โรคคาวาซากิ (
ญี่ปุ่น: 川崎病;
อังกฤษ: Kawasaki disease) หรือ
กลุ่มอาการเยื่อเมือกผิวหนังต่อมน้ำเหลือง[6] (
อังกฤษ: Mucocutaneous lymph node syndrome; MCLS, MLNS หรือ MCLNS) เป็น
กลุ่มอาการที่ยังไม่ทราบสาเหตุชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยมักมีอายุน้อยกว่า 5 ปี และมีอาการเด่นคือมี
ไข้[7] โรคนี้เป็น
โรคหลอดเลือดอักเสบชนิดหนึ่ง
[1] ผู้ป่วยมักมีไข้มากกว่า 5 วัน โดยไข้มักไม่ลดลงหลังกิน
ยาลดไข้ทั่วๆ ไป
[1] อาการอื่นที่พบได้บ่อยคือมี
ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ผื่นตามร่างกายและอวัยวะเพศ
ตาแดง ปากแดง ฝ่ามือฝ่าเท้าแดง
[1] สามสัปดาห์หลังเริ่มมีอาการผิวหนังบริเวณมือและเท้ามักลอก และผู้ป่วยมักมีอาการดีขึ้น
[1] ผู้ป่วยบางรายจะมี
หลอดเลือดหัวใจโป่งพองตามมาเป็นภาวะแทรกซ้อน
[1]แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุจำเพาะ แต่เชื่อกันว่ากลไกการเกิดอาการของโรคนี้มาจากการทำงานผิดปกติของ
ระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังจากตอบสนองต่อ
การติดเชื้อบางประเภทในเด็กที่มีพันธุกรรมไวต่อการเกิดโรค โรคนี้ไม่ติดต่อจากคนสู่คน
[1] การวินิจฉัยทำได้โดยดูจากอาการและอาการแสดง
[1] การตรวจพิเศษอื่นๆ อาจช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยได้ เช่น
การตรวจอุลตราซาวนด์หัวใจ การตรวจเลือด เป็นต้น
[1] กระบวนการวินิจฉัยจะต้องพิจารณาถึงโรคอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย เช่น
ไข้ดำแดง โรคข้ออักเสบในเด็ก เป็นต้น
[8]การรักษาโรคคาวาซากิในระยะแรกจะใช้ยา
แอสไพรินขนาดสูงควบคู่กับ
อิมมูโนโกลบูลิน[1] หากได้ผลผู้ป่วยมักหายจากอาการไข้ภายใน 24 ชั่วโมง และฟื้นตัวเป็นปกติ
[1] ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดกับ
หลอดเลือดหัวใจจะต้องมีการติดตามรักษาและอาจต้องผ่าตัด
[1] หากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยโรคคาวาซากิจะเกิดหลอดเลือดหัวใจโป่งพองได้ 25% และประมาณ 1% จะเสียชีวิต
[3][9] ในขณะที่หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอัตราการเสียชีวิตจะลดเหลือ 0.17%
[9] รายที่มีหลอดเลือดหัวใจโป่งพองจะต้องได้รับการตรวจหัวใจต่อเนื่องตลอดชีวิตโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
[10]โรคคาวาซากิถือเป็นโรคหายาก
[1] พบได้ประมาณ 8-67 ต่อ 100,000 ประชากรเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ยกเว้นในประเทศญี่ปุ่นซึ่งพบโรคนี้ประมาณ 124 ต่อ 100,000 ประชากร
[5] พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
[1] โรคนี้ได้รับการบรรยายไว้ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1967 โดยนายแพทย์
โทมิคาสุ คาวาซากิ (
ญี่ปุ่น: 川崎 富作
โรมาจิ:
Kawasaki Tomisaku) ที่ประเทศญี่ปุ่น
[5][11]