การป้องกัน ของ โรคระบบหัวใจหลอดเลือด

ปัจจุบัน วิธีการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมทั้ง

  • รับประทานอาหารไขมันต่ำ มีใยอาหารสูง รวมทั้งข้าวกล้อง/ธัญพืช ผักและผลไม้[62][63] การรับประทานเช่นนี้ 5 ส่วนต่อวันจะลดความเสี่ยงประมาณ 25% โดยส่วนหนึ่งของผักจะมีน้ำหนัก 77 กรัม และของผลไม้หนัก 80 กรัม[64]
  • เลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่[62]
  • จำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ให้น้อยกว่าปริมาณที่แนะนำ[62] คือการดื่มแฮลกฮอล์ 1-2 ที่เกือบทุกวันอาจลดความเสี่ยงประมาณ 30%[26][65] โดยแอลกอฮอล์ที่หนึ่งจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของแอล กอฮอล์ เช่น เบียร์ปกติ (5% แอลกอฮอล์) 341 มล. (ขวดหนึ่ง), ไวน์ (12% แอลกอฮอล์) 142 มล. (ประมาณ 3/5 แก้ว) และเครื่องดื่ม 40% แอลกอฮอล์ 43 มล. (ประมาณ 1/5 แก้ว)[66] แต่การดื่มเกินขนาดก็จะเพิ่มความเสี่ยงโรคนี้[67] และหมอก็ไม่แนะนำให้เริ่มดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพโดยทั่วไป[68]
  • ลดความดันโลหิตถ้าความดันสูง
  • ลดคอเลสเตอรอลแบบ LDL[69][70]
  • ลดไขมันในร่างกายถ้าน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน[71]
  • ออกกำลังกายหนักปานกลางเพิ่มเป็น 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อยอาทิตย์ละ 5 ครั้ง (หรือคูณ 3 ถ้าออกกำลังกายในท่านอน)[62]
  • ลดทานน้ำตาล
  • ลดความเครียด[72] วิธีนี้อาจยากเพราะไม่ชัดเจนว่า อะไรป้องกันปัจจัยเช่นนี้[73] การขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ (myocardial ischemia) เหตุความเครียด สัมพันธ์กับปัญหาทางหัวใจมากขึ้นสำหรับบุคคลที่มีโรคหัวใจมาก่อน[74] ความเครียดทางอารมณ์หรือทางร่างกายอาจนำไปสู่การทำงานผิดปกติของหัวใจรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Takotsubo syndrome[upper-alpha 2][77] แต่ความเครียดก็เป็นเพียงปัจจัยรองของความดันโลหิตสูง[78] การบำบัดโดยการผ่อนคลายแบบเฉพาะ ๆ ยังมีประโยชน์ที่ไม่ชัดเจน[79][80]

สำหรับผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นความดันสูง เป็นโรคเบาหวาน มีลิพิดในเลือดสูง หรือเป็นโรคหัวใจ การให้คำแนะนำทั่วไปเพื่อให้ปรับปรุงอาหารและออกกำลังกาย จะไม่เปลี่ยนพฤติกรรมอย่างสำคัญ ดังนั้นจึงไม่แนะนำ[81]ไม่ชัดเจนว่า การรักษาโรคฟันคือโรคปริทันต์อักเสบ (periodontitis) มีผลต่อความเสี่ยงโรคนี้[82]จนถึงปี 2014 การออกกำลังกายยังไม่ได้ศึกษาพอในผู้เสี่ยงโรคหัวใจสูง[83]

อาหาร

อาหารที่มีผักและผลไม้สูงจะลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด และความตาย[64]หลักฐานแสดงว่า อาหารแบบของคนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอาจช่วยในเรื่องโรคนี้[84]มีหลักฐานว่า อาหารเมดิเตอร์เรเนียนอาจมีประสิทธิผลกว่าอาหารไขมันต่ำเพื่อเปลี่ยนปัจจัยความเสี่ยงโรคในระยะยาว (คือ มีระดับคอเลสเตอรอลและความดันเลือดที่ต่ำกว่า)[85]ส่วนอาหารแบบแดช (DASH diet) ที่มากไปด้วยถั่ว ปลา ผลไม้ และผัก และมีของหวาน ๆ เนื้อแดง และไขมันต่ำ พบว่า ลดความดันโลหิต[86],ลดคอเลสเตอรอลแบบ LDL พร้อมคอเลสเตอรอลทั้งหมด[87]และปรับปรุงกลุ่มอาการทางเมแทบอลิซึม (metabolic syndrome)[88]แต่จะมีประโยชน์นอกการทดลองทางคลินิกหรือไม่ก็ยังไม่ชัดเจน[89]ส่วนการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูงปรากฏว่าลดความเสี่ยงโรคนี้[90]

