งานเกี่ยวกับสิทธิสตรี ของ เอ็มมา_วอตสัน

วอตสันส่งเสริมการศึกษาของเด็กหญิงด้วยการแวะเยี่ยมประเทศบังกลาเทศและแซมเบีย[118] ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 เธอมีนัดพบในฐานะทูตสันถวไมตรีสตรีของสหประชาชาติ[13] ในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้น วอตสันซึ่งยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจ[119] ส่งที่อยู่ให้สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติในนครนิวยอร์กเพื่อออกโครงการรณรงค์ฮีฟอร์ชี (HeForShe) ซึ่งเรียกร้องให้ผู้ชายสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางเพศ ในสุนทรพจน์ครั้งนั้น เธอกล่าวว่าเธอเริ่มสงสัยถึงสมมุติฐานเกี่ยวกับเพศเมื่ออายุแปดขวบเมื่อเธอถูกเรียกว่า "เจ้ากี้เจ้าการ" (ลักษณะนิสัยที่ทำให้เธอเป็นผู้สมบูรณ์แบบ)[120] ขณะที่เด็กชายไม่ถูกเรียกเช่นนั้น และขณะอายุ 14 ปี เมื่อเธอ "ถูกสื่อบางแหล่งให้ความสำคัญทางเพศ"[121] คำกล่าวของวอตสันได้ชื่อว่ามีคตินิยมสิทธิสตรี "ความเชื่อที่ว่าผู้ชายและผู้หญิงควรมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน" และเธอประกาศว่าเรื่องที่เธอ "เกลียดผู้ชาย" เป็นสิ่งที่เธอ "ต้องหยุดให้ได้"[119] ต่อมาวอตสันได้รับภัยคุกคามหลังจากกล่าวสุนทรพจน์ไม่ถึง 12 ชั่วโมง ทำให้เธอรู้สึก "โกรธเกรี้ยว ถ้าพวกเขาพยายามทำให้ฉันเลิกทำสิ่งนี้ มันจะเป็นตรงข้ามกันเลย"[122] ในปี พ.ศ. 2558 มาลาลา ยูซาฟไซ บอกกับวอตสันว่าเธอตัดสินใจเรียกตนเองว่าผู้สนับสนุนสิทธิสตรีหลังจากได้ฟังสุนทรพจน์ของวอตสัน[123]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เอ็มมา_วอตสัน http://www.news.com.au/perthnow/story/0,21598,2144... http://www.smh.com.au/news/film/a-life-after-harry... http://www.newswire.ca/en/releases/archive/March20... http://abcnewsradioonline.com/entertainment-news/w... http://bibliofiend.com/2013/06/13/emma-watson-and-... http://www.boxofficemojo.com/alltime/world/worldwi... http://www.boxofficemojo.com/movies/?id=taleofdesp... http://www.boxofficemojo.com/yearly/chart/?view2=w... http://www.calendarlive.com/movies/reviews/cl-et-t... http://www.cbsnews.com/news/this-is-the-end-emma-w...