนโกล-ฝรั่งเศส ospriet และภาษาละตินยุคกลาง คำว่า avis prede ซึ่งแปลว่า "นกล่าเหยื่อ" โดยมาจากภาษาละตินคำว่า avis praedæ แม้ว่าพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับออกซฟอร์ดบันทึกว่ามีความเชื่อมโยงกับภาษาละตินคำว่า ossifraga หรือ "นักหักกระดูก" ของพลินิผู้อาวุโส[14][15] ซึ่งคำนี้หมายถึงแร้งเครายาว (Lammergeier)[16]
เมนูนำทาง
เหยี่ยวออสเปร อนุกรมวิธานใกล้เคียง
เหยี่ยวออสเปร เหยี่ยว เหยี่ยวแดง เหยี่ยวดำ เหยี่ยวนกเขา เหยี่ยวเคสเตรล เหยี่ยวนกเขาชิครา เหยี่ยวเพเรกริน เหยี่ยวรุ้ง เหยี่ยวเคสเตรลพันธุ์อเมริกาแหล่งที่มา
WikiPedia: เหยี่ยวออสเปร http://www.etymonline.com/index.php?term=osprey http://www.flickr.com/groups/birdguide/pool/tags/P... http://ibc.lynxeds.com/species/osprey-pandion-hali... http://www.marthas-vineyard-vacation-tips.com/ospr... http://www.microwavetelemetry.com/newsletters/wint... http://www.scricciolo.com/classificazione/sequence... http://archimedes.fas.harvard.edu/cgi-bin/dict?nam... http://www.flmnh.ufl.edu/wwwsounds/birds/hardy4sh.... http://animaldiversity.ummz.umich.edu/site/account... http://www.uncw.edu/facts/traditions.html