ไขมันที่ทานรวมทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ[91][92]แต่อาหารที่มีไขมันทรานส์มากดูเหมือนจะเพิ่มอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด[92][93]

แนวทางการรับประทานอาหารต่าง ๆ ทั่วโลกแนะนำให้ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว[94]แต่ก็มีข้อโต้เถียงเรื่องผลของไขมันอิ่มตัวต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในวรรณกรรมการแพทย์[93][95]งานทบทวนวรรณกรรมปี 2014 และ 2015 ไม่พบหลักฐานว่ามีผลลบ[93][95]ส่วนงานทบทวรรณกรรมแบบคอเคลนปี 2012 พบหลักฐานที่แสดงนัยว่า การเปลี่ยนไขมันอิ่มตัวในอาหารไปเป็นไขมันไม่อิ่มตัวมีประโยชน์เล็กน้อย[96]แต่งานวิเคราะห์อภิมานปี 2013 ก็สรุปว่า การแทนด้วยไขมันไม่อิ่มตัวในกลุ่มกรดไขมันโอเมกา-6 คือ linoleic acid อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด[94]การเปลี่ยนไขมันอิ่มตัวไปเป็นคาร์โบไฮเดรตไม่ลดความเสี่ยงหรืออาจเพิ่มความเสี่ยง[97][98]การเปลี่ยนเป็นไขมันไม่อิ่มตัวแบบมีพันธะคู่หลายคู่ (PUFA) มีประโยชน์สูงสุด[92][99]แต่การรับประทานอาหารเสริมคือกรดไขมันโอเมกา-3 (ซึ่งก็เป็น PUFA เหมือนกัน) ดูเหมือนจะไม่มีผล[100]

การรับประทานอาหารมีเกลือน้อยมีผลไม่ชัดเจนงานทบทวนวรรณกรรมแบบคอเคลนสรุปว่า ผู้มีความดันสูงหรือความดันกึ่งสูงได้ประโยชน์น้อย ถ้าได้โดยประการทั้งปวง[101]อนึ่ง งานทบทวนวรรณกรรมแสดงว่า อาหารที่มีเกลือน้อยอาจมีโทษต่อผู้มีหัวใจวาย (congestive heart failure)[101]แต่งานก็ถูกวิจารณ์โดยเฉพาะว่า ไม่ยกเว้นการทดลองงานหนึ่งในเรื่องหัวใจล้มเหลวที่คนไข้มีระดับเกลือและน้ำต่ำเหตุยาขับปัสสาวะ[102]เพราะเมื่อยกเว้นงานนี้ งานทดลองที่เหลือแสดงแนวโน้มว่ามีประโยชน์[102][103]

ส่วนงานทบทวนเรื่องอาหารเค็มอีกงานหนึ่งสรุปว่า มีหลักฐานดีว่า อาหารมีเกลือสูงเพิ่มความดันโลหิตและทำให้โรคความดันสูงแย่ลง และเพิ่มปัญหาหัวใจและหลอดเลือดโดยปัญหาหลังเกิดก็เพราะความดันโลหิตสูงขึ้น และน่าจะเกิดผ่านกลไกอื่น ๆ อีกด้วย[104][105]มีหลักฐานในระดับปานกลาง (moderate) ว่า การบริโภคเกลือมากเพิ่มอัตราการตายเหตุหัวใจและหลอดเลือดและมีหลักฐานบ้างว่า เพิ่มอัตราการตายทั่วไป (overall mortality) เพิ่มอัตราโรคหลอดเลือดสมอง และทำให้หัวใจห้องล่างด้านซ้ายโต (left ventricular hypertrophy)[104]

ยา

แอสไพรินพบว่า ผู้ที่เสี่ยงโรคหัวใจต่ำได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อยในเรื่องปัญหาหัวใจและหลอดเลือด เพราะความเสี่ยงเลือดออกหนักเกือบจะเท่าประโยชน์ที่ได้[106]จึงไม่แนะนำให้ใช้ยานี้สำหรับคนที่เสี่ยงน้อยมาก[107]

ยาลดไขมันคือ statins มีประสิทธิผลป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดไม่ให้แย่ลงสำหรับผู้มีประวัติของโรค[108]แต่เพราะชายมีอัตราปัญหาหัวใจสูงกว่า การลดปัญหาในชายจึงเห็นได้ง่ายกว่าในหญิง[108]สำหรับบุคคลที่ไม่มีโรคแต่มีปัจจัยเสี่ยง ยาดูเหมือนจะมีประโยชน์ลดความเสี่ยงตายและโรคหัวใจ[109]แนวทางการรักษาของสหรัฐฉบับหนึ่งแนะนำให้ใช้ยาสำหรับผู้มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเท่ากับ 12% หรือยิ่งกว่านั้นภายใน 10 ปีข้างหน้า[110]ช่วงเวลารับประทานยาเพื่อให้เกิดผลป้องกันความตายดูเหมือนจะนาน คือเป็นปี ซึ่งเกิดช้ากว่าผลลดลิพิดของยา[111]ยาไนอาซิน, fibrates และ CETP Inhibitors (เช่น Torcetrapib) แม้จะเพิ่มคอเลสเตอรอลแบบ HDL แต่ก็ไม่มีผลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับผู้ที่ทานยา statins อยู่[112]

สำหรับคนไข้ความดันสูงในหลอดเลือดปอด (pulmonary hypertension) เหตุโรคหัวใจข้างซ้าย หรือเหตุภาวะเลือดขาดออกซิเจนเนื่องกับปอด (hypoxemic lung diseases) การใช้ยาออกฤทธิ์ต่อหลอดเลือด (vasoactive) อาจมีโทษพร้อมกับมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สมควร[113]

อาหารเสริม

แม้อาหารที่ถูกสุขภาพจะมีประโยชน์ แต่โดยทั่วไปแล้วผลของอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่นวิตามิน (วิตามินอี วิตามินซี เป็นต้น) ก็ไม่พบว่าป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและบางกรณีอาจกลับมีโทษ[114][115]อนึ่ง อาหารเสริมพวกแร่ธาตุก็ไม่พบว่ามีประโยชน์เช่นกัน[116]

รูปแบบหนึ่งของวิตามินบี3คือไนอาซิน อาจเป็นข้อยกเว้นเพราะลดความเสี่ยงปัญหาหลอดเลือดหัวใจสำหรับบุคคลที่เสี่ยงสูง[117][118]อาหารเสริมคือ แมกนีเซียม จะลดความดันโลหิตโดยขึ้นอยู่กับขนาดที่ใช้[119]แนะนำให้รักษาด้วยแมกนีเซียมสำหรับคนไข้ภาวะหัวใจห้องล่างเสียจังหวะ (ventricular arrhythmia) ที่สัมพันธ์กับภาวะ torsades de pointes และมีอาการเป็นคลื่นหัวใจช่วง QT interval ยาวผิดปกติ (long QT syndrome) ตลอดจนคนไข้ที่หัวใจเสียจังหวะเนื่องจากพิษจากยาดิช็อกซิน[120]

ไม่มีหลักฐานสนับสนุนให้ใช้กรดไขมันโอเมกา-3[121]

ใกล้เคียง

โรคระบบหัวใจหลอดเลือด โรคระบาดทั่ว โรคระบาดยุสตินิอานุส โรคระบบหายใจ โรคระบาด โรคระบาดแอนโทนิน โรคระบาดครั้งใหญ่ในลอนดอน โรคระบาดทางการเงิน โรคระบบประสาทเสื่อม โรคของระบบประสาท

แหล่งที่มา

WikiPedia: โรคระบบหัวใจหลอดเลือด http://www.nps.org.au/health_professionals/publica... http://www.heartandstroke.ca/articles/ask-a-cardio... http://www.heartandstroke.ca/heart/risk-and-preven... http://www.bmj.com/content/334/7599/885 http://www.diseasesdatabase.com/ddb28808.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=429.... http://www.medicinenet.com/heart_disease_coronary_... http://www.thaiglossary.com/search/cardiovascular%... http://www.publichealthreviews.eu/show/f/85 http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topi...